บทที่ 139 ผิดที่เมื่อก่อนดูคนผิดไป
ได้ยินคำพูดของเจียงหยุนเอ๋อที่ปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นสีหน้าของเจียงเย่เฉิงก็ดูไม่ได้เลย
เจียงหนิงเอ๋อที่อยู่ด้านข้างพูดต่อว่า“อันนี้เป็นน้ำใจจากคุณพ่อ พวกคุณไม่จำเป็นต้องหักหน้ากันขนาดนี้ก็ได้?”
บัดนี้ ซูม่านลีที่ไม่ได้พูดอะไรเลยกลับเอ่ยปากพูดขึ้นมา“พอแล้ว พวกคุณวางของไว้ตรงนั้น ตอนนี้พวกคุณได้เห็นแล้วก็ไปได้แล้ว”
เจียงเย่เฉิงอ้าปากราวกับอยากจะพูดอะไร แต่ซูม่านลีขมวดคิ้วขัดขวางการพูดของเขาไว้
“คำบางคำฉันไม่อยากจะพูดรอบที่สอง ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคุณ เชิญพวกคุณรีบออกไปเดี๋ยวนี้”
ซูม่านลีขับไล่แขกอย่างเย็นชา ทันใดนั้นบรรยากาศภายในห้องคนไข้ เห็นได้ชัดว่ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
สุดท้าย เจียงเย่เฉิงจึงได้แต่พูดหนึ่งประโยคว่าให้ซูม่านลีรักษาสุขภาพให้ดีๆ พักผ่อนเยอะๆ จากนั้นจึงพาเจียงหนิงเอ๋อออกไปจากห้อง
หลังจากสองคนนั้นได้ออกไป ห้องคนไข้ก็เงียบกริบไม่มีใครพูดอะไรเลย
หลังจากที่เงียบได้สักพักหนึ่ง ลี่จุนถิงจึงเริ่มพูดขึ้นมาว่า“ถวนจื่อ ลูกกับคุณแม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดมาให้คุณยายไม่ใช่เหรอครับ?รีบเอาออกมาให้คุณยายดูสิ”
ได้ยินลี่จุนถิงพูดเช่นนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็ได้สติขึ้นมา เอาสร้อยคอที่เอากลับคืนมาจากบ้านตระกูลเจียงยื่นให้กับซูม่านลี
“แม่ค่ะ ดูสิว่านี้คืออะไร?”
ขณะที่เห็นสร้อยคอ ดวงตาของซูม่านลีก็เกิดประกายแวววับขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ารู้สึกเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก
“เอา……เอากลับมาแล้วจริงๆ……”ซูม่านลีเอาสร้อยคอมาไว้ที่ฝ่ามือ ราวกับกำลังจะร้องไห้อย่างดีใจเป็นล้นพ้น“ตอนแรกแม่คิดว่า……ตอนแรกคิดว่าชาตินี้จะ……เอากลับคืนมาไม่ได้แล้ว……หยุนเอ๋อ ขอบใจลูกมาก”
เจียงหยุนเอ๋อแกล้งพูดอย่างโกรธเคืองว่า“แม่ แม่พูดอะไรอยู่ ทำไมยังพูดขอบคุณกับหนูอยู่อีก?หรือแม่เห็นหนูเป็นคนนอกแล้ว?”
ได้ยินเช่นนั้น ซูม่านลีก็ส่ายหัว ยกมือปัดน้ำตาบริเวณหางตาทิ้ง พูดว่า“ไม่ใช่……แม่เพียงแต่รู้สึกดีใจมากๆ”
บัดนี้ ถวนจื่อได้ยื่นของขวัญวันเกิดที่ทำเองกับมือให้ซูม่านลีอย่างตื่นเต้น “คุณยายครับ อันนี้เป็นของขวัญที่ถวนจื่อทำเองกับมือเลยนะครับ!”
