“เพราะว่านั่นมันเป็นหน้าที่ของฉันยังไงล่ะ”
 

ฟ๊าวววววว—

 

ในทันทีที่สิ้นเสียงของอลิซที่ดังขึ้นมาจากเครื่องมือสื่อสารนั้นเอง ก็ได้มีเสียงของอะไรบางอย่างพุ่งแหวกอากาศผ่านเหนือหัวของพวกเขาไปด้วยความรวดเร็ว ซึ่งนั่นก็คือร่างของอลิซในยูนิต แฮตเตอร์ อันเป็นยูนิตสำหรับบินความเร็วสูงที่ถูกพัฒนาต่อมาจากยูนิต เชสเชียร์ นั่นเอง

 

ซึ่งอลิซที่เพิ่งจะบินผ่านไปนั้นก็ได้ติดต่อไปลงไปหาคอนแนลที่อยู่ด้านล่างเพื่อพูดสั่งงานเขาขึ้นมา

 

“เดี๋ยวฉันจัดการเจ้าพวกนั้นให้เอง นายไปช่วยซิลเวสเก็บงานได้แล้ว!”

 

“ข—เข้าใจแล้วครับ!!”

 

“ฉันจะเร่งความเร็วล่ะนะมีอา ฝากเธอตรวจสอบสภาพไอพ่นให้ด้วย”

 

อลิซที่ได้ยินคำตอบรับจากคอนแนลได้กดไปที่เครื่องมือสื่อสารของเธออีกครั้งหนึ่งเพื่อติดต่อไปหามีอาที่รับหน้าที่เป็นโอเปอเรเตอร์ของเธอและพูดบอกอีกฝ่ายไป และนั่นก็ทำให้มีอาอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนออกมา

 

“ยังจะเร่งความเร็วไปกว่านั้นอีกหรอ ถ้างั้นก็อย่าลืมใช้โล่กันลมบนแขนนั่นด้วยล่ะ”

 

วี๊~

 

ในทันทีที่อลิซได้ยินคำเตือนของมีอานั้นเอง เธอก็ได้ยกแขนที่มีโล่ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุโปร่งใสแปะติดเอาไว้ขึ้นมากันที่เบื้องหน้าก่อนที่ทันใดนั้นเองเปลวไฟสีเหลืองอ่อนที่ถูกพ่นออกมาจากไอพ่นของเธอจะเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมๆ กับที่ร่างของอลิซที่กำลังพุ่งบินไปเบื้องหน้าจะเพิ่มความเร็วมากขึ้นไปอีกขั้น

 

ฟ๊าววววว—

 

“รายงานสถานะหน่อยสิมีอา”

 

“ก็ไม่มีอะไรแจ้งเตือนขึ้นมานะ แต่หลอดความเร็วมันยังคาอยู่แค่ครึ่งเดียวอยู่เลย มันแสดงผลอะไรผิดพลาดหรือเปล่าน่ะ?”

 

“ก็ถูกแล้วนี่ ตอนนี้ฉันใช้ความเร็วแค่ครึ่งเดียวอยู่น่ะ”

 

“ถ้าเกิดว่านั่นเป็นความเร็วแค่ครึ่งเดียวถ้างั้นความเร็วสูงสุดของมันก็น่าจะพอสู้พวกแฟรี่พวกนั้นได้อยู่ล่ะ แต่เธอแน่จะนะว่าจะสู้ไหวน่ะอลิซ ยูนิตอันนั้นมันแทบจะไม่มีอาวุธเลยไม่ใช่หรอ?”

 

มีอาที่ได้ยินคำพูดของอลิซได้พูดถามกลับมาด้วยความเป็นห่วงเนื่องจากว่าอาวุธของยูนิตของอลิซนั้นมีเพียงแค่โล่สีใสสำหรับป้องกันตัวและปืนที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายในเกราะแขนเพียงอันเดียวเท่านั้นเอง

 

และก็เป็นที่แน่นอนว่าอลิซไม่เคยลืมที่จะขึ้นเสียงหงุดหงิดใส่คนที่กล้ามาแสดงท่าทีเป็นห่วงเธอเช่นเดียวกับทุกครั้ง

 

“ก็ในเมื่อมันต้องใช้ความเร็วขนาดนี้แล้วมันจะไปติดอาวุธอะไรได้เยอะแยะเล่า! เอาเป็นว่าฉันจะเร่งความเร็วขึ้นอีกหน่อยนึงก็แล้วกัน ฝากเธอจับตาดูสถานะของยูนิตให้ด้วยล่ะ!”

