บทที่ 181 ตรงประเด็น

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 181 ตรงประเด็น

เบื้องหน้าบนเรือศึกลำที่หนึ่ง องค์หญิงสามถลึงตาโต ความรู้สึกทิ่มแทงรุนแรง แต่ต่อให้น้ำตาจะไหลเป็นทาง นางเองก็ยังพยายามจะมองทั้งหมดให้ชัดเจน

สีหน้าของนางมีความทึ่งตะลึงยิ่งกว่า ราวกับว่ามองเห็นภาพที่สวยงามที่สุดในโลกมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น

และชุดคลุมยาวสีขาวที่อยู่ข้างๆ เวลานี้ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เขามองสวี่ชิง จู่ๆ ในใจก็เกิดความรู้สึกบีบคั้นที่รุนแรงกว่าขึ้นมา

‘ให้ตายเถอะ…เจ้าเด็กนี่ ทำไมถึงแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว วิหคทองนี่…มันไม่ใช่วิชาระดับจักรพรรดิในตำนานบนทะเลต้องห้ามนั่นหรอกหรือ!’

คิดถึงจุดนี้ ชุดคลุมยาวสีขาวก็รีบเข้าประชิดองค์หญิงสามทันที รีบร้อนเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ

“องค์หญิง เจ้าเด็กคนนี้ฝึกบำเพ็ญวิชาสายพิษชั่วร้ายอย่างมาก ข้าเคยอ่านผ่านตำราโบราณมาแล้ว ชื่อว่าเคล็ดนามหยินเด็ดชีวิน ปกติตอนสำแดงพลานุภาพวิชานี้ก็ร้ายกาจแล้ว แต่ถ้าหากถูกเขาล่วงรู้ถึงชื่อของศัตรูแล้วสำแดงอีกครั้ง จะสามารถช่วงชิงชีวิตได้ในพริบตา อีกประเดี๋ยวท่านห้ามพูดชื่อของข้าเด็ดขาด เรียกข้าว่าพี่ชายก็พอ!”

ขณะที่ชุดคลุมยาวสีขาวกำชับนั้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นรอบๆ ฉับพลัน

ในเรือศึกที่สวี่ชิงอยู่ เวลานี้วิหคทองสีดำที่กำลังโอบล้อม สะบัดหางฉับพลัน

ทันใดนั้นทะเลเพลิงจากหางสีดำก็กระจายครืนครันออกไปรอบทิศ กลายเป็นโซ่เพลิงสีดำหลายเส้น ราวกับงูเพลิงที่น่ากลัวหลายตัว พริบตาก็พุ่งไปยังผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรทั้งหมดในเรือศึก

หลังจากเข้าประชิด ก็จัดการโอบล้อมตัวพวกเขา ม้วนลอยขึ้นกลางอากาศ

ด้วยความแตกต่างมหาศาลของพลังบำเพ็ญ ทำให้ไม่ว่าสิงซากสมุทรเหล่านี้จะกระเสือกกระสนอย่างไรก็ไร้ผล แต่ละคนถูกโซ่เพลิงสีดำม้วนยกลอยวนไปรอบทิศ มองไกลๆ ราวกับหางของวิหคทองกำลังรำแพน!

และเหล่าสิงซากสมุทรก็ส่งเสียงกรีดร้องน่าเวทนาออกมาในการพัดม้วนขึ้นนี้

ร่างของพวกเขากำลังแห้งเหี่ยว เลือดลมหลายสายถูกสูบออกมาจากทวารทั้งเจ็ดรวมถึงทั่วทั้งร่างกายอย่างต่อเนื่อง ลอยเข้ามารวมตัวกันที่วิหคทองซึ่งลอยอยู่กลางอากาศด้านหลังสวี่ชิง

สวี่ชิงสีหน้าปกติ เท้าขวายกขึ้นย่างไปก้าวหนึ่ง พลังกายเนื้อที่น่ากลัวร่วมกับพลานุภาพตะเกียงแห่งชีวิต ทำให้เรือศึกใต้เท้าเขาส่งเสียงครืนครันแตกสลายลงกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า

ตอนนี้สวี่ชิงยืนอยู่กลางอากาศ ชุดนักพรตสีม่วงส่งเสียงพั่บๆ กลางสายลม ขณะที่ผมยาวปลิวสยายวิหคทองสีดำเบื้องหลังเขาก็ลอยวนล้อมรอบ

