ตอนที่ 144

เมืองอสูรตั้งอยู่ในทุ่งหิมะมีพายุหิมะเกิดขึ้นตลอดปีสภาพอันเรียกได้ว่าย่ําแย่เลวร้าย

ลมหนาวหอบหนึ่งพัดผ่านคนทั้งหมดรู้สึกแสบผิวหน้าราวกับถูกใบมีดกรีดเฉือน ร่างกายสันเทาอยู่เบาๆ

หนาว เป็นความหนาวเย็นชนิดที่ไร้ปราณีต่อสิ่งมีชีวิต

สายตาของฉันเทียนจับจ้องไปข้างหน้าไม่รู้สึกหนาวเย็นแต่อย่างใดเขามองดูการต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างตื่นเต้นดูไปก็ยังกล่าวกับตนเองไป”โชคดีที่ข้าไม่ได้ลงมือก่อน ไม่อย่างนั้นคงลําบากแล้วเหอๆ….”

การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว ทว่าผลลัพธ์กลับเกินความคาดหมาย

เหยาคงที่อยู่ในขั้นจุติรับมือกับยอดฝีมือขั้นสวรรค์สี่คนพร้อมกันแม้อาการบาดเจ็บจะยังไม่บรรเทาแต่สองในสี่ขั้นสวรรค์กลับทอดร่างเป็นศพแล้วอีกสองคนที่เหลือก็ไม่สู้ดีสักเท่าใดหากดูจากบาดแผลตามร่างแล้วล่ก็เชื่อว่าคงยืนหยัดอีกได้ไม่นาน

“ขั้นจุตินี่ยอดเยี่ยมจริงๆ บาดเจ็บขนาดนั้นยังใช้พลังออกมาได้แทบไม่หมดไม่สิ้นการต่อสู้ครั้งนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ ฮ่าๆ…”ฉุนเทียนดีใจแทบคลั่งรู้สึกโชคดีที่ตนรอดพ้นหายนะมาได้คราหนึ่ง

กระทั่งขั้นสวรรค์สี่คนลงมือพร้อมกันยังเอาเหยาคงไม่ลง หากเขาผลีผลามพุ่งเข้าไปสู่คนแรกเกรงว่ากระทั่งตายก็ยังไม่ทราบว่าตายได้อย่างไร

“สุนัขจรไม่กี่ตัวก็กล้ามาตอแยบิดา! น่าตลกสิ้นดี คนของสํานักเมฆาคล้อยใช่ผู้ที่พวกเจ้าจะมีเรื่องด้วยไหวหรือ?” เหยาชิงเงยหน้าหัวเราะอย่างอหังการ

คนชุดดําตายไปแล้วสองคน ที่เหลืออีกสองคนก็อยู่ในสภาพสาหัส

ต่อให้เหยาคงไม่ลงมือ เหยาชิงก็สามารถปลิดปลงสังหารคนทั้งคู่

หากไม่กล่าวซ้ําเติมออกไปก็ไม่ใช่บุรุษที่เรียกว่าเหยาชิงแล้ว

คนชุดดําที่เหลือทั้งสองพลันหน้าเขียวคล้ํา สายตามองดูเหยาชิงอย่างอาฆาต ทว่าตอนนี้พวกเขาสํานึกเสียใจแล้วหากทราบว่าจะเป็นเช่นนี้พวกเขาคงสังหารเจ้าคุณชายสวะนี้ทิ้งไปก่อนแต่แรก

“เหยาคง จัดการพวกมันซะ ให้พวกมันได้ทราบว่าผู้ที่ล่วงเกินสํานักเมฆาคล้อยจะมีจุดจบแบบใด” เหยาชิงเอ่ยปากสั่งการ

เหยาคงในเวลานี้มีบาดแผลเกลื่อนกล่นเต็มร่าง อวัยวะภายในบาดเจ็บไม่เบา เขาทําได้เพียงอดทนไม่แสดงความอ่อนแอ

ตอนที่อยู่ภายในเมืองอสูร ร่างจําแลงของผู้บ่มเพาะขั้นจักรวาลได้ลงมือกับเขาอย่างสาหัสบาดเจ็บทั้งภายนอกภายในลมปราณเองก็สับสนยุ่งเหยิงความแข็งแกร่งในตอนนี้เหลืออยู่เพียงไม่กี่ส่วน

หลังต่อสู้กับยอดฝีมือขั้นสวรรค์สี่คนอย่างดุเดือดเกือบครึ่งชั่วโมง แม้จะทําให้อีกฝ่ายตายสองสาหัสสองแต่ตัวเขาเองก็อาการหนักเช่นกันรากฐานจิตวิญญาณได้รับความเสียหายจุดตันเถียนก็บอบช้ําพลังปราณภายใน ร่างก็ร่อยหรอที่ยังยืนอยู่ได้ก็เป็นการฝืนแสดงท่าทางไม่เปิดเผยอาการแท้จริงเพียงเท่านั้น