 

ฟุ๊ม—

 

หลังจากที่อลิซพูดเถียงมีอากลับไปเสร็จแล้วนั้นเองความเร็วในการบินของเธอก็ได้เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจนทำให้ภาพของกลุ่มหญิงสาวผมสีดำสวมหน้ากากในชุดสาวใช้ที่มีปีกแสงรูปทรงผีเสื้ออยู่บนแผ่นหลังพุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

 

ซึ่งหญิงสาวผมสีดำที่ผมถูกถักเป็นเปียที่บินอยู่เบื้องหน้าสุดและมีปีกแสงทรงผีเสื้อสีส้มนั้นก็ได้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเธอสังเกตเห็นอลิซที่กำลังบินตรงเข้ามาหา ก่อนที่สาวใช้ผมสีดำที่มีปีกแสงสีแดงอีกสองคนจะเล็งปืนยาวทรงโบราณตรงไปทางอลิซพร้อมๆ กันจนทำให้มีอาต้องรีบร้องเตือนขึ้นมา

 

“พวกนั้นรู้ตัวแล้วนะอลิซ!”

 

“รู้แล้วน่า!!”

 

ฟ๊าว— ผลั๊ก!!

 

สิ่งที่อลิซทำเพื่อตอบรับคำเตือนของมีอานั้นก็คือการที่เธอเร่งความเร็วของไอพ่นขึ้นไปอีกขั้นเพื่อใช้โล่สีใสของเธอกระแทกเข้าใส่หนึ่งในสาวใช้สวมหน้ากากที่มีปีกแสงสีแดงจังๆ

 

และนั่นก็ทำให้สาวใช้ที่มีปีกแสงสีแดงคนที่ตกเป็นเป้าหมายของอลิซถูกลากติดมากับโล่สีใสออกมาจากกลุ่มก่อนที่อลิซจะใช้โล่สะบัดอีกฝ่ายออกไปและยื่นแขนเล็งไปทางหญิงสาวที่กำลังหมุนควงเพื่อตั้งหลักอยู่กลางอากาศพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาเบาๆ

 

“เสร็จฉันล่ะ…!”

 

แกร๊ก

 

ในทันทีที่สิ้นเสียงของอลิซนั้นเอง เกราะแขนขนาดใหญ่ที่เธอสวมใส่เอาไว้ก็ได้ถูกเลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นลำกล้องปืนที่ถูกซ่อนเอาไว้ด้านในพร้อมๆ กับที่มันได้พ่นกระสุนวิซสีแดงจำนวนหนึ่งออกมา

 

ปัง ปัง ปัง ปัง!

 

“………”

 

ถึงแม้ว่าสาวใช้สวมหน้ากากผู้มีปีกแสงสีแดงจะพยายามเอี้ยวตัวหลบกระสุนของอลิซแล้วก็ตาม แต่ว่าร่างของเธอก็ยังคงถูกกระสุนวิซจำนวนหนึ่งพุ่งเจาะจนทะลุอยู่ดี ซึ่งสาวใช้สวมหน้ากากคนนั้นก็ได้ลอยตัวนิ่งๆ อยู่กลางอากาศอยู่อีกชั่วขณะหนึ่งก่อนที่ปีกแสงสีแดงทรงผีเสื้อของเธอจะค่อยๆ สลายกลายเป็นละอองแสงสีแดงพร้อมๆ กับที่ร่างของเธอได้ร่วงหล่นลงไปเบื้องล่างอย่างไร้ซึ่งการควบคุม

 

ปัง!

 

“—!?”

