บทที่ 225 ละครชีวิตของสาวกระโปรงสีทับทิม
บทที่ 225 ละครชีวิตของสาวกระโปรงสีทับทิม
ต่อให้ศักดิ์ศรีจะล่ำค่าแค่ไหน แต่ชีวิตก็มีค่ามากกว่า เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่เหินก็เจรจากับหญิงสาวในชุดแต่งงานและหลบใต้กระโปรงชุดแต่งงานของเธอหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงใกล้เข้ามา ฉู่เหินที่หลบอยู่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวสุดๆ โตมาจนป่านนี้เขาไม่เคยรู้สึกอับอายเท่านี้มาก่อน
ทว่าถ้าเป็นผู้ชายแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตื่นเต้นมากจริงๆ ลองคิดดูสิว่าถ้ามีโอกาสหลบใต้กระโปรงเจ้าสาวสักครั้งในชีวิตมันจะน่าตื่นเต้นมากแค่ไหน
ฉู่เหินสัมผัสกับขานุ่มๆ และเรียวบางอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ฉู่เหินโมโหตัวเองเพราะ แค่ขอซ่อนตัวใต้กระโปรงเจ้าสาวก็น่าอับอายมากพอแล้วยังมาทำตัวหื่นแบบนี้อีก
ฉู่เหินรู้ดีว่าเวลานี้การอยู่เฉยๆ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถ้าเขาก้าวออกไปข้างนอกต้องโดนฆ่าแน่ๆ ถึงเขาจะมั่นใจว่ายังพอต่อสู้ไหวแต่ยังไงคุณภาพก็อาจแพ้จำนวน เขาเลือกที่จะไม่สู้เพื่อฟื้นพลังให้กลับมาก่อน
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่สุภาพบุรุษอะไรขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ฉวยโอกาสทำอะไรแน่นอน เสียแต่ว่าตำแหน่งที่เขาอยู่นั้นมันไม่ได้ดีต่อใจเท่าไหร่ ต่อให้เขาไม่อยากมอง แต่แค่เงยหน้าขึ้นก็เห็นอะไรต่อมิอะไรหมดแล้ว
ฉู่เหินพูดไม่ออกเขารู้สึกว่าชีวิตคนเราช่างน่าสงสาร เขามองเห็นทุกอย่างจนอยากให้มีแสงแห่งสัจธรรมมาเซนเซอร์ใต้กระโปรงตัวนี้ซะที! ฉู่เหินถอนหายใจแล้วกำหมัดแน่น “ฉันต้องรอดๆ!”
สุดท้ายไม่นานเขาก็มองมันอยู่ดี ฉู่เหินรู้สึกเลือดสูบฉีดขึ้นมากองบนหน้า เขาเลยตัดสินใจหลับตาลงซะ ฉันมองไม่เห็น ไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งนั้น! ฉู่เหินท่องคำนั้นในใจซ้ำๆ ถึงค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย!
ฉู่เหินพยายามที่จะไม่เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบน แต่ข้างนอกก็มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น จู่ๆ ฉู่เหินรู้สึกได้ถึงมือของเจ้าของกระโปรงกดศีรษะของเขาเข้าไปติดกับ….เบาๆ
ตอนนี้เขารู้สึกอยากที่จะออกไปจากตรงนี้มาก เพราะพอเธอกดหัวเขาเข้าไปใบหน้าของฉู่เหินก็แนบไปกับสิ่งที่เขาเลี่ยงมาตลอด จนจมูกได้กลิ่นสาปสาวปะทะเข้าเต็มเปา
ในเวลานี้ปัญหาคือไม่ว่าจะอยากดมหรือไม่อยากดม จมูกของเขาก็นั้นแนบชิดกับมันเข้าไปเต็มๆ แม้ว่าเขาจะไม่อยาก แต่แค่เขาหายใจกลิ่นของอีกฝ่ายก็ลอยเข้ามาแล้ว ทั้งยังแรงขึ้นเรื่อยๆด้วย
สำหรับชายวัย 20 อย่างฉู่เหินนี้เป็นเรื่องที่ชวนลำบากใจมาก ฉู่เหินจะอดทนไปได้นานขนาดไหนกัน แม้ว่าเขาจะใกล้ชิดกับเสี่ยวซิงมากแต่เขาก็ไม่เคยใกล้ถึงขั้นนี้มาก่อน
ฉางเย่เองตอนนี้เธอหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว เมื่อกี้ตอนที่เกี้ยวเจ้าสาวเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เธอได้ยินเสียงดังมาแว่วมาจากด้านนอก ฉางเย่เดาได้ทันทีว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่ไล่ล่าฉู่เหินแน่ๆ ตอนที่เธอกำลังเครียดว่าจะทำยังไงดี กระโปรงของเธอก็ขยับเคลื่อนไหวไปมา