หางเพลิงรูปพัดสะท้อนไปรอบทิศ ศพแห้งหลายร่างขึงอยู่บนโซ่เพลิงสีดำหลายเส้น ดูแล้วช่างน่าสยดสยอง

บวกเข้ากับใบหน้างามราวปีศาจของสวี่ชิง ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นสวี่ชิงเวลานี้ ล้วนมีความรู้สึกเหมือนกับเห็นมารปีศาจอย่างไรอย่างนั้น

ดวงตาองค์หญิงสามประหลาดใจยิ่งมากขึ้นไปอีก นางไม่เคยเห็นคนเช่นนี้มาก่อน

แต่สวี่ชิงก็ไม่สนใจองค์หญิงสามที่มีพลังบำเพ็ญเพียงรวมปราณขั้นบริบูรณ์คนนี้ สายตาของเขาผ่านตัวนางไป จนไปหยุดอยู่ที่ชุดคลุมยาวสีขาวข้างกายองค์หญิงสามแทน

ชุดคลุมยาวสีขาวเวลานี้ใช้มือข้างหนึ่งสะกดอสูรสมุทรบรรพกาลไว้ หันหน้ามาจ้องสวี่ชิงเขม็งเช่นเดียวกัน

สวี่ชิงมองเขาอย่างนิ่งงัน

เขามองสวี่ชิง กลับรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ตอนที่บรรยากาศเกิดความแปลกประหลาด จู่ๆ เสียงหัวเราะประหลาดก็ดังขึ้น ทำให้บรรยากาศของที่นี่บรรเทาลงบ้าง และทำให้สายตาทั้งหมดจ้องไปยังจุดที่เสียงหัวเราะดังมา

เสียงหัวเราะดังมาจากเรือศึกลำที่สอง สวี่ชิงมองไปก็เห็นว่าบนเรือศึกลำนี้มีแสงอัสนีหวีดหวิวออกมา และลอยคว้างอยู่กลางอากาศ

เหล็กแหลมสีดำนั่นเอง

แสงอัสนีบนนั้นไหลเวียนไม่หยุด ประเดี๋ยวก็มีสายฟ้าแล่นขึ้นมา เกิดเป็นรอยแยกสายฟ้าหลายสายขึ้นไปรอบๆ น่าตกตะลึงมาก

ขณะเดียวกันบนเหล็กแหลมยังมีอักขระอัสนีเจิดจ้าขึ้นมาอีกหลายสาย อักขระทุกสายล้วนแฝงไว้ด้วยความรู้สึกแห่งท่วงทำนองเต๋า ทำให้เหล็กแหลมสีดำดูแล้วงดงามจับตา ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า!

กระทั่งทำให้คนเกิดความรู้สึกว่าเมื่อได้ครอบครองก็ยากจะทิ้งไปขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

นอกจากนี้บนเหล็กแหลมสีดำยังผูกกระดิ่งไว้ด้วย เห็นได้ชัดว่ากระดิ่งถูกสายอัสนีเสริมพลัง บนตัวมันปิดผนึกวิญญาณไว้มหาศาล เมื่อมองวิญญาณเหล่านี้ก็เห็นว่าเป็นเผ่าสิงซากสมุทร แต่ละคนล้วนส่งเสียงกรีดร้องเจ็บปวดออกมา แต่กลับไม่สามารถหลบหนีได้

เห็นได้ชัดว่าบรรพจารย์สำนักวัชระดูใส่ใจมาก เขารู้ว่าสวี่ชิงต้องการวิญญาณ หลังจากพุ่งเข้าไปในเรือศึกลำที่สองก็ใช้ร่างวิญญาณอัสนีของตนเองล่าสังหาร แต่ใช้กระดิ่งสร้างวิญญาณจัดการดูดรับวิญญาณเหล่านั้นเข้ามา ใช้อัสนีปิดผนึกไว้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสามารถเผยความเอาใจใส่ของตนเอง และยังแสดงความแข็งแกร่งและพลานุภาพของตนเองออกมาได้อย่างไร้ร่องรอยได้ด้วย

ส่วนที่ปล่อยเสียงหัวเราะประหลาด เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่บรรพจารย์สำนักวัชระ

