บทที่ 131 เจียงหว่านร้องไห้

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่131 เจียงหว่านร้องไห้

“เหวินเจี๋ย นี่มันสี่สิบล้านเลยนะ แน่ใจนะว่าจะให้ฉันน่ะ?”หลังจากพูดจบ จ้าวหลินไม่วางใจ แต่ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้

“แน่นอนว่า ขอแค่เจียงหว่านแต่งงานกับฉัน สี่สิบล้านนี้ ฉันจะให้ด้วยมือตัวเองเลย”จางเหวินเจี๋ยพูด“แต่ว่า ความสัมพันธ์เจียงหว่านกับมู่เซิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี”

“วางใจเถอะ การแต่งงานครั้งนี้ขึ้นอยู่กับนาย ขอแค่มีฉันเอ่ยปาก เจียงหว่านจะต้องแต่งงานกับนายแน่”

จ้าวหลินพูดจบ ก็มองไปที่จางเหวินเจี๋ย ยิ่งมองยิ่งถูกใจ ทั้งอายุน้อยและมีเงินทองร่ำรวย หลังจากแต่งงานไป ยังสามารถให้ตนสี่สิบล้านอีก ไอ้ไร้ประโยชน์นั่นทำแบบนี้ได้ไหม?

“แต่ว่า เหวินเจี๋ยฉันอยากให้นายรอหน่อย”

“ทำไมครับ?”จางเหวินเจี๋ยไม่เข้าใจ

“เพราะ สามีของฉันทำพินัยกรรมไว้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต โดยกำหนดให้พวกเขาแต่งงานกันเป็นเวลาสามปีก่อน ถึงจะได้รับมรดก เมื่อก่อนนี้เพราะเรื่องของท่านสาม ฉันไม่กล้าปล่อยให้ทั้งสองคนหย่าร้าง มาวันนี้ไอ้ไร้ประโยชน์นั่นถูกเตะออกจากตระกูลเจียงไปแล้ว ดังนั้นฉันขอรับมรดกก่อนแล้วค่อยว่ากัน”จ้าวหลินกล่าว เธอรอคอยมรดกนี้ มาเนิ่นนานแล้ว

ว่ากันว่าเจียงเจิ้งจื๋อเก็บเงินไว้มากมายก่อนที่เขาจะตาย สำหรับที่ว่าเท่าไร เธอไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ไม่ว่าจะเท่าไร เงินก้อนนี้ควรจะอยู่ในกระเป๋าของเธอ

“ไม่มีปัญหาครับ คุณป้า”

จางเหวินเจี๋ยพยักหน้า เขารอมาเป็นเวลานานแล้วยังรอได้เลย มาวันนี้แค่เวลาไม่กี่วัน มันเทียบอะไรไม่ได้เลย

อีกทั้ง เขาวางแผนว่าช่วงสองสามวันนี้ เขาจะหาโอกาสเหยียบย่ำมู่เซิ่งให้แหลก!

ก่อนหน้านี้เขาถูกมู่เซิ่งบีบให้คุกเข่า เขาหลบอยู่ในบ้านตั้งหลายวันไม่กล้าออกมา กัดฟันกรอดแทบรอจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆไม่ได้ ตอนนี้มีโอกาสแก้แค้นแล้ว เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร

ผ่านไปไม่นาน ก็ถึงเวลาค่ำ

มู่เซิ่งเตรียมจะออกจากบ้านไปรับเจียงหว่านเลิกงาน ก็เห็นถังเสี่ยวเยว่ยืนอยู่หน้าประตู ด้วยชุดที่เป็นทางการ

“เถ้าแก่มู่คะ ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้คุณก่อนหน้านี้ใช้ได้ไหมคะ?”ถังเสี่ยวเยว่พิฝอยู่ข้างหน้าประตู พลางขยิบตา ทั่วทั้งร่างของเธอเผยให้เห็นเสน่ห์ของความเป็นหญิงที่เป็นผู้ใหญ่ มู่เซิ่งเหลือบไปมอง ก็เห็นผู้หญิงคนนี้ไม่สวมชุดชั้นใน

มู่เซิ่งพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา“พอใช้ได้ ผมจะไปรับภรรยาแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะ”

“มีสิ มีแน่นอน”ถังเสี่ยวเยว่ปรบเสียงของเธอ แล้วกล่าวว่า“เถ้าแก่มู่คะ วันงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเรา หวังว่าคุณจะมาให้ได้นะคะ”