หากให้คนชุดดําทั้งสองคนทราบว่าเขาไม่มีพลังปราณหลงเหลืออีกแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาคงเลวร้ายยิ่ง

“นายน้อย ใยไม่ละเว้นชีวิตสุนัขเหล่านี้สักครา ให้พวกมันจดจําว่าพวกมันได้ตอแยบุคคลที่ไม่ควรตอแยให้พวกมันที่ล่วงเกินสํานักเมฆาคล้อยได้อยู่อย่างหวาดผวาไปทั้งชีวิต” เหยาคงกล่าวนิ่งๆสายตามองไปยังร่างที่หมอบฟุบทั้งสองอย่างผู้ชนะไม่มีร่องรอยอาการบาดเจ็บให้เห็น

เหยาชิงชะงัก แววตาไหววูบคราหนึ่งก่อนเดินวางท่าหัวเราะเสียงเย็น “ไม่ บิดาต้องการให้พวกมันตายตรงนี้เดี๋ยวนี้”

คําว่า “ตาย” ถูกเน้นเสียงอย่างหนักแน่นจนแทบจะกลายเป็นการตะโกน

เหยาคงร่างสั่นเทิ้ม สายตาจ้องมองเหยาชิงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ความโกรธที่ปะทุขึ้นมาทําให้เลือดลมปั่นป่วนจนแทบกระอักโลหิต หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปตัวเขาคงเผยพิรุธออกไปเป็นแน่

คนชุดดําทั้งสองพลันหน้าเคร่งเครียด เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่ทวีความโกรธขึ้นของเหยาคงและจิตสังหารที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นมาชายชุดดําทั้งสองก็หันไปสบตากันก่อนที่พริบตาต่อมาร่างกายของทั้งสองจะดีดผึ้งแยกย้ายกันหลบหนีอย่างไม่เหลียวหลัง

“คิดหนี? เพ้อฝัน!”

“เหยาคง กําจัดสุนัขทั้งสอง!”

ฉากที่ชายชุดดําทั้งสองหันหลังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตนั้นทําให้เหยาชิงเผยยิ้มกว้างอย่างยินดีทั้งยังทําให้เขาเย่อหยิ่งขึ้นอีกระดับเห็นเหยาคงยังนิ่งเฉยไม่ลงมือเหยาชิงก็ตะคอกแล้ว “กล้าไม่ฟังคําสั่งข้า? เชื่อหรือไม่ว่าบิดาจะขับไล่ทาสสุนัขเจ้าออกจากตระกูล?”

“เพี้ยะ!” เหยาคงไม่อาจสะกดกลั้นได้อีกต่อไปความอดทนของเขาถึงขีดจํากัดแล้ว เมื่อตบฝ่ามือออกไป ที่ มุมปากของเขาเองก็มีโลหิตไหลย้อยออกมา

พื้นหิมะพลันเพิ่มสีแดงฉานขึ้นมาอีกหย่อม

เหยาชิงยกมือกุมแก้มด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง มืออีกข้างยกขึ้นชี้หน้าเหยาคง “จะ..จะ…เจ้า เจ้ากล้าตีข้า?”

“เจ้ามันก็แค่ทาสสุนัขของตระกูลเหยา ไม่ใช่คนตระกูลเหยาด้วยซ้ํา ก็แค่สุนัขจรจัดข้างถนนตัวหนึ่งตอนนี้กลับกล้าแว้งกัดข้าแล้ว? เจ้าคงเบื่อหน่ายชีวิตแล้วสินะ!”

เหยาชิงไม่เคยสนใจอาการบาดเจ็บของเหยาคง ยิ่งไม่สนใจสีหน้าท่าทาง ในสายตาของเขาเหยาคงก็แค่ทาสของตระกูลเหยาคนหนึ่งทาสผู้นี้ย่อมต้องเชื่อฟังคําสั่งของเขาส่วนความเป็นความตายอะไรเทือกนั้นของทาสคนหนึ่งย่อมไม่อยู่ในความคิดของเหยาชิง

เมื่อถูกทาสของตัวเองตบหน้า เหยาชิงก็เดือดดาลแล้ว ขณะที่เขากําลังจะเตะเหยาคงนั้นเองเหยาคงก็หลับตาก่อนหงายหลังล้มลง

เขาบาดเจ็บทั่วร่าง ทั้งยังไม่มีพลังปราณคอยค้ําจุน อาการบาดเจ็บภายในจึงยิ่งเลวร้ายลงหากไม่ใช่เพราะเป็นผู้บ่มเพาะขั้นจุติและมีพลังจุติคอยปกป้องเส้นลมปราณเอาไว้แล้วล่ะก็เหยาคงย่อมทอดร่างเป็นศพไปนานแล้ว

เห็นเหยาคงฟบล้มลงไป เหยาชิงก็ผงะ จากนั้นจึงตวัดเท้าเตะอย่างโกรธแค้น “กล้าแสร้งตายต่อหน้าบิดางั้นรี!”