ซูม่านลียิ้มอย่างเบิกบานรับของขวัญจากความตั้งใจของถวนจื่อมา รู้อย่างซาบซึ้งว่า“ขอบคุณถวนจื่อ คุณยายชอบของขวัญของหลานมากเลย”
เมื่อสักครู่ถูกเจียงเย่เฉิงทำให้เสียอารมณ์นั้น ตอนนี้ค่อยๆได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเสียแล้ว ซูม่านลีลุกขึ้นนั่งอยู่ดีอกดีใจ เตรียมตัวที่จะตัดเค้กวันเกิดกันแล้ว
หลังจากที่ตัดเค้กเสร็จแล้ว ทุกคนก็นั่งล้อมกันกินขนมเค้กด้วยกัน ดูแล้วเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันมากๆ
เมื่อเห็นภาพอย่างนี้ ในใจซูม่านลีก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
เธอมีลูกสาวที่ทั้งเชื่อฟังและกตัญญู และยังมีหลานที่น่ารัก สดใสร่าเริงเช่นนี้อีกหนึ่งคน
จากเดิมสิ่งที่ซูม่านลีเป็นกังวลที่สุดคือเรื่องคู่ครองที่จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขในช่วงบั้นปลายชีวิตของเจียงหยุนเอ๋อ แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างได้ลงตัวกันหมดแล้ว
ไม่ว่าจะมองยังไง เหมือนเธอจะไม่ต้องเป็นกังวลอะไรเลย
เพียงแต่……
ถึงแม้เจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนถิงได้จดทะเบียนแต่งงานกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้จัดพิธีเฉลิมฉลองงานมงคลสมรสกันเลย
ถึงแม้เจียงหยุนเอ๋อมีสถานะแล้ว แต่สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว คงต้องหวังจะมีงานแต่งที่สวยหรูแน่นอน
“ใช่แล้ว จุนถิง งานแต่งลูกกับหยุนเอ๋อ……จะจัดเมื่อไหร่เอ่ย?”หลังจากที่ลังเลมาได้สักพักหนึ่ง ซูม่านลีก็ได้เอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งประโยค
เจียงหยุนเอ๋อได้ยินก็ใจเต้นตุ๊บตั๊บ มองลี่จุนถิงโดยสัญชาตญาณ จากนั้นจึงพูดขึ้นมาเองว่า“แม่ค่ะ เรื่องงานแต่ง พวกเรายังไม่รีบคะ”
อันที่จริงเธอก็รู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย แต่เป็นเพราะลี่จุนถิงไม่เคยพูดถึงเรื่องงานแต่งเลย ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจมาโดยตลอด
แต่ว่า……ตอนนี้ซูม่านลีได้พูดขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าลี่จุนถิงจะตอบสนองอย่างไรบ้าง
“ทำไมจะไม่รีบล่ะ!”ซูม่านลีจ้องมองเจียงหยุนเอ๋อแวบหนึ่ง“ลูกดูสิ แม่อายุมากขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะไปเมื่อไหร่ แม่ยังอยากเห็นงานแต่งลูกนะ และยังถือว่าได้ทำตามสิ่งที่แม่ปรารถนาด้วย”
เจียงหยุนเอ๋อได้ยินดังนั้น จู่ๆก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา“แม่พูดอะไรคะเนี่ย!แม่ต้องอายุยืนอยู่แล้ว”
ซูม่านลีถอนหายใจเบาๆ พูดว่า“ร่างกายของแม่ แม่รู้ดีว่าเป็นอย่างไร”
“แม่อย่าพูดเรื่อยเปื่อยสิค่ะ วันนี้เป็นวันเกิดของแม่นะ”เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้วพลางพูดขึ้นมา
ลี่จุนถิงก็พูดอย่างข้างๆว่า“ใช่ครับคุณแม่”