 

ฉึบ—

 

ถึงแม้ว่าการลอบโจมตีของอลิซจะประสบผลสำเร็จจนสามารถกำจัดศัตรูไปได้หนึ่งคนแล้วก็ตามแต่ว่าเธอก็ไม่มีเวลาให้ดีใจมากนัก เมื่อสาวใช้ปีกแดงอีกคนหนึ่งได้ลั่นไกส่งกระสุนวิซสีฟ้าพุ่งตรงมาทางเธอจนทำให้อลิซต้องรีบเอี้ยวตัวหลบส่งผลให้กระสุนนัดที่ว่าพุ่งเฉียดแขนของเธอไปโดยทิ้งรอยแผลเอาไว้เล็กน้อย พร้อมๆ กับที่อลิซสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจากการโจมตีเมื่อสักครู่

 

“ปืนพลังงานวิซงั้นหรอ…”

 

ปึ้ก—ปึ้ก—

 

เสียงพูดพึมพำของอลิซและเสียงของกระสุนวิซสีฟ้าที่ถูกส่งตรงมากระทบกับโล่สีใสที่เธอตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวอีกสองนัดนั้นได้ทำให้อลิซต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดสอบถามมีอาที่จับตาดูการต่อสู้นี้ผ่านกล้องที่ถูกติดเอาไว้กับตัวยูนิตอยู่ขึ้นมา

 

“เป็นปืนวิซธรรมดาๆ แบบเดียวกับที่คนทั่วไปใช้กันหรือเปล่าน่ะมีอา?”

 

“ใช่ ถึงจะเป็นรุ่นเก่าน่าดูแล้ว แต่ว่าในปัจจุบันปืนแบบนั้นก็ยังถูกใช้เป็นอาวุธประจำกองทัพของเมืองซากิกับเมืองยูกิที่ชอบอะไรโบราณๆ กันอยู่เลยน่ะ”

 

“ถ้างั้นเอริกะก็คิดถูกแล้วล่ะที่ไม่ให้พวกซิลเวสเป็นคนมาสู้กับเจ้าพวกนี้น่ะ…”

 

“อลิซ! คนที่มีปีกสีส้มนั่นเล็งอาวุธมาทางเธอแล้ว!!”

 

ในขณะที่อลิซกำลังพูดพึมพำออกมาอยู่นั้นเอง มีอาที่ควบคุมกล้องที่สามารถขยายภาพได้ก็ได้ร้องเตือนขึ้นมา เมื่อเธอสังเกตเห็นว่าสาวใช้ผมเปียสีดำสวมหน้ากากคนที่มีปีกสีส้มกำลังยกอาวุธที่มีลักษณะเหมือนกับแท่งทรงกระบอกที่กลวงตรงกลางเล็งตรงมาทางอลิซ และนั่นก็ทำให้เด็กสาวต้องรีบส่งกระสุนวิซไปทางนั้นเพื่อขัดขวางในทันที

 

“ไม่ปล่อยให้ทำได้หรอกน่า!!”

 

ปังปังปังปัง!

 

“……….”

 

ถึงแม้ว่าการยิงเพื่อสกัดการโจมตีของอลิซจะประสบผลสำเร็จ แต่ว่าการโจมตีของเธอก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้อีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อยเนื่องจากระยะทางที่ไกลเกินไปจนคู่ต่อสู้สามารถบินหลบหลีกการโจมตีไปได้อย่างง่ายดาย และนั่นก็ทำให้อลิซตัดสินใจที่จะใช้ไอพ่นพุ่งเข้าไปเพื่อโจมตีอีกฝ่ายในระยะที่ใกล้กว่านี้แทน

 

เคร๊ง!!

 

“…….”

