ตอนที่ 239 ล้วนเก็บไว้ให้เจ้า (1) ตอนที่ 240 ล้วนเก็บไว้ให้เจ้า (2)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 239 ล้วนเก็บไว้ให้เจ้า (1)

จวินอู๋เสียเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้คร่ำครวญของฉินอวี่เยียน นางเลือกหยิบขวดโอสถสองสามขวดจากทั้งหมดขึ้นมา ส่วนที่เหลือปล่อยมันทิ้งไว้บนพื้นแบบนั้น

โอสถวิเศษที่ผู้คนต่างก็พากันแย่งชิงเพื่อให้ได้มันมาถูกทิ้งไว้บนพื้นราวกับเป็นขยะ กลิ่นหอมหวานของเม็ดยาบางตัวที่กลิ้งหลุดออกมาจากขวดที่ฝาจุกเปิดออกกระจายไปทั่วท้องพระโรง

ดวงตาของฉินอวี่เยียนเบิกกว้าง นางไม่เข้าใจเลย ทำไมจวินอู๋เสียถึงทิ้งเม็ดยาของนางไว้บนพื้นแบบนั้น

จวินอู๋เสียโยนยาถอนพิษและยาบำรุงทั้งหมดทิ้งไป เหลือทิ้งไว้เพียงขวดยาพิษในมือ จากนั้นก็บรรจงเลือกยาพิษทั้งหมดที่มีอยู่ในมืออีกที

“ง้างปากของนางออกมา” จวินอู๋เสียหันไปสั่งบัวหิมะมัวเมา

ฉินอวี่เยียนตื่นตระหนกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว นางพยายามดิ้นรนด้วยแรงทั้งหมดที่มีอย่างสิ้นหวัง แต่ความแข็งแกร่งของนางไหนเลยจะสู้บัวหิมะมัวเมาได้

บัวหิมะมัวเมาเปิดปากของฉินอวี่เยียนออกได้อย่างง่ายดาย น้ำตาของนางไหลอาบแก้ม ตอนนี้ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยนางได้อีกแล้ว หญิงสาวจึงทำได้เพียงอ้อนวอนร้องขอความเมตตาทั้งน้ำตา ขอให้พวกเขาปล่อยนางไป

“กลัวหรือ” จวินอู๋เสียมองไปที่ฉินอวี่เยียนแล้วถามด้วยเสียงเย็น

ฉินอวี่เยียนกะพริบตาอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่กลัว แต่ตอนนี้นางกลัวแทบตายแล้ว!

นางไม่เคยเห็นใครที่บ้าคลั่งและบ้าบิ่นเช่นจวินอู๋เสียมาก่อน ขนาดรู้ว่านางคือคุณหนูใหญ่ของสำนักชิงอวิ๋น นางก็ยังกล้าลงมือ!

จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองใบหน้าที่มีน้ำตาไหลอาบลงมาราวกับสายฝนของฉินอวี่เยียนแล้วกล่าวว่า “ตอนที่เจ้าลงมือกับมั่วเฉี่ยนยวน ทำไมไม่เห็นกลัวเลยเล่า” ยาพิษทั้งหมดที่จวินอู๋เสียเหลือทิ้งไว้ในมือ ก็คือยาพิษชนิดเดียวกันกับที่ฉินอวี่เยียนบังคับให้มั่วเฉี่ยนยวนกลืนมันลงไป ฉินอวี่เยียนรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่าง นางเอายาพิษนี้ให้กับมั่วเฉี่ยนยวนกินเพื่อมองดูเขาทนทุกข์ทรมานและเจ็บปวดเพื่อความบันเทิง จวินอู๋เสียจะทำเช่นเดียวกันนี้กับนางหรือไม่

ไม่ต้องรอคำตอบนาน จวินอู๋เสียก็กรอกยาพิษทั้งหมดเข้าปากฉินอวี่เยียนโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ บัวหิมะมัวเมาช่วยปิดปากของนางเอาไว้แน่น บังคับให้นางกลืนพิษที่จวินอู๋เสียจับกรอกทั้งหมดลงท้อง