หลังจากที่จัดงานวันเกิดเสร็จแล้ว ทุกคนก็ไม่ได้รีบร้อนจะกลับไป เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของซูม่านลีทั้งที ยังไงเสียก็คงต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอให้มากๆถึงจะถูก
อยู่เช่นนี้จนค่ำ ถวนจื่อรู้สึกง่วงนอนเสียแล้ว เลยนอนคว่ำอยู่บนตักเจียงหยุนเอ๋ออย่างง่วงนอนเต็มแก่
เห็นถวนจื่อใกล้จะหลับแล้ว ซูม่านลีจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า“หยุนเอ๋อ ในเมื่อถวนจื่อง่วงนอนแล้ว พวกลูกก็พาเขากลับไปพักผ่อนกันเถอะ ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้ว พอพวกลูกออกไปแล้ว แม่ก็จะพักผ่อนบ้าง”
“เอ่อ……”เจียงหยุนเอ๋อมองถวนจื่อแวบหนึ่ง ลังเลไปสักพักหนึ่งแต่ก็ตอบตกลง“ก็ได้ค่ะ แม่ค่ะ พรุ่งนี้หนูมาหาใหม่นะคะ”
“อืม ไม่เป็นอะไร ถ้ายุ่งล่ะก็ หนูก็ไม่จำเป็นต้องหาเวลามา เพราะในโรงพยาบาลมีคนคอยดูแลแม่อยู่แล้ว”ซูม่านลีพูดอย่างยิ้มแย้ม
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหัว พลางพูดว่า“ทำอย่างนั้นไม่ได้ค่ะ ถึงแม้จะยุ่งขนาดไหนหนูก็จะมาเยี่ยมแม่ค่ะ”
หลังจากที่ต่างพูดคุยกันอย่างเป็นห่วงอีกหลายประโยค ลี่จุนถิงก็อุ้มถวนจื่อที่กำลังจะหลับ เพื่อเตรียมตัวจะออกไปพร้อมกับเจียงหยุนเอ๋อ
“ใช่แล้ว หยุนเอ๋อ ของบำรุงที่พ่อหนูส่งมาให้ แม่ไม่ได้ใช้ หนูเอากลับไปเถอะ”ทันใดนั้นซูม่านลีก็พูดขึ้นมา
ตอนนี้ซูม่านลีกำลังป่วยอยู่ จึงกินอะไรไม่ลงเลย และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่เจียงเย่เฉิงถึงได้ส่งของพวกนี้มาโดยเฉพาะ
แต่ถ้าหากเขามีความสัมพันธ์กับตนเพียงเล็กน้อยก็คงจะรู้ดีว่าตนไม่ต้องการของพวกนี้เลย
เฮ้อ……โทษตัวเองที่เมื่อก่อนดูคนผิดไปเองแหละ
“หยุนเอ๋อ ช่วงนี้ลูกก็เหนื่อยน่าดู เอากลับไปบำรุงร่างกายก็ดีนะ”ซูม่านลีพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค
เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ได้โต้ซูม่านลีแต่อย่างใด ยกของบำรุงขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็กล่าวคำอำลาและจากไป
หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน เจียงหยุนเอ๋อก็โยนของบำรุงไว้บนโซฟาอย่างสบายๆ ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ
เธอก็ไม่ได้สังเกตเห็นคนรับใช้ได้เก็บของบำรุงอย่างเงียบๆหลังจากที่เธอได้วางของลงแล้ว
ตอนกลางคืน เจียงหยุนเอ๋ออาบน้ำเสร็จ ตอนที่เดินออกมาจากห้องนอนก็เห็นลี่จุนถิงกำลังมองปฏิทินอย่างละเอียดอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ทำไมเหรอ?”เจียงหยุนเอ๋อเดินไปอยู่ที่ด้านหลังลี่จุนถิง พลางถามขึ้นมา“ช่วงนี้คุณต้องออกไปทำงานต่างถิ่นเหรอ?”
“ไม่ใช่”ลี่จุนถิงยิ้มเบาๆ ค่อยๆส่ายหัว สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ปฏิทินเหมือนเดิม“ผมเพียงแค่กำลังดูว่า ช่วงสองเดือนนี้มีฤกษ์แต่งงานวันไหนบ้าง”