 

แต่ทว่าก่อนที่อลิซจะได้เข้าถึงตัวสาวใช้ผมเปียผู้มีปีกแสงสีส้มได้นั้นเอง สาวใช้ผมหางม้าที่มีปีกแสงสีแดงอีกคนหนึ่งที่เหลืออยู่ก็ได้พุ่งตัวเข้ามาขัดขวางเอาไว้ด้วยการใช้ปืนยาวในมือกระแทกเข้าใส่โล่สีใสของอลิซตรงๆ เสียก่อน

 

ซึ่งถึงแม้ว่าสาวใช้ผมหางม้าที่เข้าขัดขวางเอาไว้นั้นจะถูกลากไปทางด้านหลังเมื่อความสามารถในการบินของเธอไม่สามารถต้านทานความเร็วของยูนิตของอลิซได้ แต่ทว่ามันก็สร้างโอกาสให้สาวใช้คนที่มีปีกแสงสีส้มสามารถพุ่งตัวทิ้งระยะห่างออกไปเพื่อเล็งอาวุธในมือของเธอเข้าใส่อลิซได้อีกครั้งหนึ่งจนทำให้มีอาที่ยังคงจับตาดูการต่อสู้อยู่ต้องร้องเตือนขึ้นมา

 

“อลิซ! ยัยตัวหัวหน้านั่นยังเล็งอะไรสักอย่างนั่นมาทางเธออยู่เลย!!”

 

“เดี๋ยวนี้นี่ขอแค่กำจัดเป้าหมายให้ได้ก็พอแล้วหรือไง!!”

 

แกร๊ก—ฟู่ววววว—

 

อลิซที่ได้ยินคำเตือนของมีอาและดูเหมือนว่าจะรู้จักอาวุธในมือของสาวใช้ปีกแสงสีส้มนั้นได้ร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนที่เธอจะขยับองศาของไอพ่นทั้งสี่ตัวที่ใช้พยุงตัวเธอเอาไว้กลางอากาศให้หันไปทางเบื้องหน้าจนทำให้เปลวไฟที่ถูกปลดปล่อยออกมาถูกพ่นอาบเข้าใส่ร่างของสาวใช้ผมหางม้าอย่างจัง

 

“……..”

 

แต่ถึงแม้ว่าสาวใช้ผมหางม้าจะถูกเปลวเพลิงจากไอพ่นของอลิซอาบเข้าใส่จนมีเปลวไฟลุกติดตามเสื้อผ้าและเกิดแผลพุพองไปแทบจะทั่วร่างกายแล้วก็ตาม เธอก็กลับไม่ส่งเสียงกรีดร้องหรือมีท่าทีว่าจะเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังยกปืนยาวในมือของเธอเล็งเข้าใส่อลิซที่ถูกแรงดันของไอพ่นผลักจนถอยห่างไปไกลอีกครั้งหนึ่งเสียด้วยซ้ำ

 

ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ได้ทำให้อลิซเผยแววตาสงสารออกมาอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่เธอจะพูดพึมพำออกมาเบาๆ และเล็งปืนที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายในเกราะแขนของเธอไปทางอีกฝ่ายพร้อมกับลั่นกระสุนออกไป

 

“พอได้แล้วล่ะเธอน่ะ…”

 

ปังปังปัง!

 

กระสุนทั้งสามนัดที่อลิซยิงออกไปนั้นได้เจาะทะลุไปที่กลางอกของสาวใช้ผมหางม้าอย่างแม่นยำจนทำให้ปีกแสงสีแดงที่ส่องแสงริบหรี่ตั้งแต่ตอนที่เธอถูกเปลวไฟจากไอพ่นแผดเผาแตกสลายกลายเป็นละอองแสงจางๆ และทำให้ร่างกายของเธอที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟร่วงหล่นลงไปเบื้องล่าง

 

ซึ่งอลิซก็ได้มองตามร่างที่ร่วงหล่นนั้นไปจนอีกฝ่ายถูกกลืนหายไปในยอดไม้ก่อนที่เธอจะหันไปหาสาวใช้ผมเปียที่มีปีกแสงสีส้มแล้วจึงหรี่ตาลงเล็กน้อยและเค้นเสียงพูดขึ้นมา

 

“ก็ว่าทำไมถึงไม่ยิงมาสักที… ที่แท้ก็วางแผนแบบนี้เอาไว้เองงั้นสินะ…!”

