เมื่อได้ยินเสียงเอ้อระเหยนี้ กระดูกของ “พี่หวาง” ก็เกือบอ่อนยวบไปเกือบครึ่ง เมื่อหันกลับมา เขารู้สึกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้า เห็นเพียงหญิงที่มีรอยยิ้มมีเสน่ห์ยืนอยู่ตรงหน้าเขา หญิงคนนั้นกำลังมองเขาอย่าง “หลงใหล”
โดยเฉพาะสายตาอันแรงกล้าคู่นั้น แสดงความรักแต่ดูไม่คุ้นเคย
“แม่นางนี้รู้จักข้าหรือ?” “พี่หวาง” ปล่อยหญิงคนนั้นทันที เดินไปหาเฟิ่งชิงหัว พร้อมถูมืออย่างตื่นเต้น
เฟิ่งชิงหัวส่งสัญญาณผ่านสายตาให้หญิงคนนั้น หญิงคนนั้นเข้าใจทันทีและรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วโดยที่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ
ตอนนี้พี่หวางไม่มีใจไปสนใจ มีหญิงงามอยู่ข้างหน้าเขา ดีกว่าคนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นมาก เรื่องดีแบบนี้ยอมกันและกันจะดีกว่า
“วันนั้นตอนที่ล่องเรืออยู่ในทะเลสาบและจากลากันบนสะพาน ในใจข้าคิดถึงพี่หวางอยู่เสมอ แต่คาดไม่ถึงว่าพี่หวางลืมข้าไปแล้ว” เฟิ่งชิงหัวแสดงความผิดหวัง
ทันทีที่เขาได้ยิน เขาก็รู้ว่าสาวงามตรงหน้าเขาอาจจำคนผิด แต่เขาคาดไม่ถึงว่าใบหน้าของเขาจะน่าดึงดูดสายตาทีเดียว ชายหนุ่มคิดในใจ
เนื่องจากผู้หญิงตรงหน้าเรียกตนเองว่าข้า(หนู่เจีย=คำเรียกตัวหญิงแบบถ่อมตน) นางคงไม่ใช่หญิงดีงามอะไร บางทีนางอาจเป็นคนของเรือสำราญไหนสักแห่ง
“จำได้ จำได้ ข้าจำได้แน่นอน หลังจากจากกันวันนั้น ข้าเองก็จะคิดถึงแม่นางมาก”
“ใช่ วันนั้น พี่หวางใช้เงินมากมายเพื่อซื้อเพลงหนึ่งเพื่อข้า ข้ารู้สึกขอบใจเจ้ามากและคิดถึงพี่หวางทุกวัน แต่หลังจากคืนแห่งความสุขนั้น พี่หวางก็หายตัวไป ทุกคนบอกว่าเจ้ากลับไปยังนครหลวงเพื่อไถ่ตัวข้า ข้ารออยู่ตั้งนานเจ้าก็ไม่มาจึงมาตามหาพี่หวางด้วยตัวเอง”
ชายหนุ่มตกใจมากเมื่อได้ยินแบบนี้ เขาไม่คาดคิดว่าหญิงตรงหน้าเขาจะเป็นหญิงอันดับหนึ่ง ชายหนุ่มคนนั้นอาจจะหลอกความบริสุทธิ์ของนางแล้วจากไป ยังพูดว่าเตรียมเงิน เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น แต่หญิงสาวที่ตามมาถึงนี่ เขาได้เปรียบแล้ว
ชายหนุ่มพูดทันทีว่า “เป็นความผิดข้า เกิดเรื่องที่บ้านจนล่าช้าจริงๆ ข้าคาดไม่ถึงว่าแม่นางจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกเช่นนี้ ข้ารู้สึกขอบใจแม่นางจริงๆ เราหาสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อคลายความคิดถึงเถอะ”
ขณะพูด เขาก็ยื่นมือออกไปจะจับมือของเฟิ่งชิงหัว
เฟิ่งชิงหัวก้าวถอยหลังทันที สีหน้าของนางเปลี่ยนไป ถามอย่างโกรธเคือง “บอกมาสิ เจ้ามีคนอื่นอยู่ข้างนอกใช่หรือไม่ เจ้าจึงไม่มาพบข้า”
“จะใช่ได้อย่างไร ในใจข้ามีแต่แม่นางเท่านั้น ข้าจะชอบหญิงสาวข้างนอกได้อย่างไร แม่นาง ข้า…” ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบ เฟิ่งชิงหัวก็ตบหน้าเขา
“เหตุใดเจ้าถึงเรียกข้าว่าแม่นางแม่นางอยู่นั่นแหละ ข้าไม่มีชื่อหรือ? เจ้าลืมข้าไปแล้วหรือไง!” เฟิ่งชิงหัวถามด้วยความโกรธด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ชายหนุ่มรีบพูดว่าโดยไม่มีเวลาสนใจความเจ็บบนใบหน้า “ไม่ ไม่”
ทันทีที่เขาพูดจบก็มีเสียงตบหน้าดังขึ้น ใบหน้าอีกข้างก็โดนตบอีกครั้ง
“เจ้าลืมชื่อข้า งั้นข้าถามเจ้าหน่อย ปกติเจ้าเรียกข้าว่าอะไร?” เฟิ่งชิงหัวกล่าว
“ข้า ข้า ข้าเรียกเจ้าว่าคนงาม?”