เหยาคงพลิกร่างหมอบฟุบกับพื้น ใบหน้าของเขาขาวซีด โลหิตไหลย้อยจากมุมปากไม่หยุดอาการบาดเจ็บหนักหนาสาหัสยิ่ง

“เจ็บจริง?” เหยาชิงหน้าเปลี่ยนสีสายตากวาดมองโดยรอยอย่างลุกลี้ลุกลนเมื่อไม่เห็นยอดฝีมือขั้นสวร รดีทั้งสองนั้น เขาก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นจึงก้มลงมองเหยาคงอย่างดูถูก”ตระกูลเหยาเลี้ยงเจ้า มาหลายปีจนมาถึงขั้นจุติได้ วันนี้บิดาเกือบตายอยู่ในเมืองอสูรบอกข้าสิว่าเลี้ยงเจ้ามาตั้งหลายปีเจ้ายังทําอะไรให้ข้าได้บ้าง?”

“เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ แม้แต่สุนัขก็ยังดีกว่าเจ้า….”

เหยาชิงถ่มน้ําลายรดร่างเหยาคงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอด สายตามองไปทางทิศที่ตั้งของเมืองอสูรก่อนจะหรี่ตาลง”รอก่อนเถอะบิดาจะล้างชั่วโครตของพวกเจ้าให้หมด!”

“นี่ เจ้าของมือสอง”

เหยาชิงสะดุ้งตกใจ เสียงนี่กลับฟังดูคุ้นหูอยู่บ้าง วินาทีถัดมา รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงสองเท้าออกวิ่งทิ้งระยะไปหลายสิบก้าวก่อนจะเบือนหน้ากลับไปใบหน้าเปื้อนยิ้มของปีศาจที่เกือบจะคร่าชีวิตของเขา

ฉุนเทียนเผยยิ้มมองดูเหยาชิงราวกับกําลังมองดูสมบัติในถุงย่าม

“เจ้าจะทําอะไร?!” เหยาชิงรู้สึกปากคอแห้งผาก หัวใจสั่นสะท้านไม่หยุด

ฉันเทียนส่ายหน้าพลางหัวเราะ สายตาเหลือบมองเหยาคงที่สลบอยู่บนพื้นคราหนึ่ง กลิ่นอายของเหยาคงอ่อนกําลังยิ่งจากนั้นจึงละสายตากลับมามองเหยาชิง “ก็ไม่มีอะไรมาก ข้าเพียงอยากได้ศีรษะสุนัขของเจ้า”

“เอ๊ะ?”

หัวใจของเหยาชิงสั่นระรัว สายตามองฉันเทียนก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “คิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงจะมาลงมือกับข้า? อย่าคิดว่าเป็นศิษย์ของสํานักเทียนจี้แล้วจะยิ่งใหญ่อะไร เพียงแค่สํานักเมฆาคล้อยของข้า กระพริบตาที่หนึ่งก็ทําลายสํานักเจ้าจนราบคาบได้แล้ว”

“โอ๊ย น่ากลัวจังเลย” ฉุนเทียนก้าวเท้าออกเดินพลางหัวเราะ “เป็นแค่ของมือสองคนหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่ตาสว่างอีกเหรอ?”

“ของมือสอง? มันหมายความว่าอะไรกัน?” เหยาชิงถามออกไปขณะที่ลอบรวมรวมพลังสวรรค์อยู่เงียบๆสายตาที่มองดูฉินเทียนยิ่งมายิ่งฉายแววหวาดกลัว

“ตายไปก็รู้เอง” ฉุนเทียนกล่าวเสียงเย็นเยียบ พี่ใหญ่เฮยกําลังตกอยู่ในอันตราย หากไม่รีบฆ่าเหยาชิงอาการของเขาก็จะย่ําแย่ลง

“บ้าคลั่งขั้นที่หนึ่ง”

“พลังคชสารชําระล้าง….”

“เทพแห่งความมืดทําลายล้าง….”

ทักษะทั้งสามถูกเรียกใช้ขึ้นพร้อมกัน กลิ่นอายสุดแกร่งกร้าวเริ่มแผ่ออกโดยรอบจนพื้นดินสั่นสะเทือนทักษะทั้งสามรวมกันกลายเป็นเสาแสงสีดําพุ่งสูงเสียดฟ้า

เฉินเทียนไม่มอบโอกาสใดๆแก่เหยาชิงอีก

เมื่อเรียกใช้ทักษะทั้งสามไปแล้ว ทักษะค่ายกลเจ็ดสังหารก็ถูกเรียกใช้

กระบี่สีม่วงเจ็ดเล่มบินฉวัดเฉวียนขึ้นฟ้าตระเตรียมสําแดงอํานาจออกมา

เหยาชิงยังรวบรวมพลังสวรรค์ไม่สําเร็จ หมดโอกาสโต้ตอบโดยสิ้นเชิง ดวงตาของเขาเบิกกว้างพลางกรีด ร้องราวกับหมู

“ไม่!!!..”

“ฉวะ…..”

ตาย!

ร่างของเหยาคงถูกผ่าแยกก่อนจะระเบิดเป็นเศษธุล…..