บทที่ 153 คำเชิญ

บทที่ 153 คำเชิญ

โจวอี้กำลังพักผ่อนในห้องเพรสซิเดนเชียลที่หรูหรา เขาไม่ได้ฝันดีหรือฝันร้าย แต่ก็นอนหลับยาวจนกระทั่งถึงเวลาเย็น…

เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว และในขณะที่กำลังงัวเงียมองตัวเลขบนหน้าจอมือถือ เขาก็สังเกตเห็นการแจ้งเตือนข้อความ WeChat ที่ไม่ได้อ่าน ซึ่งมันก็ถูกส่งมาโดยเฉินอันฉี

โจวอี้จึงไม่รอช้า เขาเปิด WeChat ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปว่า

[ผมอยู่ในโรงแรมตลอดบ่าย และเพิ่งตื่น]

หลังจากตอบกลับเรียบร้อยแล้ว เขาก็สวมรองเท้าแตะและมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องน้ำ

ภายในโรงแรมแห่งนี้มีเครื่องใช้ในห้องน้ำครบครัน หลังจากอาบน้ำแล้ว โจวอี้พบว่าตนเองไม่มีเสื้อผ้าสะอาดให้เปลี่ยน ดังนั้นเขาจึงจำใจต้องสวมเสื้อผ้าตัวเดิมที่ใส่มาตลอดสองวันที่ผ่านมา

เมื่อแต่งตัวเสร็จ โจวอี้ก็พร้อมที่จะออกไปหาอะไรกิน รวมถึงวางแผนไว้ว่าจะแวะไปหาซื้อเสื้อมาสองสามชุดเพื่อสำรองไว้

ทันทีที่โจวอี้เดินมาถึงล็อบบี้โรงแรม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เขาหยิบมือถือออกมาดูหมายเลขที่ปรากฏ ก่อนจะพบว่าเป็นเฉินอันฉีที่โทรมา

“เฉินอันฉี เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่มีอะไร แค่อยากถามว่าแผลคุณเป็นยังไงบ้าง? และเพราะแผลเพิ่งเย็บเสร็จ ดังนั้นวันนี้ห้ามให้แผลโดนน้ำเด็ดขาด!” เสียงเฉินอันฉีดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือของโจวอี้

“แต่วันนี้ผมอาบน้ำไปแล้ว!” โจวอี้กล่าวอย่างไม่แยแส

“นี่คุณ! …ปล่อยให้แผลโดนน้ำได้ยังไง แล้วยาล่ะ? คุณได้ทายาซ้ำอีกรอบไหม?”

“ยัง”

“งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันจะไปหาคุณ”

“ล็อบบี้ของโรงแรม”

“งั้นรอฉันก่อนนะ!”

หลังสิบกว่านาทีผ่านไป โจวอี้ซึ่งนั่งอยู่ในล็อบบี้เลานจ์ของโรงแรมก็เห็นเฉินอันฉีรีบวิ่งเข้ามาพร้อมถุงพลาสติกในมือ

“หมอโจว คุณ… คุณอาบน้ำจริง ๆ เหรอ? นี่คุณบ้าหรือเปล่า คุณเป็นหมอนะ ไม่รู้หรือไงว่าแผลที่เพิ่งเย็บไม่สามารถโดนน้ำได้!” เฉินอันฉีโน้มตัวไปข้างหน้าโจวอี้เพื่อดมกลิ่นสบู่ขณะที่โวยวายออกมาด้วยความโกรธ

“ไม่มีอะไรจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า!” โจวอี้รู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของเฉินอันฉีที่ดูกังวลขนาดนี้ เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็พบหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น

และเพราะแบบนั้น เขาจึงไม่สามารถบอกอีกฝ่ายได้ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้โบราณ และเคล็ดวิชาที่เขาฝึกฝนก็พิเศษที่สุด ดังนั้นการที่แผลจะสัมผัสน้ำจึงไม่น่ากังวลแม้แต่น้อย!