ตอนนี้ด้านหลังบรรพจารย์สำนักวัชระ มีเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากห้องบังคับเรือ

ร่างนี้เป็นเผ่าสิงซากสมุทรคนหนึ่ง ในร่างกายมีไฟชีวิตดวงหนึ่งเผาไหม้อยู่ รูปร่างเหมือนผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์กลางคน ร่างกายผอมซูบ รอยจ้ำของศพชัดเจนไปทั่วทั้งตัว

เขาสวมชุดนักพรตขาดวิ่น มุมปากยกขึ้นด้วยความลำพอง เดินไปพลางส่งเสียงเคี๊ยกๆ ด้วย

เพียงแต่การปรากฏตัวของเขา กลับให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด!

เพราะการก้าวเดินของเขาไม่ค่อยจะประสานกัน ราวกับเพิ่งจะหัดเดินโยกไปเยกมา แม้สีหน้าจะหยิ่งลำพอง แต่ขณะเดียวกันสายตาของเขากลับเผยความพรั่นพรึงขีดสุดออกมาอย่างแรงกล้า

ความสะพรึงนี้เข้มข้นถึงขีดสุด สิ่งที่ขัดกับสีหน้าจึงก่อเป็นภาพที่แปลกประหลาดขึ้นมา

และเมื่อเขาเดินออกมาที่กาบเรือศึก เขาก็ลุกยืนขึ้น

กวาดสายตาเหยียดหยามไปยังชุดคลุมยาวสีขาวรวมถึงองค์หญิงสาม และเผ่าสิงซากสมุทรทั้งหมดบนเรือศึกลำแรก จากนั้นตอนที่หันมามองสวี่ชิง ทันใดนั้นเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้น คุกเข่าข้างหนึ่งให้แก่สวี่ชิง เผยความเคารพยำเกรงออกมา

หลังจากนั้นเขาก็ยกสองมือขึ้น วางไว้บนคอของตนเองและบิดอย่างรุนแรง

เสียงกร๊อบดังขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของเผ่าสิงซากสมุทรเหล่านั้นบนเรือศึกลำแรก คนผู้นี้ก็หักคอของตนเอง

ยังไม่จบ เขายังฉีกหัวของตนเองออกมาอย่างดุดัน ศีรษะที่หลุดออกจากร่างสีหน้ายังคงลำพอง ขณะที่ในปากยังส่งเสียงเคี๊ยกๆ เขาก็ยกมือแทงเข้าไปในท้องของตนเอง จับไฟชีวิตที่เผาไหม้อยู่…แล้วดับมัน!

พริบตาต่อมา ร่างกายก็สั่นเครือ เสียงปึงปังดังก้องไปทั้งฟ้า ช่องเวททั่วร่างเขาเวลานี้ถูกเขาบีบจนระเบิดทั้งหมด กระทั่งสุดท้ายร่างกายก็แตกสลายร่วงลงบนพื้น

ภาพนี้ดูแล้วแปลกประหลาดมาก จนทำให้เผ่าสิงซากสมุทรคนอื่นพากันหอบหายใจถี่ ด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะผันผวนนักของพวกเขา เวลานี้ล้วนเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา

สวี่ชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขามองออกว่านั่นคือเงาผู้บำเพ็ญสิงซากสมุทรที่เจ้าเงากลืนกินแล้วควบคุม แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว คือวิธีการของเจ้าเงา มันสิ้นเปลืองดวงวิญญาณไปดวงหนึ่ง

แต่ตอนนี้สวี่ชิงก็ไม่พูดมาก หันหน้าเดินตรงไปทางเรือศึกลำแรก

เผ่าสิงซากสมุทรบนเรือศึกลำนี้ทุกคนล้วนสั่นสะท้านจากการเข้าใกล้ และไม่รู้ว่าใครที่ถอยหนีคนแรก พริบตาต่อมาเหล่าเผ่าสิงซากสมุทรก็ล้วนกระโจนตัวขึ้นคิดจะหลบหนี

แต่ชั่วพริบตา วิหคทองที่อยู่ด้านหลังสวี่ชิงก็คำรามขึ้นมา ทันใดนั้นโซ่เพลิงสีดำที่มากกว่าเดิมก็ระเบิดออกมาจากตัวเขา พุ่งไปหาเผ่าสิงซากสมุทรเหล่านี้อย่างรวดเร็ว จัดการพันตัวพวกเขาในพริบตา เสียงกรีดร้องแหลมน่าเวทนาดังก้องไปทั่วทิศ

