ตอนที่ 41 เสน่ห์ของสหายตัวจ้อย

บนโขดหินยักษ์ หยางเย่นั่งทำสมาธิพร้อมมองไปยังกระดาษยันต์ที่ว่างเปล่า พู่กันเขียนยันต์ในมือเริ่มเคลื่อนไหวบนกระดาษอย่างระมัดระวัง

มีสหายตัวจ้อยและเปาเอ๋อยืนมองจากด้านข้าง แต่เปาเอ๋อไม่ได้มีท่าทีจริงจังอย่างสหายตัวจ้อยและหยางเย่ นางสลับดูระหว่างหยางเย่กับสหายตัวจ้อยที่น่ารักมากกว่า ยิ่งกว่านั้นดวงตากลมโตของนางที่กลอกไปมาอย่างรวดเร็ว มันราวกับว่ากำลังมีแผนการบางอย่าง

ผ่านไปชั่วครู่ หยางเย่ยกพู่กันออกและสูดลมหายใจลึกก่อนจะมองไปที่เปาเอ๋อพร้อมกล่าว “เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าสร้างยันต์แบบนี้มีอะไรผิดเพี้ยนไปหรือไม่?”

ตั้งแต่ที่เปาเอ๋อมาถึง นางบอกว่าอยากเห็นเขาสร้างยันต์ หรืออาจกล่าวได้ว่านางตั้งใจจะสอนเขา ในฐานะผู้เริ่มต้นหยางเย่จะกล้าขัดคำสั่งศิษย์พี่ได้ยังไง? เพื่อความพึงพอใจของศิษย์พี่ หยางเย่ตั้งใจสร้างยันต์อย่างจริงจังและระมัดระวังอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

เปาเอ๋อถอนสายตาจากสหายตัวจ้อยอย่างไม่ค่อยเต็มใจ จากนั้นนางหยิบยันต์เสริมกำลังของหยางเย่มาดู เมื่อเห็นว่ายันต์เสริมกำลังเป็นยันต์ระดับสูง แววตาเปาเอ๋อเปล่งประกายอย่างรวดเร็วก่อนจะมองไปที่หยางเย่พร้อมกล่าว “อืม มันไม่เลวเลยทีเดียว แต่ความเร็วในการเขียนยังช้าเกินไป มันต้องเร็วกว่านี้อีกนิดหน่อย” ทันทีที่กล่าวจบ ใบหน้าเปาเอ๋อเริ่มเป็นสีแดง

หยางเย่พยักหน้าเห็นด้วย เพราะรู้สึกว่าใช้เวลาตั้งครึ่งชั่วยามในการสร้างยันต์ มันค่อนข้างช้าสำหรับเขา หยางเย่เองก็ทราบดีว่าไม่อาจอดทนได้นานกว่านั้น ดังนั้นจึงต้องพัฒนาความเร็วขึ้นไปอีก

เมื่อเห็นหยางเย่พยักหน้า ดวงตาเปาเอ๋อหรี่ลงขณะที่นางเผยรอยยิ้มที่สดใสออกมา อันที่จริงความรวดเร็วในการสร้างยันต์ของหยางเย่และคุณภาพของยันต์มันเยี่ยมมากอยู่แล้ว อย่างน้อยมันก็ดีกว่าตอนนางอยู่ระดับเริ่มต้นด้วยซ้ำ แต่เปาเอ๋อเลือกที่จะไม่บอกหยางเย่ เพราะปู่ของนางกล่าวไว้ว่า ไม่ควรเยินยอคนผู้หนึ่งจนเกินไป มันจะทำให้ผู้ที่ถูกเยินยอได้ใจ

เมื่อนึกถึงคำของท่านปู่ เปาเอ๋อพยักหน้าเห็นด้วยอย่างลึกซึ้งพร้อมนึกในใจ ‘ใช่แล้ว เราไม่อาจให้ศิษย์แรงงานตัวจ้อยภูมิใจจนเกินไป เราต้องทำให้ความมั่นใจของเขาลดลง!’