ครีมที่สปาหรงเหม่ยให้มู่เซิ่ง ใช้วัตถุดิบสารสกัดชั้นยอด แค่กระปุกเล็กๆกระปุกเดียวราคาก็เกือบแตะสิบล้านแล้ว ถึงราคาจะอยู่ที่สี่ถึงห้าสิบล้านก็ตาม ถึงแม้จะเห็นผลสุดยอด แต่ก็ไม่อาจขายเป็นผลิตภัณฑ์จริงได้ ไม่เช่นนั้นราคาจะต้องอยู่ที่สี่ถึงห้าสิบล้าน เกรงว่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่มีปัญญาซื้อ นอกจากเศรษฐีในเมืองเยียนจิง

ดังนั้นช่วงนี้สปาหรงเหมยจึงกำลังวิจัยตัวยาและสารสกัด ผ่านการทดลองครึ่งเดือนกว่า ในที่สุดราคาก็สามารถควบคุมให้อยู่ระหว่างห้าแสน กำไรอยู่ที่สามแสน ถึงแม้ผลลัพธ์จะต่างกันมากกว่าครึ่ง แต่เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ลบรอยแผลเป็นส่วนใหญ่ในท้องตลาด ก็พอถูไถได้

มู่เซิ่งครึ่นคิด แล้วพยักหน้าพลางพูดขึ้นมาว่า“ได้ ถึงเวลาผมจะไป”

พูดจบ เขาก็ขับรถจากไป ภายใต้สายตาเคียดแค้นของถังเสี่ยวเยว่

ผ่านไปไม่นานเขาก็มาถึงด้านล่างบริษัทของเจียงหว่าน

ใต้บริษัท มีรถหรูคันหนึ่งจอดอยู่ จางเหวินเจี๋ยกำลังถือช่อดอกไม้เดินลงมาจากบันได ด้วยสีหน้าเศร้าหมิง ข้างๆของเขา มีบอดี้การ์ดสวมชุดสูทสีดำยืนอยู่รอบๆนับไม่ถ้วน

“โอ้ ไอ้เศษสวะ คิดไม่ถึงว่าแกถูกตระกูลเจียงขับไล่ออกมาแล้ว ยังสามารถขับรถหรูขนาดนี้ได้?”

จางเหวินเจี๋ยเดินมาถึงหน้าประตูของบริษัท พอเห็นมู่เซิ่ง จู่ๆก็พูดออกมา“ไอ้เศษสวะ หลังจากจบโปรเจ็คไป แกมันก็แค่คนไร้ประโยชน์! ตอนนี้แม้แต่บ้านก็ไม่มีให้กลับ”

หลังจากหัวเราะเยาะเย้ยอย่างได้ใจ จางเหวินเจี๋ยก็เตรียมจะเดินจากไป แต่กลับถูกมู่เซิ่งขวางเอาไว้

“หมาที่ดีจะไม่ขวางทาง ไสหัวไปซะ!”จางเหวินเจี๋ยขมวดคิ้ว ไอ้เศษสวะนี่ กล้าขวางเขางั้นหรอ?

มู่เซิ่งเงยหน้าขึ้น ดวงสายตาเย็นชา เขาเอ่ยปากถามอย่างเฉยชาว่า“คุณไปหาเจียงหว่านมางั้นหรอ?”

“ฉันจะไปหาหรือไม่ มันเกี่ยวอะไรกับแกไม่ทราบ?”จางเหวินเจี๋ยพูดอย่างดูถูก

“คุณไปหาเจียงหว่านเถอะ?”มู่เซิ่งทวนถาม

“โอ้โห โกรธงั้นหรอ?”จางเหวินเจี๋ยตกตลึง และพูดด้วยรอยยิ้ม“ฉันไปหาเมียแกมาแล้วยังไง?กูไม่ได้แค่ไปหาเมียมึงมานะ ยังสวมเขาให้มึงด้วย มึงคอยดูเถอะ ไม่ช้าก็เร็วเจียงหว่านจะเป็น……”

ปึ้ง!

จางเหวินเจี๋ยพูดยังไม่ทันจบ เขาก็ถูกหมัดต่อยเข้าที่ท้องไปในที มือทั้งสองข้างกุมท้องเอาไว้ คุกเข่าลงกับพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“ไอ้เหี้ย แกกล้าทำร้ายฉัน?”

ใบหน้าของจางเหวินเจี๋ยเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาตะโกนเสียงดัง“จัดการมันเดี๋ยวนี้!”

จางเหวินเจี๋ยรู้ว่ามู่เซิ่งต่อสู้เก่ง ดังนั้นจึงจงใจจ้างบอดี้การ์ดหลายคนมาอยู่ข้างกายเขา คราวนี้ ถือว่าได้ใช้ประโยชน์

เมื่อสิ้นเสียง บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็ก้าวออกมา หนึ่งในนั้นใช้มือข้างใช้หนึ่งตบไปที่บ่าของมู่เซิ่ง จากนั้นมือก็มีเส้นเลือดขึ้นเต็มไปหมด

“ไอ้หนุ่ม แกกล้าทำร้ายคุณชายจางของเรา ฉันว่าแกรนหาที่ตายนะ!”