สวี่ชิงไม่สนใจ ก้าวเท้าย่างลงไปบนเรือศึก

จากนั้นก็ยกมือขวาชี้นิ้วไปยังสาวน้อยที่สีหน้าดูป่วยไข้ ซึ่งแม้ในดวงตาจะเจ็บปวดจนน้ำตาไหล แต่ก็ยังพยายามจะลืมตามองคนนั้น

และแสงอัสนีก็ส่งเสียงครืนครัน เหล็กแหลมสีดำพุ่งออกไปฉับพลัน ปรากฏที่เบื้องหน้าสาวน้อยในพริบตาอย่างรวดเร็ว ตอนที่กำลังจะแทงทะลุหว่างคิ้ว แต่ตอนนี้เอง ชุดคลุมยาวสีขาวก็ถอนหายใจออก มือขวายกขึ้นด้วยความเร็วที่สูงกว่า ดีดออกไปเบาๆ

เสียงวูมดังขึ้น เหล็กแหลมสีดำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงดีดพัดกลับไปนับสิบจั้ง และกลับมาอย่างรวดเร็วในพริบตา ไม่ได้รับความเสียหายใด ปราณพิฆาตบนตัวมันเข้มข้นมาก สายอัสนีมีมากยิ่งกว่า

ชุดคลุมยาวสีขาวมองเหล็กแหลมสีดำเคร่งขรึม และมองไปยังใต้เท้าสวี่ชิง จากนั้นจึงมองไปที่วิหคทองด้านหลังสวี่ชิง เรื่องเหล่านี้ทำเขาปวดหัวมาก

ท้ายสุดจึงมองไปทางสวี่ชิง ชุดคลุมยาวสีขาวถอนหายใจออก

“สหายเต๋าเอ๋ย นางสำคัญกับข้ามาก…”

สวี่ชิงมองชุดคลุมยาวสีขาว ตั้งแต่ที่พึ่งเห็นอีกฝ่ายเมื่อครู่ เขาก็เดาออกแล้วว่านายกองคงจะใช้หญิงสาวที่ดูตัวตนไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัดคนนี้ไปทำแผนการบ้าคลั่งบางอย่างให้สำเร็จแน่ๆ

จึงลองลงมือ และอีกฝ่ายก็เข้าสกัดจริงๆ

ดังนั้นเวลานี้สวี่ชิงจึงไม่แปลกใจกับคำพูดของนายกองเลย โดยเฉพาะคำว่าสหายเต๋าที่อีกฝ่ายพูดออกมา เหมือนว่าไม่อยากให้คนรู้สถานะของตนอย่างไรอย่างนั้น และสอดคล้องกับการพิจารณาของสวี่ชิงด้วย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ลังเล

“หนึ่งแสนหินวิญญาณ!”

ชุดคลุมยาวสีขาวถลึงตาโต พอคิดจะพูด องค์หญิงสามที่อยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา

“พี่ชาย พี่ชายคนนี้น่าสนใจจริงๆ ข้าอยากให้เขามาเป็นผู้คุ้มครองข้าด้วย!”

พูดพลาง หญิงสาวก็ยกมือขวาขึ้น ที่ข้อมือนางมีกำไลวงหนึ่ง เวลานี้พอโบกไหวเบาๆ กำไลข้อมูลก็แตกออกเป็นท่อนๆ เสียงแกร๊กๆ หลังจากหล่นลงพื้นก็รวมตัวขึ้นมาใหม่ เคลื่อนไหวราวกับสิ่งมีชีวิตแล้วพองตัวขึ้นมา กลายเป็นศพแห้งหลับตาผอมสูงร่างหนึ่ง

ศพแห้งนี้ทั้งตัวผูกไว้ด้วยเชือกสีแดง พอปรากฏออกก็มีปราณพิฆาตแผ่ซ่านทันที ดวงตาเองก็เบิกตาขึ้น เผยประกายสีแดงออกมา เดินตรงไปทางสวี่ชิง

