ตอนที่ 45: การเดิมพันระหว่างหญิงสาว

หลังจากเสี่ยวเฉิงเดินออกมาจากโกดัง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้กอง…

“พรุ่งนี้นายต้องมาทำงานเร็วกว่าเดิมหน่อยนะ สักเจ็ดโมงเช้ากำลังดี”

เสี่ยวเฉิงพลันถามขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมล่ะครับผู้กอง? เกิดอะไรขึ้นกัน?”

“พรุ่งนี้หลินจื้อซือจะจัดงานแจกลายเซ็นสำหรับอัลบั้มใหม่แถวทางตอนเหนือของเมืองน่ะ เธอเป็นคนที่โด่งดังมากเลยนะ เพราะแบบนั้นแหละ ผู้บังคับบัญชาจึงมาขอความช่วยเหลือจากกรมตำรวจของเราให้ไปดูแลความปลอดภัยที่นั่นหน่อย”

“แล้วที่นั่นไม่มีบริษัทรักษาความปลอดภัยหรือยังไงกัน? ทำไมต้องเป็นพวกเราด้วยล่ะ?”

“แน่นอน หลินจื้อซือไม่ได้เหมือนดาราคนอื่นสักหน่อย เธอถึงขั้นถูกขนานนามว่าเจ้าหญิงเอลฟ์นัยน์ตาสีฟ้า เธอมีแฟนคลับที่คลั่งไคล้เยอะแยะมากมายเลยแหละ เจ้าหน้าที่ทางนั้นเกรงว่าอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้น พวกเขาเลยอยากให้เราไปช่วยหน่อย เพราะสุดท้ายถ้ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้น พวกเราเองก็มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบอยู่ดี”

เสี่ยวเฉิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่ก็เอาเถอะ ยังไงผู้บังคับบัญชาก็ออกคำสั่งมาแล้ว ตอนนี้เสี่ยวเฉิงก็ทำได้แค่กลับไปอาบน้ำและตื่นไปทำงานแต่เช้า

– ในช่วงเช้า –

ทันทีที่หรานจิงและเซินเหยาสังเกตเห็นว่าเสี่ยวเฉิงตื่นเร็วและอยู่ในชุดเครื่องแบบตั้งแต่เช้าตรู่ พวกเธอทั้งสองก็พลันถามขึ้นด้วยความสงสัย “นายทำงานกะเช้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“หลินจื้อซือกำลังจะจัดงานแจกลายเซ็นให้กับคนทั้งเมืองซ่างเฉิง อีกอย่าง พวกพนักงานจากบริษัทรักษาความปลอดภัยก็อาจจะคุมพวกแฟนคลับสุดบ้าคลั่งไม่ไหว ทางฝั่งนั้นเลยมาขอความช่วยเหลือจากกรมตำรวจเพื่อให้ไปควบคุมแล้วก็ดูแลความสงบเรียบร้อยของเหล่าแฟนคลับน่ะ”

เซินเหยาพลันเผยยิ้ม “งั้นนายก็เตรียมตัวให้พร้อมเลยสิ”

เสี่ยวเฉิงพลันถามขึ้นมาอย่างสงสัย “แล้วเธอคิดว่ามันจะเหนื่อยมากไหม?”

เซินเหยาพยักหน้า “ถ้าท้ายที่สุดแล้วนายต้องเผชิญหน้ากับแฟนคลับซอมบี้คลั่งพวกนั้น นายจะคุยกับพวกเขาด้วยตรรกะแล้วก็เหตุผลไม่ได้เลยแหละ เอ๊ะ… แล้วก็อีกอย่าง หาที่อุดหูไปใส่กันไว้หน่อยก็น่าจะดี มันช่วยได้เยอะเลยแหละ”

หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันเดินเข้าไปในห้องของตนเองเพื่อหาที่อุดหู ในไม่ช้า เสี่ยวเฉิงก็พลันยัดที่อุดหูเข้าไปทั้งสองข้าง เขาพร้อมที่จะออกไปทำหน้าที่แล้ว

ทันทีที่เซินเหยาเห็นว่าเสี่ยวเฉิงทำการอุดหูเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่เธอยังไม่เชื่อเรื่องประสาทรับเสียงของเสี่ยวเฉิง เซินเหยาจึงต้องการที่จะทดสอบการได้ยินของเสี่ยวเฉิงอีกครั้งด้วยการกระซิบ “เสี่ยวเฉิง นายมันเกย์!”