“ปล่อยนาง” จวินอู๋เสียสั่ง

บัวหิมะมัวเมาก็โยนร่างของนางทิ้งไปด้วยความรังเกียจ เขาเช็ดมือหลายต่อหลายครั้งเหมือนเพิ่งจับสิ่งที่สกปรกมากมา

ในชั่วพริบตา ฤทธิ์ของยาพิษที่กลืนลงไปก็เริ่มแทรกซึมไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ฉินอวี่เยียนรู้สึกทรมานจนใจแทบจะขาด ความเจ็บปวดรุนแรงกัดกินอวัยวะภายในทุกส่วนทำให้ฉินอวี่เยียนดิ้นพล่านเพราะความเจ็บปวดนั้น เสียงหวีดร้องดังออกมาจากปากของนางราวกับเสียงของผีร้ายทำให้ผู้ฟังรู้สึกขนลุก

จวินอู๋เสียมองไปที่ฉินอวี่เยียนด้วยสายตาเย็นชา แววตาของนางไม่มีความสงสารหรือเห็นใจสักนิด

เมตตาต่อศัตรู ก็เท่ากับโหดร้ายต่อตัวเอง!

เป็นสำนักชิงอวิ๋นที่ไร้ความปรานี ทำผิดต่อสกุลจวินของนางและมั่วเฉี่ยนยวนก่อน แล้วทำไมนางจะต้องไปมีความเมตตาให้กับพวกมันด้วย จะเป็นนักบุญหรืออย่างไรกัน!

ผู้อื่นเคารพนางหนึ่งคืบ นางก็จะเคารพผู้อื่นหนึ่งศอก

ผู้อื่นทำร้ายนางเพียงส่วนเดียว แต่นางจะเอาคืนมันผู้นั้นเป็นร้อยเท่า!

“ในเมื่อสำนักชิงอวิ๋นเก่งกาจนัก เช่นนั้นเจ้าลองช่วยเหลือตัวเองในท้องพระโรงนี้หน่อยเป็นอย่างไร ยาทั้งหมดที่อยู่บนพื้นนั่น ข้ายกให้เจ้า” จวินอู๋เสียเอ่ยกับฉินอวี่เยียน

ทันทีที่นางเปิดปากพูด ไป๋อวิ๋นเซียนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของท้องพระโรงก็ชะงัก

เมื่อครู่นี้จวินอู๋เสียพูดว่าอย่างไรนะ! นางบอกว่ายกยาทั้งหมดบนพื้นนั่นให้กับฉินอวี่เยียนใช่หรือไม่ นี่ฉินอวี่เยียนคิดจะถอนพิษ ไม่ใช่ว่าเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นหรือ!

ความสิ้นหวังในดวงตาของฉินอวี่เยียนที่กำลังทนทุกข์ทรมาน คล้ายกับจะปรากฏแสงแห่งความหวังขึ้นมาริบหรี่

จวินอู๋เสียไม่คิดจะฆ่านางจริงๆ ด้วย!

แต่ทว่าในวินาทีถัดมา แสงสีส้มที่เกิดจากพลังวิญญาณก็ก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือของนาง จวินอู๋เสียโยนขวดยาที่บรรจุยาบำรุงและยาถอนพิษทั้งหมดลงในกองเพลิง เม็ดยาเหล่านั้นก็สลายกลายเป็นกองขี้เถ้าที่ไหม้เกรียม ไม่อาจแยกแยะลักษณะดั้งเดิมของพวกมันได้อีกต่อไป

“ทั้งหมดนี้…ล้วนเก็บไว้ให้เจ้า”

ตอนที่ 240 ล้วนเก็บไว้ให้เจ้า (2)

จวินอู๋เสียได้ทำตามสัญญาคือเหลือ ‘ยาถอนพิษ’ ทั้งหมดไว้ให้กับฉินอวี่เยียนจริงๆ แต่มันก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าฉินอวี่เยียนนั้นจะสามารถหายาถอนพิษที่แท้จริงจากกองขี้เถ้าตรงหน้าได้หรือไม่!