“เปาเอ๋อ ท่านปู่เจ้า… อืม ข้าหมายถึงอาจารย์น่ะ เขากลับมาแล้วหรือยัง?” หยางเย่ถามเพราะต้องการจะพบอาจารย์ท่านนี้ที่รับเขาเป็นศิษย์อย่างง่ายดาย เพราะจากที่เห็นบรรดาศิษย์แสดงความเคารพเปาเอ๋อแล้ว อาจารย์ผู้นี้ต้องเป็นคนที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง และมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากหากสามารถพึ่งพิงขุนเขาที่ยิ่งใหญ่นี้

รอยยิ้มของเปาเอ๋อหายสิ้นเมื่อถูกกล่าวถึงท่านปู่ นางขยับริมฝีปากก่อนจะกล่าว “เจ้าเฒ่านั้นจากไปเป็นเดือนแล้ว! การประชุมอาจารย์ยันต์ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันนะ? เขาแอบออกไปหาความสำราญคนเดียวแต่ไม่พาเปาเอ๋อไปด้วย! เมื่อกลับมาข้าจะดึงหนวดเสียให้เข็ด!”

“เขายังไม่กลับมาอีกงั้นหรือ?” หยางเย่ผิดหวังเล็กน้อย เขาไม่ได้หวังสิ่งใดจากที่แห่งนี้ แต่เพียงต้องการแค่เรียนรู้การสร้างยันต์เพิ่มจากปู่ของเปาเอ๋อเท่านั้น ยามนี้ความรวดเร็วในการพัฒนาของเขาช้าเกินไป ทั้งยังต้องคลำหาวิธีด้วยตนเอง หากได้คำแนะนำจากอาจารย์ยันต์ เขาคงสามารถพัฒนาตนเองได้เร็วกว่านี้แน่นอน

“อย่าไปกล่าวถึงเขาอีกเลย!” เปาเอ๋อกล่าวด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย ทันใดนั้นดวงตากลมโตของนางหันไปมองยังมิงค์ม่วงข้างหยางเย่ “ผู้ใช้แรงงานตัวจ้อย นั่นคือใครงั้นหรือ?” นางต้องการถามคำถามนี้มานานแล้ว

มิงค์ม่วงกระพริบตาปริบ จากนั้นมันรีบไปยืนบนไหล่หยางเย่ เพราะแม่นางน้อยมองค่อนข้างน่ากลัว

หยางเย่ชะงักเมื่อเห็นดวงตาเปาเอ๋อเปล่งประกายอย่างตื่นเต้น ความรู้สึกไม่ค่อยดีปรากฏขึ้นในใจเขาทันที

สหายตัวจ้อย่น่ารักอย่างมาก หากนางปีศาจน้อยนี้เกิดหลงใหลมันขึ้นมาล่ะ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หยางเย่ประมวลคำก่อนจะกล่าว “มันคือสหายของข้าเอง มันช่วยเหลือข้าอย่างดีใน…”

“ข้าให้ยันต์ระดับสูงเจ้าสิบแผ่นเพื่อแลกกับมัน!” เปาเอ๋อขัดจังหวะหยางเย่พร้อมเสนอราคา นางชื่นชอบสหายตัวจ้อยอย่างมาก ขณะมองไปที่มันนางรู้สึกว่ามันน่ารักเหมือนตนเอง

หยางเย่ปวดหัวเล็กน้อยเพราะสหายตัวจ้อยไม่อาจเอาให้เปาเอ๋อได้ ยิ่งกว่านั้นหากเขายกมันให้ สหายตัวจ้อยเองก็ไม่ยอมไปกับเปาเอ๋ออยู่ดี ถึงแม้เขาจะไม่มั่นใจในตนเอง แต่ก็ยังมั่นใจในตันเถียนน้ำวนในร่างกาย

“ยันต์ระดับสูงสิบห้าแผ่น!” เปาเอ๋อเปลี่ยนสายตาจากสหายตัวจ้อยไปที่หยางเย่ แต่เมื่อนางมองไปที่หยางเย่ครั้งนี้ มันค่อนข้างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่

สหายตัวจ้อยเข้าใจว่าเปาเอ๋อทำอะไรอยู่ และมันไม่ต้องการไปกับเปาเอ๋อแน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้หยางเย่ใจอ่อน มันกอดใบหน้าหยางเย่ด้วยกรงเล็บทั้งคู่และคลอเคลียหัวที่เล็กจ้อยพร้อมกัน แต่มันไม่ได้สังเกตว่าเปาเอ๋อได้รู้สึกอิจฉามากขึ้นจากการกระทำนี้

หยางเย่ลูบหัวสหายตัวจ้อยและฝืนหัวเราะ “เปาเอ๋อ สหายตัวจ้อยไม่ใช่สิ่งของ มันคือสหายของข้า และมันติดตามข้าเพราะความตั้งใจของมันเอง พวกเราไม่ได้มีข้อผูกมัดสิ่งใดต่อกัน ดังนั้นข้าไม่มีอำนาจใดที่จะบังคับให้มันไปหรือไม่ไปได้”

เมื่อสังเกตเห็นเปาเอ๋อกำลังจะโกรธ หยางเย่รีบกล่าวอีกครั้ง “แน่นอน หากมันตั้งใจจะไปกับเจ้า ข้าจะไม่รั้งไว้แม้แต่น้อย มัน… มันขึ้นอยู่กับความสามารถของเปาเอ๋อแล้ว!”