“เพี้ยะ”ตบหน้าอีกครั้ง
“ไม่ถูก พูดต่อ”
ในขณะนี้ ชายหนุ่มถูกตบหน้าจนอึ้งไปแล้ว เขาไม่มีท่าทีขัดขืนเลย จิตใต้สำนึกเดาว่าจะเรียกหญิงตรงหน้าเขาว่าอะไร
“ที่รัก?”
“เพี้ยะ” “ไม่ถูก”
“น้องหวาน”
“เพี้ยะ”
“ไม่ถูก”
ในชั่วพริบตา ชายที่หน้าตาเหมือนหัวหมูก็ถูกตบจนใบหน้าบวมอย่างหัวหมู ใบหน้าทั้งสองข้างบวมและฟันหักไปหลายซี่
ตอนนี้ คนใช้ของชายหนุ่มทนไม่ได้อีกต่อไป ชี้ไปที่เฟิ่งชิงหัว และพูดว่า “เจ้ากล้าดียังไงถึงกล้าตีเจ้าชายของเรา! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าชายของเราคือใคร?”
เฟิ่งชิงหัวพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น “ผู้ชายที่ชอบล้อเล่นกับความรู้สึกของผู้หญิง! เอาความบริสุทธิ์ของข้าไปแล้วยังโกงค่าเดินทางหมื่นตำลึงเงินของข้าอีก เจ้าพูดสิว่าข้าไม่ควรตบหรือ?”
คำถามนี้ทำให้ลูกน้องตกตะลึงและหันไปมองเจ้าชายของตน ไม่ต้องพูดถึงเจ้าชายของพวกเขาอาจจะทำสิ่งนี้ได้จริงๆ
หญิงคนนี้ เพียงเพลงเดียวก็ต้องการหนึ่งพันตำลึง และนางยังสามารถเอาเงินหมื่นตำลึงเงินออกมาเป็นค่าเดินทางได้อย่างง่ายๆ เงินในการไถ่ตัวก็ต้องเป็นเงินหลายแสนน่ะสิ?
“ถึง ถึงจะเป็นอย่างนั้นเจ้าตีคนก็เป็นเรื่องผิด”
“ตีคน? ข้ายังจะฟ้องคดีด้วย! ถ้าในวันนี้ยังไม่คืนหมื่นตำลึงเงินให้ข้า แม้ว่าจะฟ้องฮ่องเต้ ข้าก็จะต้องฟ้องพวกเจ้า”
“จำคนผิดแล้ว จำคนผิดแล้ว ข้าไม่ใช่พี่หวาง ข้าชื่อหวางฟาไฉและข้าไม่ใช่คนในนครหลวง ข้าเพิ่งมาถึงไม่นานมานี้ ไม่ใช่คนที่เจ้าพูด” ชายที่ถูกตบจนฟันหลุดไปหลายซี่ เลยพูดไม่ชัด
“ดีเลย ทุกคนมาดู ชายคนนี้มาเรือสำราญของเราเพื่อหลอกลวงข้า บอกว่าเขาจะไถ่ตัวข้า แต่สุดท้ายเขาก็โกงเงินหมื่นตำลึงเงินของข้าไป นั่นคือเงินที่ข้าจะไถ่ตัวข้าเอง เมื่อครู่นี้ยอมรับว่าจำข้าได้ ทันทีที่บอกว่าให้เขาคืนเงินเขาก็จำไม่ได้!” เฟิ่งชิงหัวตะคอกเสียงดังกลัวว่าคนรอบข้างจะไม่ได้ยิน
เมื่อคนรอบข้างได้ยินก็ต่างต่อว่าเขา
“ไป เร็วเข้า อย่าสนใจนางปากร้ายคนนี้เลย”
“อยากจากไป? บอกข้าว่าเจ้าเป็นคนจากจวนไหน แล้วข้าจะกลับไปกับเจ้าเพื่อดูว่าคนในจวนของเจ้าน่ารังเกียจและไร้ยางอายเช่นนี้หรือไม่!”