อย่าว่าแต่ฉินอวี่เยียนในสภาพนี้ที่แทบอยู่ไม่สู้ตายเลย ต่อให้เป็นนางในสภาพก่อนถูกยาพิษ ก็ไม่มีทางที่จะควานหายาถอนพิษกับซากขี้เถ้าตรงหน้าได้!

ความหวังที่เพิ่งจุดประกายขึ้นใหม่ ถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนไม่เหลือชิ้นดี ฉินอวี่เยียนรู้สึกได้เลยว่าชีวิตของนางกำลังจะหายไป

การถูกฉุดจากเมฆสูงลงสู่พื้นโคลนตมอันต่ำต้อย สถานการณ์สิ้นหวังที่นางพบเจอในยามนี้ ได้ทำลายศักดิ์ศรีสุดท้ายของนางไปอย่างสมบูรณ์

ความเจ็บปวดที่เกิดจากยาพิษ ค่อยๆ กัดกินอวัยวะภายในร่าง ยิ่งเมื่อมาพบเจอกับความสิ้นหวังที่จวินอู๋เสียมอบให้ ฉินอวี่เยียนคล้ายแตกสลาย ความมุ่งมั่นและเรี่ยวแรงทั้งหมดไม่มีเหลืออีกต่อไป

จวินอู๋เสียจะปล่อยให้ฉินอวี่เยียนมีชีวิตรอดต่อไปหรือ

ฝันไปแล้วหรืออย่างไรกัน!

มองไปที่สภาพน่าเวทนาของมั่วเฉี่ยนยวน จวินอู๋เสียก็ยิ่งอยากจะทรมานนางให้มากขึ้นเป็นร้อยเท่า

นางต้องใช้ความพยายามมากเพียงใดกว่าที่จะบำรุงและทำให้มั่วเฉี่ยนยวนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแบบนั้น แต่ความพยายามทั้งหมดกลับถูกฉินอวี่เยียนทำลายลงในพริบตา

มาถึงจุดนี้ฉินอวี่เยียนไม่กล้าที่จะเก็บเศษเสี้ยวความหวังเล็กๆ ไว้อีกต่อไป นางทำได้เพียงอดทนต่อการทรมานของพิษร้าย ร่างทั้งร่างชักกระตุก รู้สึกเหมือนมีมดเป็นล้านๆ ตัวกัดกินนางจากภายใน

พิษร้ายทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นนางที่ปรับแต่งและสร้างมันขึ้นมาเองกับมือไม่ใช่หรือ ฉินอวี่เยียนในอดีต เคยใช้มันทดลองกับศัตรูนับไม่ถ้วนที่นางเกลียดขี้หน้า นางคงไม่เคยคิดฝันว่าสักวันหนึ่ง ตัวเองจะต้องมาลิ้มรสชาติของพิษที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาแบบนี้

“ทุกคนออกไปได้แล้ว ปล่อยให้คุณหนูฉินค่อยๆ แก้พิษให้ตัวเองเท่าที่นางต้องการ” จวินอู๋เสียสั่ง นางกำนัลและขันทีที่ต้องมานั่งเป็นประจักษ์พยานของความโหดร้าย ก็เหมือนกับได้ยินเสียงสวรรค์ ฝีเท้าหลายสายวิ่งออกจากท้องพระโรงราวกับมีสัตว์ร้ายไล่ตามหลังพวกเขาอยู่ แต่ละคนดีใจจนน้ำตาไหลพราก มองเมินคราบเลือดและซากศพที่กองพะเนินกลางท้องพระโรง ไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป

ไป๋อวิ๋นเซียนที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง ก้าวออกมาจากด้านหลังเสา นางไม่ได้รีบร้อนวิ่งออกไป แต่มองไปทางจวินอู๋เสียด้วยสายตาที่หวาดกลัว

จวินอู๋เสียมองไปที่ไป๋อวิ๋นเซียน แต่ก่อนที่นางจะทันได้พูดอะไร ไป๋อวิ๋นเซียนก็รีบคุกเข่าลงต่อหน้าจวินอู๋เสียแล้วรีบร้อนอธิบายไปว่า “ข้าไม่ได้บอกอะไรพวกเขาเลยนะ ข้าสาบานได้ ฉินอวี่เยียนบังคับให้ข้าฆ่ามั่วเซวี่ยนเฝ่ยเอง ข้า…ข้า…ไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น จริงๆ นะ แม้แต่คำเดียวก็ไม่ได้พูด”

จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้คาดหวังจริงๆ ว่าไป๋อวิ๋นเซียนจะหวาดกลัวนางมากขนาดนี้

แต่…

มั่วเซวี่ยนเฝ่ยตายแล้วหรือ เขาไม่ตายง่ายไปหน่อยหรือไง

“ลุกขึ้น” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเย็นชา ไป๋อวิ๋นเซียนยังจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้นนางจะปล่อยอีกฝ่ายไปสักพัก

ถ้าไป๋อวิ๋นเซียนกล้าที่จะเปิดโปงเรื่องราวของนางต่อหน้าฉินอวี่เยียน เช่นนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะเอาตัวรอดเก่งทีเดียว อย่างน้อยๆ นางก็ไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้น

ไป๋อวิ๋นเซียนตัวสั่น รู้ดีว่าชีวิตน้อยๆ ของนางรักษาเอาไว้ได้ชั่วคราวแล้ว

“เจ้ารั้งอยู่ที่นี่ อย่าปล่อยให้นางฆ่าตัวตายเล่า!” จวินอู๋เสียเหลือบมองฉินอวี่เยียนแล้วพูด

ไป๋อวิ๋นเซียนรีบพยักหน้าทันที ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ แม้แต่น้อย

กล่าวจบ จวินอู๋เสียก็หันหลังแล้วเดินจากไป จวินอู๋เย่าเดินเคียงข้างนาง ส่วนสัตว์ร้ายสีดำตามหลังคนทั้งคู่โดยแบกร่างของมั่วเฉี่ยนยวนไว้บนหลัง บัวหิมะมัวเมาเดินรั้งอยู่ท้ายสุด หลังจากที่กลุ่มคนเดินออกจากท้องพระโรงไป บานประตูใหญ่ก็ปิดลง ทิ้งไว้เพียงกลิ่นคาวเลือดฉุนกึกไม่ชวนพิสมัย

ในท้องพระโรงที่เงียบกริบ เหลือเพียงฉินอวี่เยียนที่ตัวสั่นเทา กับไป๋อวิ๋นเซียนที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

โลหิตสีแดงสดไหลลงมาจากมุมปากของฉินอวี่เยียน ดวงตาที่ชั่วร้ายของนางจ้องไปที่ไป๋อวิ๋นเซียนชนิดแทบจะกินเลือดกินเนื้อ ตอนนี้นางเข้าใจทุกอย่างแล้วว่านางแพศยาไป๋อวิ๋นเซียน ได้หักหลังสำนักชิงอวิ๋นและสมรู้ร่วมคิดกับจวินอู๋เสียแล้ว

ไป๋อวิ๋นเซียนมองตอบฉินอวี่เยียน นางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่หญิง เรื่องนี้ท่านจะโทษข้าไม่ได้นะเจ้าคะ ไม่ใช่ว่าท่านกับท่านอาจารย์เคยสั่งสอนข้าอยู่เสมอหรือว่าคนฉลาดย่อมต้องรู้จักเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ข้าก็แค่ทำตามที่พวกท่านสอนเท่านั้น!”