เมื่อได้ยินประโยคล่าสุดของหยางเย่ ท่าทีเปาเอ๋อก็เริ่มดีขึ้นพร้อมกล่าว “ผู้ใช้แรงงานตัวจ้อย เจ้าห้ามกลับคำนะ หากมิงค์ม่วงตั้งใจไปกับข้า เช่นนั้นแล้วมันก็จะเป็นของข้า!”

“ข้าจะไม่คัดค้านอย่างแน่นอน!” หยางเย่รีบยืนยัน

เปาเอ๋อพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินหยางเย่กล่าว จากนั้นนางมองไปยังสหายตัวจ้อยและกัดฟันพร้อมกล่าว “มิงค์น้อย มากับเปาเอ๋อสิ! เปาเอ๋อมีสิ่งของล้ำค่ามากมาย ข้ายังมีทั้งเม็ดยา ยันต์ และสมุนไพรระดับสูงอีกมากมาย หากเจ้ามากับเปาเอ๋อ ทุกสิ่งจะเป็นของเจ้าในทันที เจ้าว่ายังไง?”

‘นางช่างร่ำรวยอะไรเช่นนี้!’ เปลือกตาหยางเย่กระตุกเมื่อได้ยินเปาเอ๋อ เพราะกล่าวได้ว่าเปาเอ๋อเป็นแม่นางน้อยที่ร่ำรวยอย่างมาก

สหายตัวจ้อยส่ายหัวอย่างไม่ลังเล เวลานี้กรงเล็บของมันเกาะผมหยางเย่แน่น

เปาเอ๋อยังไม่ยอมแพ้ และยังคงพยายามต่อไป “หากเจ้าไม่ชอบของวิเศษของเปาเอ๋อ เช่นนั้นของปู่ข้าล่ะ ท่านปู่ข้ามีของวิเศษมากมาย ยกตัวอย่างเช่นแก่นภายในของสัตว์อสูรขั้นจิตวิญญาณ ผลไม้ขั้นจิตวิญญาณ และสมุนไพรขั้นปฐพีและขั้นสีดำอีกนับไม่ถ้วน หากเจ้ามากับเปาเอ๋อ เช่นนั้นแล้วเปาเอ๋อจะขโมยของพวกนั้นมาให้ เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

เมื่อได้ยินนางกล่าว หยางเย่คิดอยากจะบอกไปแทนว่า “ให้ข้าไปอยู่ข้างเจ้าแทนเถอะ!”

สหายตัวจ้อยยังคงส่ายหัว มันไม่ชอบสิ่งใดเลยเพราะมันไม่ใช่ตัวมิงค์ธรรมดา

เปาเอ๋อยังคงอดทนต่อไป นางยังพยายามชักจูงสหายตัวจ้อยต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม และทุกข้อเสนอที่นางกล่าวทำให้หยางเย่ไม่หวังอะไรเลยนอกจากกลายเป็นมิงค์ม่วงแทน แต่สหายตัวจ้อยก็ยังคงส่ายหัวตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ่งกว่านั้นในท้ายที่สุดดูเหมือนมันไม่อาจทนต่อเปาเอ๋อได้อีก มันพุ่งเข้าไปยังตันเถียนของหยางเย่ เหตุนี้ทำให้เปาเอ๋อโกรธจนจะร้องไห้

หยางเย่ค่อนข้างพอใจในทัศนคติที่มั่นคงของสหายตัวจ้อย เมื่อมันทนต่อข้อเสนอมากมายได้ ตันเถียนน้ำวนนี้ค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบต่อมิงค์ม่วงเป็นอย่างมาก แม้จะมีข้อเสนอมากมายก็ไม่สามารถล่อสหายตัวจ้อยได้แม้แต่น้อย

เมื่อเห็นสหายตัวจ้อยหายไปในท้องของหยางเย่ เปาเอ๋อแสดงท่าทีโกรธและทุกข์ทรมานออกมา นางร้องไห้ครวญคราง และดูเหมือนจะร้องจนหยางเย่มอบสหายตัวจ้อยให้

เมื่อใช้การกระทำนี้ต่อปู่ของนางได้ มันจะต้องได้ผลกับหยางเย่เช่นกัน!