มุมปากของเขาแสยะยิ้มขึ้นมา พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดที่จางเหวินเจี๋ยใช้เงินสูงลิ่วจ้างมา ขอแค่ลงมือ ไอ้ผอมแห้งที่อยู่ตรงหน้าก็ปลิวกระเด็นไปหลายเมตรแล้ว!

แต่แล้ว ในตอนที่มือของเขาพาดอยู่บนบ่าของมู่เซิ่ง และออกแรงอย่างกะทันหัน มู่เซิ่งก็ยังคงยืนอยู่ไม่ไกล โดยไม่ขยับร่างกาย

บอดี้การ์ดไม่เชื่อ เขาลงแรงอีกครั้ง

แต่สีหน้าของเขา ก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เขาใช้แรงที่แขน ราวกับว่าเขากำลังผลักภูเขาลูกใหญ่ ไม่ขยับแม้แต่น้อย!

ในขณะเดียวกัน ความกลัวลึกๆก็แผ่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขา

มู่เซิ่งหันกลับมา ด้วยสายตาเย็นชา ทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก

นี่มันสายตาที่เคยฆ่าคนชัดๆ แถมยังฆ่าคนไปไม่น้อย!ร่างกายของบอดี้การ์ดสั่นเทา ถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว แล้วล้มลงกองกับพื้นอย่างเข่าอ่อน รู้สึกแค่เพียงว่าแผ่นหลังเปียกชื้น

“พวกแกจัดการมันสิวะ ถอยหลังทำไม!”

จางเหวินเจี๋ยไม่เข้าว่าบอดี้การ์ดของเขาคิดอะไรอยู่ ยังคงกุมท้องร้องเสียงดัง

“แกอยากตาย ฉันจะสงเคราะห์เอง!”

ทันใดนั้น เสียงเยือกเย็นของมู่เซิ่งก็ดังลอดเข้ามาในหูของจางเหวินเจี๋ย เขายื่นมือมาจับไปที่ลำคอ แล้วยกขึ้นมาจากพื้น

จางเหวินเจี๋ยรู้สึกแค่ว่าตัวเองหายใจไม่ออก สองขาดิ้นไปมากลางอากาศ

กร้อบ!แกร้บ!

มู่เซิ่งออกแรงทั้งห้านิ้ว แล้วค่อยๆหดลงเรื่อยๆ

บอดี้การ์ดสองนายที่เห็นจางเหวินเจี๋ยเริ่มหมดแรง อยากจะก้าวไปข้างหน้า แต่ก็กลัวแรงอาฆาตของมู่เซิ่ง ที่หน้าบริษัท บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาเรื่อยๆ

และในเวลานี้เอง หลิงเยียนหรานก็ก้าวออกมาจากลิฟต์ เมื่อเห็นมู่เซิ่ง ก็อ้าปากเรียกทันที “มู่เซิ่ง ทำไมยังไม่รีบขึ้นไปอีก ฉันเห็นเจียงหว่านเหมือนกำลังร้องไห้”

ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยของเจียงหว่าน ช่วงนี้หลิงเยียนหราน มักจะได้ยินเจียงหว่านเอ่ยถึงมู่เซิ่งบ่อยๆ สายตามุมมองที่มีต่อเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไป อีกทั้งในเวลานี้ มีแค่มู่เซิ่งเท่านั้นที่จะสามารถปลอบใจเจียงหว่านได้

“อะไรนะ ร้องไห้งั้นหรอ?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ นิ้มของมู่เซิ่งก็คลายออก ทันใดนั้นเขาก็รีบมุดเข้าไปในลิฟต์ทันที

จางเหวินเจี๋ยทรุดลงกับพื้น หน้าอกของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง ราวกับปลาที่ขาดน้ำกำลังจะตาย รีบหายใจเอาอากาศเข้าไปในโพรงจมูก นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า การได้หายใจ เป็นเรื่องที่โชคดีเรื่องหนึ่ง

เขามองไปที่แผ่นหลังของมู่เซิ่ง สายตาเย้ยหยันถากถาง หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ก้นบึ้งหัวใจของจางเหวินเจี๋ย รู้สึกว่า เขาไม่ควรตอบตกลงจ้าวหลิน

เพราะ เขาเป็นคนบ้า

เป็นคนที่บ้าไปแล้ว