“ฉันรู้ว่าคุณเป็นหมอ แต่อย่าประมาทจะดีกว่า” เฉินอันฉียื่นถุงพลาสติกในมือแล้วพูดต่อ “ฉันเพิ่งซื้อไอโอโดฟอร์ ผ้าก๊อซ และเทปกาวมาจากร้านยา เอาเป็นว่าคุณควรพันแผลก่อน”

“ไว้ค่อยคุยกันตอนเย็นดีกว่า พอดีผมจะออกไปกินข้าวและซื้อเสื้อผ้าข้างทางเสียหน่อย” โจวอี้ไม่ปฏิเสธน้ำใจของอีกฝ่าย และหลังจากพูดถึงอาหาร เขาก็พลันถามว่า “จะว่าไป คุณทานอาหารเย็นแล้วหรือยัง? …อยากไปหาอะไรกินไหม?”

“ยัง แต่เดี๋ยวฉันจะไปกินเองทีหลัง…” เฉินอันฉีมองถุงพลาสติกที่โจวอี้ถือไว้ในมือ และหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็พูดขึ้นว่า “ลืมมันไปเถอะ เอาเป็นว่าฉันจะไปกับคุณด้วย! กลับมาแล้ว… ฉันจะพันแผลให้คุณ!”

“ตกลง งั้นเราไปกันเถอะ!” โจวอี้ยิ้ม

เวลานี้มีรถสองคันจอดที่หน้าประตูโรงแรม

และเมื่อประตูรถเปิดออก ชายหญิงสี่คนที่แต่งตัวอย่างดีก็ได้ลงจากรถและเดินไปทางโรงแรมด้วยรอยยิ้ม

“หือ? นางฟ้าเฉิน?” ถังจี้โจวมองไปยังชายหญิงหน้าตาดีที่อยู่บริเวณหน้าโรงแรม

เขารู้จักเฉินอันฉี เพราะเมื่อตอนคัดเลือกนักแสดง เขาได้สัมภาษณ์เฉินอันฉีด้วยตัวเอง!

เขากระทั่งรู้ข้อมูลเชิงลึกบางอย่างของเฉินอันฉีด้วยซ้ำว่าเธอเป็นสตรีมเมอร์และมีชื่อเสียงไม่น้อย

“สวัสดีค่ะ คุณถัง” เฉินอันฉีกล่าวทักทายอีกฝ่าย

อันที่จริงการพบกันครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเธอได้ยินหม่าเซียวลี่พูดเมื่อตอนเที่ยงว่าหากเธอต้องการเข้าพบผู้กำกับถังจี้โจว เธอก็ควรเข้าร่วมงานเลี้ยงไวน์ในคืนนี้!

แต่เธอกลับได้พบกับผู้กำกับถังและนักแสดงนำชายและหญิงที่นี่โดยไม่คาดคิด!

ถังจี้โจวยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเบือนศีรษะไปทางโจวอี้แล้วถามว่า “เสี่ยวเฉิน นี่ใครเหรอ?”

“ผู้กำกับถัง นี่คือหมอโจว เพื่อน… เขาเป็นเพื่อนของฉัน” เฉินอันฉีแนะนำ

“สวัสดีคุณถัง ผมโจวอี้ แพทย์จากโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง” โจวอี้ยื่นมือออกมาทักทายด้วยรอยยิ้ม

“สวัสดีหมอโจว ผมชื่อถังจี้โจว ผมไม่คิดเลยว่าหมอโจวที่ยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้จะเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง! นี่มันน่าทึ่งมาก!” ถังจี้โจวจับมือกับโจวอี้และพูดด้วยรอยยิ้ม

“คุณชมผมเกินไปแล้ว!” โจวอี้ยิ้ม

ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนหน้าตาดีที่อยู่ข้าง ๆ ถังจี้โจวก็ยื่นมือไปหาโจวอี้และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดี หมอโจว ผมเกาชง เป็นนักแสดง”

การกระทำเช่นนี้ส่งผลให้ถังจี้โจวตกตะลึงกับพฤติกรรมของอีกฝ่ายทันที แม้แต่ชายหญิงคู่นั้นที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ค่อนข้างประหลาดใจ เพราะพวกเขาทราบดีว่าเมื่อถังจี้โจวพูดกับโจวอี้ เขาได้เรียกอีกฝ่ายอย่างให้เกียรติว่า ‘คุณ’!