หยางเย่ปวดหัวอย่างจริงจังเมื่อเห็นเปาเอ๋อร่ำไห้เช่นนี้ ‘ปีศาจน้อยผู้นี้อายุไล่เลี่ยกับเสี่ยวเหยา แต่เหตุใดจึงมีช่องว่างระหว่างการระงับอารมณ์เช่นนี้? แม้เสี่ยวเหยาจะซุกซน แต่นางก็ยังมีมารยาทพอ ปีศาจน้อยตนนี้ถูกตามใจจากอาจารย์มากเกินไป!’

หยางเย่ใช้มือปาดน้ำตาบนหน้าเปาเอ๋อพร้อมกล่าว “อย่าร้องเลย ข้ามีหนทางที่จะให้เจ้าได้ใกล้ชิดกับสหายตัวจ้อยแล้ว!”

ดวงตาเปาเอ๋อเปล่งประกายเมื่อได้ยิน นางหยุดร้องไห้ทันทีพร้อมกล่าว “วิธีอะไรหรือ? เจ้าห้ามได้โกหกเปาเอ๋อนะ”

หยางเย่ลูบหัวเปาเอ๋อพร้อมกล่าวอย่างสุภาพ “แค่ความคิดเท่านั้น สหายตัวจ้อยและเปาเอ๋อเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก ไม่มีความผูกพันธ์ใดระหว่างเจ้าทั้งสองมาก่อน ดังนั้นมันจะยอมไปกับเจ้าได้ยังไง? เจ้าต้องสร้างความสัมพันธ์กับมันก่อน มันถึงจะให้เจ้าเข้าใกล้และยอมเป็นสหาย หากเป็นเช่นนั้นแล้ว บางทีมันอาจจะไม่ปฏิเสธข้อเสนอที่จะไปด้วย เจ้าคิดเห็นเช่นไรล่ะ?”

เปาเอ๋อเปล่งประกายขึ้นมาพร้อมคิดอยู่ชั่วขณะ นางรีบตบมือในทันทีพร้อมกล่าว “ถูกต้อง เปาเอ๋อความอดทนน้อยเกินไป แต่ข้าจะทำให้สหายตัวจ้อยประทับใจในตัวข้าอย่างไรล่ะ?”

สายตาหยางเย่เปล่งประกายเมื่อได้ยิน “ข้ามักจะให้สหายตัวจ้อยชิมบางอย่าง เช่นผลไม้และสมุนไพรแห่งจิตวิญญาณ เมื่อเวลาผ่านไปมันเริ่มติดตามข้าเอง อะแฮ่ม…”

ทันทีที่กล่าวจบ ใบหน้าหยางเย่กลายเป็นสีแดง ประกายแห่งความรู้สึกผิดผุดขึ้นในใจ เขาถามตนเอง ‘มันดีจริงหรือที่จะโกหกเปาเอ๋อเช่นนี้?’

แต่เมื่อนึกถึงเปาเอ๋อที่ไม่ยอมแพ้ที่จะเอาสหายตัวจ้อยไปให้ได้ ความรู้สึกผิดในใจหยางเย่บรรเทาลงทันที เพราะหากไม่ใช้กลยุทธ์นี้ สหายตัวจ้อยและเขาคงไม่พบความสงบสุขเป็นแน่

เปาเอ๋อพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งนี้ “ศิษย์แรงงานตัวจ้อย เจ้าถูกต้องแล้ว ข้าจะกลับไปที่บ้านเพื่อนำของวิเศษมาให้!” ทันทีที่กล่าวจบ นางวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

หยางเย่ถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นร่างเปาเอ๋อหายไปในหุบเขา จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นบนฟ้าพร้อมกล่าวเสียงต่ำ “อีกไม่ถึงสามวันที่การทดสอบศิษย์นอกจะเริ่ม คิดว่าอัจฉริยะทั้งหลายในเมืองที่มีคุณสมบัติคงจะมายังสำนักดาบราชันแน่ เราต้องพยายามเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่า!”