 

สิ่งที่อลิซได้เห็นนั้นก็คือภาพของสาวใช้ปีกแสงคนสุดท้ายที่กำลังบินอ้อมไปอีกทางหนึ่งเพื่อที่จะให้ร่างของอลิซที่ลอยอยู่กลางอากาศ คอนแนลและซิลเวสที่เพิ่งจะต่อสู้เสร็จ และเสาส่งสัญญาณของเอริกะตั้งอยู่ในแนวเดียวกันเป็นเส้นตรง

 

และเมื่อสาวใช้ปีกแสงคนสุดท้ายไปถึงจุดที่เธอต้องการแล้ว เธอก็ไม่รอช้าที่จะส่งกระสุนขนาดใหญ่ที่มีเปลวไฟช่วยผลักดันอยู่ตรงด้านท้ายของมันออกมาจากอาวุธทรงกระบอกที่เธอถือเอาไว้ตั้งแต่แรกในทันที

 

ตึ้ง—ฟู่ว—

 

“รีบหลบเร็วอลิซ!!”

 

“ไม่ได้! ถ้าฉันหลบล่ะก็ไม่พวกคอนแนลก็เสาสัญญาณได้โดนแทนแน่!!”

 

อลิซที่ได้ยินเสียงร้องเตือนของมีอานั้นได้รีบพูดตอบกลับก่อนที่เธอจะยกปืนที่ติดอยู่กับเกราะแขนขึ้นมาส่งกระสุนออกไปเพื่อพยายามยิงสกัดลูกกระสุนของศัตรูในทันทีท่ามกลางเสียงร้องห้ามของมีอา

 

“เดี๋ยว—ปืนของเธอมันยังไม่พร้อม—”

 

ปัง—ปัง—เพล้ง—!!

 

ยังไม่ทันที่จะสิ้นเสียงของมีอาดี ปืนของอลิซที่เพิ่งจะถูกใช้งานไปก็ได้ลั่นกระสุนออกมาอีกสองนัดก่อนที่จะมีเสียงของคริสตัลวิซแตกกระจายดังออกมาพร้อมๆ กับที่กระสุนที่อลิซตั้งใจจะยิงออกมาได้หยุดชะงักไปอีกทั้งกระสุนทั้งสองนัดก็ยังพลาดเป้าไปด้วยความรีบร้อนของผู้ยิงอีกด้วย

 

ซึ่งสาเหตุที่ตัวคริสตัลที่ถูกใช้เป็นแหล่งพลังงานของอาวุธแตกสลายไปภายใต้การยิงเพียงแค่สิบกว่าครั้งนั้นมันก็เป็นเพราะว่าปืนที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายในเกราะแขนของอลิซนั้นได้ถูกเอริกะดัดแปลงให้มันมีพลังทำลายและพลังเจาะทะลวงที่มากกว่าปกติจนมันไม่สามารถยิงอย่างต่อเนื่องได้เหมือนกับปืนกลเบาของโมโกะนั่นเอง

 

“ชิ… ถ้างั้นก็เหลือแค่วิธีเดียวแล้ว!!”

 

“เดี๋ยวสิอลิส! นั่นเธอจะทำอะไร—”

 

วี๊—- ซู่มมมม—

 

อลิซที่เห็นว่ากระสุนทั้งสองนัดที่เธอยิงออกไปนั้นได้พลาดเป้าหมายไปและยูนิตของเธอก็ไม่เหลืออาวุธอย่างอื่นแล้วนั้นได้ตัดสินใจที่จะเร่งแรงดันของไอพ่นอีกครั้งจนทำให้ร่างกายของเธอพุ่งออกไปเบื้องหน้าโดยไม่สนใจที่จะฟังคำคัดค้านของมีอาเลยแม้แต่น้อยพร้อมๆ กับที่เบื้องหน้าของเธอได้ปรากฏละอองแสงที่มารวมตัวกันเป็นรูปดาบให้เธอคว้าจับเอาไว้ก่อนที่เธอจะร้องตะโกนออกมา

 

“พี.คิว ออน!!”

 

ในทันทีที่สิ้นเสียงร้องของอลิซนั้นเอง ที่เบื้องหน้าของเธอก็ได้มีกำแพงอากาศสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้นมาพร้อมๆ กับที่เธอได้ตั้งโล่สีใสขึ้นเบื้องหน้าเพื่อป้องกันตัวเองเอาไว้อีกชั้นหนึ่งและพุ่งเข้าใส่ลูกกระสุนขนาดใหญ่ของศัตรูตรงๆ

 

ปึ๊ก— ตู้ม!!!