ทันทีที่พูดจบ เซินเหยาก็พลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิงเพื่อตรวจดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับอะไรบ้างหรือเปล่า แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงก็พลันเดินออกไปเลย ทันทีที่เห็นเช่นนั้น เซินเหยาก็พลันบ่นพึมพำกับตัวเอง “ฮึ! ไม่เห็นจะหูดีอย่างที่โม้ไว้เลย เมื่อกี้คงไม่ได้ยินสินะ”

ทว่า ทันทีที่เธอพูดจบ เสี่ยวเฉิงก็เดินวนกลับมาและเปิดประตู “เซินเหยา บางทีถ้าฉันเสร็จงานแล้ว เธอมาเช็คเพศสภาพของฉันให้ละเอียดกว่านี้ก็ได้นะ”

เซินเหยาแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองออกมาทันที หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เผยหน้าแดงออกมา

เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขารีบปิดประตูและเดินจากไป

ในตอนนี้ เซินเหยาพลันรู้สึกราวกับว่าความเข้าใจที่ตนเองมีต่อโลกใบนี้กำลังจะพังทลาย “ให้ตายสิ! หรานจิง… เราต้องคิดอะไรสักอย่างหรือไม่ก็ย้ายออกกันนะ ดูเหมือนหมอนั่นจะหูไวเกินไปแล้ว แล้วแบบนี้เราสองคนจะนินทาเขาได้ยังไงกันล่ะ?”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หรานจิงก็พลันถามขึ้นด้วยความสงสัย “เธอเองก็มีทางเลือกนะ เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ก็ได้ อันที่จริง ฉันสงสัยมาสักพักแล้วแหละว่าทำไมเธอถึงต้องยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่ต่อด้วย? เอ่อ… ฉันหมายถึงอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับคนอย่างเสี่ยวเฉิงน่ะ แล้วก็ไม่ต้องมาอ้างเลยว่านะตัวเองไม่มีเงิน ให้ตายยังไงฉันก็ไม่เชื่อเธอเรื่องนั้นแน่ อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่คิดด้วยว่าเธอจะชอบเสี่ยวเฉิง ไหนจะข้ออ้างเรื่องที่ตัวเองเป็นคนจู้จี้จุกจิกกับเตียงนอนนั่นอีก…”

“ทำไมล่ะ? เธอชอบหมอนั่นหรือยังไงกัน? หรือเธอกำลังกังวลว่าฉันจะทำให้เธออดมีช่วงเวลาอันแสนหวานกับเสี่ยวเฉิงตามลำพัง?” เซินเหยาพลันขยับตัวและกล่าวคำพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

หรานจิงพลันตอบอย่างใจเย็น “ไม่ใช่แบบนั้น เหตุผลที่ฉันมาที่เมืองซ่างเฉิงก็เพระมีงานต้องทำ อีกอย่าง ฉันเองก็ยังไม่คิดที่จะออกเดทหรือหาแฟนในช่วงนี้ด้วย อย่าหาว่าฉันชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเลยนะ ฉันว่าเธอน่าจะแอบชอบหมอนั่นอยู่หรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ฉันเองก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่สวยและรวยอย่างเธอถึงยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป แล้วถ้าคิดตามหลักเหตุผล เธอไปอยู่คอนโดอื่นที่สวยและหรูหรากว่านี้ก็ได้ หรือว่า… เป็นไปได้ไหมที่เธอต้องการจะศึกษาหมอนั่นเหมือนกับฉัน?”

“คิดว่าฉันเป็นคนน่าเบื่อขนาดนั้นเลยหรือยังไงกัน?” เซินเหยากล่าว “ถึงหมอนั่นจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลก ฉันก็จะไม่เสียเวลาไปศึกษาสิ่งมีชีวิตอารมณ์ร้อนแบบนั้นหรอก”

“เซินเหยา… อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ บอกฉันมาเถอะน่าว่าอะไรคือเหตุผลแท้จริงที่เธอต้องการอยู่ที่นี่กันแน่?”

“อย่าคิดเยอะขนาดนั้นสิ” เซินเหยาพลันตอบกลับ “ฉันไม่ได้เลือกที่จะอยู่ที่นี่เพราะหมอนั่นหรือเพราะเธอสักหน่อย แต่ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งสามปีแล้วนะ! ถ้าไม่เชื่อ เธอก็ไปตรวจสอบประวัติที่สำนักงานจัดการทรัพย์สินได้เลย”

“ตรวจดูเรียบร้อยแล้ว” หรานจิงตอบกลับ

หลังจากนั้น เซินเหยาก็พลันกล่าวคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “พี่ชายฉันเสียไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว…“

หรานจิงพลันเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น