“อย่า อย่า อย่า อย่าทำเรื่องให้ใหญ่โต ข้ายอมรับ ข้ายอมรับได้หรือยัง? ข้าจะคืนเงินให้เจ้า เรื่องนี้ก็ช่างเถอะ ตกลงไหม?” หวางฟาไฉรีบพูด
เขาเป็นลูกชายพ่อบ้านของจวน สอบได้ขุนนางอันดับสามปีนี้ เมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ชานซี เขารังแกหญิงสาวจนชิน ไม่คาดคิดว่าจะเจอปัญหาในวันแรกที่ออกมานอกจวน โชคร้ายเสียจริง ตอนนี้ก็ทำได้เพียงใช้เงินเพื่อกำจัดภัยพิบัติ
เฟิ่งชิงหัวยิ้มและพูดว่า “ตกลง หมื่นตำลึง ให้เงินข้ามา”
“ข้า ตอนนี้ข้าไม่มีมากขนาดนั้น ข้าเขียนสัญญากู้ยืมเงินได้หรือไม่?” หวางฟาไฉขอร้อง
“สัญญากู้ยืมเงิน? ได้ แต่ถ้าเจ้าหนีอีกครั้งล่ะจะทำเช่นไร เว้นแต่?”
“เว้นแต่อะไร?”
“เว้นแต่เจ้าจะเขียน สัญญากู้ยืมเงินสองฉบับ ฉบับหนึ่งสำหรับให้เจ้าเองและอีกฉบับหนึ่งสำหรับจวนของเจ้า”
หวางฟาไฉคิดในใจ หญิงนางนี้เป็นคนนอกเมือง ดังนั้นนางต้องไม่จักจวนของเขา ดังนั้นจึงหลอกนางมั่วๆ
ทันทีที่คิดแบบนี้ ก็ได้ยินนางพูดว่า “ตอนนี้น้องสาวของข้ากำลังทำงานอยู่ในจวนอ๋องเฉิน และนางเป็นที่ชื่นชอบของเจ้านายมาก ข้าให้เวลาเจ้าสามวัน ถ้าเจ้าไม่สามารถเอาเงินส่วนที่เหลือออกมาภายในสามวัน งั้นข้าจะเอาภาพวาดของเจ้าไปติดที่หน้าจวนทุกจวนโดยตรงเพื่อให้พวกเขาตามหาเจ้า เมื่อถึงเวลานั้นตระกูลหวางของเจ้าจะขายหน้าแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใจของ หวางฟาไฉก็จมดิ่งลง เขาทำได้เพียงนำธนบัตรหนึ่งพันตำลึงและเศษเงินหนึ่งร้อยตำลึงออกจากร่างกายของตนแล้วมอบให้ เฟิ่งชิงหัวเท่านั้น และหยิบพู่กันและกระดาษมาจากร้านข้างๆ พร้อมเขียนสัญญากู้ยืมเงิน เมื่อจะเขียนถึงจวน เขาก็พูดว่า “ข้าจะให้เงินเจ้าภายในสามวัน เรื่องนี้อย่าให้ใครรู้เด็ดขาด”
“เข้าใจแล้ว กฎแค่นี้ข้าก็รู้อยู่แล้ว” เฟิ่งชิงหัวรับเงินมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อสัญญากู้ยืมเงินทั้งสองแผ่นมาอยู่ในมือแล้ว เฟิ่งชิงหัวก็หยิบกระดาษมาแผ่นหนึ่ง แล้ววาดรูปลักษณ์ของชายตรงหน้านางอย่างรวดเร็ว เหมือนจริงมาก ราวกับแกะสลัก
หวางฟาไฉรู้ว่าวันนี้ตนหลงกล เขาจึงไม่กล้าอยู่อีกต่อไป เขารีบพาคนของเขาจากไป