“สวัสดีครับ คุณเกา” โจวอี้จับมือทักทายอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท

“หมอโจว ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณก็คือโจวอี้ หมอหนุ่มมหัศจรรย์แห่งโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงใช่ไหม?” เกาชงถาม

“ชื่อนั้นผมว่าอาจจะดูทะนงตัวเกินไปหน่อยผมเลยไม่กล้ารับ แต่ถ้าพูดถึงชื่อโจวอี้ ผมคิดว่าโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงคงมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ใช้ชื่อนี้” โจวอี้กล่าวอย่างสุภาพ

“เป็นคุณจริง ๆ ด้วย! โชคดีจริง ๆ เพราะผมวางแผนที่จะไปโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงเพื่อพบคุณในอีกไม่กี่วันนี้ แต่จู่ ๆ วันนี้ผมกลับได้พบคุณที่นี่โดยไม่คาดคิด” ท่าทางของเกาชงดูจริงใจมากขึ้น จากนั้นเขาก็หันไปมองถังจี้โจวแล้วถามว่า “คุณถัง ทำไมคุณไม่ให้ผมเป็นเจ้าภาพในคืนนี้ล่ะ?”

“คุณต้องการจะทำอะไร?” ถังจี้โจวงงงวย

“พูดตามตรง คุณถัง แม่ของผมมีสุขภาพไม่ค่อยดี และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมได้พาเธอไปรักษาในโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งมาแล้ว แต่พวกเขากลับไม่อาจวินิจฉัยที่มาของอาการได้เลย และเมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนบอกผมว่าหมอโจวแห่งโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงมีความเชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม ผมจึงวางแผนจะพาแม่ไปที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงเพื่อพบหมอโจวโดยเฉพาะ แต่ปรากฏว่าหมอโจวเข้าเวรแค่บางวันเท่านั้น เพราะงั้นในเมื่อครั้งนี้มีโอกาสเจอกันแล้ว ผมจึงไม่อยากพลาด และคิดอยากจะชวนหมอโจวไปทานข้าวด้วยกันเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับอาการของแม่”

“ฮ่า ฮ่า ไม่มีปัญหา” ถังจี้โจวเห็นด้วย แต่แม้ปากจะพูดและเผยยิ้ม ทว่าในใจของเขานั้นกลับรู้สึกสับสนเล็กน้อย

หมอโจวยังดูเด็กอยู่เลย เขาจะมีความสามารถอย่างที่เกาชงพูดจริง ๆ เหรอ?

“หมอโจว คุณช่วยให้โอกาสผมได้เชิญคุณไปทานอาหารเย็นด้วยกันได้ไหม? ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าคุณจะหาสาเหตุของโรคของแม่ผมเจอหรือไม่ ยังไงผมก็อยากทำความรู้จักกับคุณ” เกาชงถามอย่างคาดหวัง

“ผมว่า มะ…” อันที่จริงโจวอี้ต้องการจะปฏิเสธ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงผู้กำกับ ดังนั้นไม่ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ มันก็ย่อมส่งผลกระทบต่อเฉินอันฉีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากบอกปัดไป มันก็อาจทำให้เฉินอันฉีต้องเผชิญกับปัญหาในภายหลังก็เป็นได้

โจวอี้เหลือบมองไปที่เฉินอันฉี

“ฉันยังไงก็ได้” เฉินอันฉีกระซิบ

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น โจวอี้ก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป พวกเราก็ขอไปทานอาหารกับพวกคุณด้วยก็แล้วกัน”

“ยินดีครับ พวกเรายินดีอย่างยิ่งเลยครับหมอโจว” เกาชงมีความสุขกับคำตอบนี้มาก

“เอาล่ะ งั้นผมขอแนะนำให้คนอื่น ๆ ได้รู้จักกัน คนนี้คือเสี่ยวเฉิน เธอเป็นนักแสดงที่กำลังจะมาร่วมงานกับเรา” ถังจี้โจวพูด ก่อนจะผายมือไปทางชายและหญิงคู่นั้น “ส่วนนี่คือจินหมิง โปรดิวเซอร์ของทีม ส่วนอีกคน เธอคือหลี่เป่าเอ๋อร์ นางเอกในละครเรื่องใหม่ของเรา”

เมื่อโจวอี้ได้ยินคำพูดแนะนำตัว เขาก็ยื่นมือออกไปจับทักทายกับคนเหล่านั้น

จากนั้นถังจี้โจวก็เดินนำเข้าไป เขาพาทุกคนมาที่ห้องจัดเลี้ยงในพื้นที่รับประทานอาหารบนชั้นสองของโรงแรม