เพราะว่าในกระโปรงมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด การที่ให้ผู้ชายคนหนึ่งเข้าไปอยู่ในนั้นทำให้ขยับได้ไม่สะดวก แค่พอขยับตัวนิดหน่อยกระโปรงก็ขยับสั่นไหวอย่างแรงแทน ถ้าอยู่ๆ เกิดมีคนเดินเข้ามาตอนนี้ต้องความแตกแน่ๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวตัดสินใจกดหัวของฉู่เหินให้อยู่กับที่
แต่เธอไม่รู้ว่าพอกดหัวเขาเบาๆ หน้าของอีกฝ่ายก็แนบชิดกับจุดสำคัญของเธออย่างใกล้ชิด พึ่งมีผู้ชายสัมผัสตรงนั้นของเธอเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาทำให้เธอไม่รู้จะทำยังไงดี ได้แต่ต้องลืมความอายแล้วกดหัวเขาไว้แบบนั้น
ตอนนี้ภายนอกเกิดเสียงดังเอะอะ จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงตะโกนว่าขอตรวจค้นภายในเกี้ยวเจ้าสาว หลังจากนั้นพวกเขาก็โผล่หน้ามามองภายในเกี้ยวหลายครั้ง เมื่อไม่เห็นอะไรก็หันหลังเดินจากไป เมื่อมองชายคนนั้นจากไปจนลับสายตา ฉางเย่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
จากนั้นเธอก็สะกิดเบาๆ ลงบนกระโปรงของตน เป็นการบอกฉู่เหินว่าอีกฝ่ายจากไปแล้ว ทว่าแม้เธอจะสะกิดเขาหลายครั้งจนเวลาผ่านไปหลายนาทีแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉู่เหินแม้จะเป็นคนฉลาดและรับมือกับสิ่งต่างๆ ได้ดี แต่เรื่องระหว่างชายหญิงสำหรับเขาถือว่าค่อนข้างหัวช้า ไม่เช่นนั้นตอนที่เขาเป็นแฟนกับเจี่ยถงถง 3 ปี มือเขายังไม่ได้จับเลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นตอนนี้ฉู่เหินเลยไม่ได้รู้สึกอะไรกับการสัมผัสเบาๆนี้ เขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายอยู่ๆ เป็นอะไรขึ้นมา เขาเลยคิดว่าจำเป็นต้องพูดกับหญิงสาวอย่างจริงจังเสียแล้ว
ฉางเย่ในตอนนี้หัวสมองว่างเปล่า ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เธอไม่แน่ใจว่าการทำเช่นนี้ถูกหรือว่าผิด! เขาว่ากันว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น* มิสู้การช่วยชีวิตคน เธอที่อดทนความลำบากมาหลายปี ไม่เคยมีใครยื่นมือมาช่วยเลยสักคน แต่พอคิดๆ ดูแล้วก็ช่างมันเถอะ ไม่มีใครช่วยเธอ แต่เธอได้ช่วยคนอื่นก็ดีเหมือนกัน *(ช่วยคนได้บุญมากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น)
เสียงโวยวายข้างนอกดูคล้ายจะดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับกำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด!
ทางด้านฉู่เหินตอนนี้กำลังคิดถึงเจ้าสาวคนนี้ เขาหลบซ่อนตัวอยู่ในนี้มาครึ่งทางแล้ว ใบหน้าของเขาก็เริ่มดูไม่ได้
เขาเลยลองตั้งสมาธิฟังเสียงรอบข้าง ขบวนเจ้าบ่าวตอนนี้ส่งเสียงที่เต็มไปด้วยความโมโหออกมาไม่หยุด มองยังไงก็ไม่เหมือนการแสร้งเลยสักนิด เพราะไม่งั้นจะรุนแรงถึงเพียงนี้เลยเหรอ
หลังจากฟังดูสักพักก็พบว่าเรื่องที่พูดนั้นไม่เกี่ยวกับฉู่เหินเลย ก็แน่นอนละพวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่าฉู่เหินซ่อนตัวอยู่ใต้กระโปรง ไม่มีใครหาเขาเจอแน่นอน ชายหนุ่มคงตัดสินใจฟังรายละเอียดของในขบวนเจ้าบ่าวรอบๆ
ยิ่งฟังมากเท่าไร ฉู่เหินก็ยิ่งเดือดดาลขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บอยู่ เดิมทีก็ขยับร่างกายได้ไม่มากเท่าไร แต่ตอนนี้เขาคิดจะฆ่าคนให้หมดทั้งขบวนช่วยเจ้าสาวคนนี้ให้ได้ เป็นตายช่างมัน! คล้ายฉางเย่จะสัมผัสได้ถึงจิตใจที่เต้นรัวของฉู่เหิน เธอจึงใช้มือข้างหนึ่งตบเบาๆบนหัวให้เขาอยู่นิ่งๆ
จิตใจที่เดือดดาลด้วยความแค้นสงบลง ทว่าดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยจิตสังหาร ถ้าวันนี้ถ้ามีโอกาสเขาจะไม่อภัยคนที่รังแกเธอคนนี้แน่ๆ!