 

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกำแพงอากาศสีเขียวอ่อนของอลิซได้ปะทะเข้ากับลูกกระสุนของศัตรูนั้นก็คือแรงระเบิดขนาดย่อมๆ ที่ปะทุออกมาอย่างรุนแรงจนทำให้สาวใช้ผมเปียที่เห็นแบบนั้นลดอาวุธของเธอลงและหันหลังบินกลับไปในทิศทางที่เธอบินมาราวกับมั่นใจว่าหน้าที่ของตนเสร็จสิ้นไปแล้วอย่างแน่นอน

 

ฟุ๊บ— ฟ๊าววววว—

 

แต่ทว่าก็ยังไม่ทันที่เธอจะได้บินไปไหนไกลอลิซที่รับแรงระเบิดเข้าไปจังๆ นั้นก็ได้บินพุ่งออกมาจากควันระเบิดด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยเขม่าควันและแผลไหม้เต็มเนื้อเต็มตัวพร้อมกับโล่สีใสที่แตกร้าวไปแทบจะทั้งอันด้วยความเร็วที่แทบจะไม่ตกลงเลยแม้แต่น้อย

 

“…คิดจะหนีไปไหน!!!”

 

สวบ—!!

 

ในทันทีที่สิ้นเสียงของอลิซนั้นเอง ใบดาบสีขาวของเธอก็ได้พุ่งทะลุเข้าที่กลางอกของสาวใช้สวมหน้ากากจนมิดด้ามและลากร่างของอีกฝ่ายตามเธอไปในอากาศอีกสักพักหนึ่งจนกระทั่งปีกแสงสีส้มรูปทรงผีเสื้อที่แผ่ออกมาจากแผ่นหลังของสาวใช้สวมหน้ากากได้แตกสลายกลายเป็นสะอองแสงสีส้มพร้อมๆ กับที่ร่างของเธอได้หยุดนิ่งไป

 

ซึ่งอลิซก็ได้นิ่งเงียบเล็กน้อยก่อนที่เธอจะดึงดาบสีขาวของเธอออกมาจากกลางอกของอีกฝ่ายจนทำให้ร่างของสาวใช้คนสุดท้ายร่วงหล่นลงไปเบื้องล่างท่ามกลางเสียงหอบหายใจของอลิซที่เริ่มจะปวดร้าวเนื่องจากบาดแผลจำนวนมากที่เกิดจากแรงระเบิดเมื่อสักครู่

 

“ฮ่า…ฮ่า…”

 

“เธอทำบ้าอะไรของเธอน่ะอลิซ!! ตอนนี้ยูนิตมันจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ รีบๆ กลับลงไปที่พื้นเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”

 

“………..”

 

“อลิซ? ตอบฉันสิอลิซ!!”

 

เสียงพูดต่อว่าของมีอาที่ไม่ได้รับคำตอบรับของอลิซนั้นได้ทำให้มีอาต้องร้องเรียกชื่อเด็กสาวขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่เธอหันกลับไปดูข้อมูลของยูนิตที่แสดงอยู่บนหน้าจอเบื้องหน้าที่มีแต่ข้อความสีแดงแจ้งเตือนขึ้นมาแทบจะทุกส่วนและรีบพูดสั่งเอริซาเบธที่นั่งอยู่ข้างๆ กันขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน

 

“เอริ! รีบบอกให้พวกเด็กๆ ไปเตรียมรับอลิซที่กำลังจะร่วงลงมาเร็วเข้า!! ยัยนั่นเหมือนจะหมดสติไปกลางอากาศแล้ว!!”

 

“หะ—? คอนแนลคุง ซิลเวสจัง! รีบวิ่งไปหาอลิซเขาเร็วเข้า!!”

 

“ไม่ต้องบอกผมก็รีบไปอยู่แล้วครับ!!”

 

“อย่าเพิ่งตกลงมาน๊าอาจารย์อลิซซซ!!”