ตอนนี้เขาได้วางแผนมอบความตายให้กับพวกมันแล้ว
แต่จู่ๆฉู่เหินก็ถึงหนิงเจียนขึ้นมา ในใจฉู่เหินเต็มไปด้วยความคิดมากมาย ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมากับเธอละก็ เขาคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ฉู่เหินรู้สึกว่าครั้งนี้เขาต้องเอาตัวหญิงสาวคนนี้หนีไปด้วย
ตอนนี้ฉู่เหินเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าสาวคนนี้ถึงได้แปลกประหลาดนัก! เพราะถ้าเกิดเป็นเจ้าสาวคนอื่นโดนก่อกวนงานแต่งงานคงจะโมโหไปแล้ว แต่เจ้าสาวคนนี้กลับทำท่าทางดีใจและเหมือนกับเฝ้ารอเวลานี้มานานแล้ว!
นั้นก็เพราะว่าเจ้าบ่าวเป็นวัณโรค! การที่หญิงสาวต้องมาแต่งงานกับคนแบบนี้ยังไงก็ต้องรู้สึกลำบากใจแน่นอน จะมีสาวสวยที่ไหนยอมแต่งงานกับคนเป็นวัณโรคกัน
ตอนนี้เขากับเธอใกล้ชิดกันเกินไปจนเขาคงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย ฉู่เหินพูดจากใจจริงเลยว่าเขาเริ่มหื่นขึ้นมาบ้างแล้ว เขาจะช่วยเธอให้ได้!
พอคิดถึงตรงนี้ จิตใจของฉู่เหินก็สงบลงไม่น้อย ไม่ว่ายังไง หญิงสาวคนนี้ก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ตัวเขาเองก็ต้องตอบแทนบุญคุณเช่นกัน อีกทั้งเรื่องบังเอิญแบบนี้เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองแสดงว่าพวกเขาน่าเคยมีชะตารวมกันมาก่อน
หลังจากคิดถึงว่าจะช่วยเธอยังไงดี เสียงด้านนอกที่เคยเอะอะโวยวายอยู่ก็ค่อยๆสงบลง ไม่นานเครื่องดนตรีโบราณก็เล่นต่อ พร้อมกับขบวนเจ้าบ่าว ค่อยๆเดินต่อไป คล้ายกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อก่อนฉางเย่เคยฝันว่าจะมีวันหนึ่งที่มีวีรบุรุษมาช่วย ให้หล่อนได้ออกไปจากที่แห่งนี้! ดังนั้นตอนนี้ในใจของเธอเองก็แอบคาดหวังว่าคนที่หลบอยู่ใต้กระโปรงของเธอคนนี้ จะเป็นวีรบุรุษที่ว่านั่น
แต่ว่าความฝันนี้เธอฝันมาไม่รู้ตั้งเท่าไร แล้วเคยมีสักครั้งไหมที่มันเป็นจริง? ทุกครั้งเธอต้องตื่นจากฝันร้ายนี้ด้วยความตื่นกลัว แต่วันนี้กลับต่างออกไปมันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่น ที่เธอไม่เคยคาดฝันมาก่อน
ดอกไม้ช่อใหญ่ ทำนองเพลงสองบท
เส้นทางยาว 30 ลี้ที่สั่นสะเทือนตลอดทาง
พร้อมกับเสียงขลุ่ยต้อนรับเจ้าสาว ในขบวนเจ้าบ่าว
ม่านที่ปกปิดเกี้ยวเจ้าสาวผืนหนึ่งคล้ายจะแตกต่าง
ภายนอกสุขสันต์ภายในรอเวลา
หลายครั้งหลายหนที่กรงขังโชคชะตาเปลี่ยนแปลง
หลายครั้งหลายหนที่ต้องล้มลุกคลุกคลาน
เมื่อภูเขาสูงและลำธารไหลมาบรรจบกัน
ดั่งละครชีวิตของสาวกระโปรงสีทับทิมนี้