พริบตาที่ก้าวเท้ามา ในร่างกายมันก็มีเสียงครืนครัน ไฟชีวิตสองดวงจุดขึ้นฉับพลัน จนทำให้เปลวไฟสีแดงโหมขึ้นทั้งร่างในทันที ระเบิดความเร็ว พุ่งไปประหัตประหารสวี่ชิง

แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ เหล็กแหลมสีดำมีแสงอัสนีครืนครัน อักขระสายฟ้าทั้งหมดบนตัวมันก็เจิดจ้าขึ้น ความเร็วเปลี่ยนเป็นน่าตกตะลึงในพริบตา ตรงเข้าไปหาศพแห้ง พริบตาที่เข้าใกล้ก็ไสแทงออกไป

ขณะเดียวกันเจ้าเงาเองก็ยืดแผ่ออกไปอย่างไร้ซุ่มเสียง แผ่ออกไปใต้เท้าศพแห้งร่างนี้ ดวงตานับร้อยเปิดขึ้นพร้อมกัน จ้องมองไปทางศพแห้ง

ร่างกายศพแห้งนี้ชะงักลงทันควัน หลายจุดบนตัวก็เกิดการเน่าเปื่อยในพริบตา ขณะที่ไอพลังประหลาดมหาศาลทั่วร่างหายไป เหล็กแหลมสีดำเองก็แทงทะลุคอของมัน หมุนวนรอบหนึ่งและแทงทะลุออกจากท้ายทอยของมัน

สวี่ชิงก็เดินออกมาในพริบตานี้ เข้าประชิดด้วยความเร็ว พลังกายเนื้อระเบิดออก ยกมือขวาขึ้นกดลงไประหว่างคิ้วของศพแห้งนี้

จังหวะที่กดลงไป รอบด้านเกิดเสียงหวีดหวิวราวกับว่าฝ่ามือนี้ของเขาอะไรก็ทำลายไม่ได้

ศพแห้งแผดเสียงต่ำ ประกายแดงทั่วร่างเจิดจ้าเข้าต้านทานการโจมตีที่มาจากสวี่ชิง แต่การเคลื่อนไหวของสวี่ชิงก็ไม่หยุดชะงักเลย งอแขนขวาแล้วใช้ข้อศอกแทงงัดขึ้นไปใต้คางของศพแห้งอย่างแรง

เสียงกร๊อบดังขึ้น ศพแห้งนี้สามารถทนรับโจมตีได้ครั้งหนึ่ง แต่กลับไม่สามารถทนรับการโจมตีครั้งที่สอง ศีรษะของมันแตกออก ที่เผยออกมาไม่ใช่เลือดเนื้อ แต่กลับไม่มีจิตวิญญาณใดอยู่เลย ราวกับเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่ง!

โดยเฉพาะจุดที่แตกหักปรากฏเส้นเหนียวมหาศาลออกมา ยื้อยุดดึงกันและกันราวกับว่าสามารถฟื้นฟูกลับมาได้เหมือนเดิม

สวี่ชิงจ้องเขม็ง พุ่งตามออกไป ยกหัวเข่าขึ้นออกแรงกระแทก เสียงตูมดังขึ้น แม้ศีรษะหุ่นเชิดตัวนี้จะแตกไปแล้วแต่กลับฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง แม้หน้าอกจะแหลกเละเป็นวงกว้าง แต่ก็มีของเหลวหนืดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฟื้นตัวเร็วขึ้น จนราวกับไม่สามารถทำลายมันให้ตายได้

สวี่ชิงแค่นเสียงเย็นชา จ้องมองหุ่นเชิดศพแห้งที่ฟื้นฟูต่อเนื่อง สำแดงวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ ทันใดนั้นวิหคทองด้านหลังตัวเขาก็เปล่งเสียงคำรามแหลม กระโจนออกมาจากด้านหลังสวี่ชิง พุ่งตรงไปยังหุ่นเชิดฉับพลัน

เพลิงสีดำแผดเผาไปทั่วสารทิศในพริบตา หุ่นเชิดนั่นถูกวิหคทองปกคลุม ท่าทีการฟื้นฟูถูกตัดขาดลงทันควันจนทำต่อไม่ได้ เปลวเพลิงแผดเผา ถูกหลอมเหลวอย่างต่อเนื่อง

และจากกรงเล็บทั้งสามของวิหคทองที่ตะปบสุดกำลัง ทันใดนั้นร่างกายหุ่นเชิดศพแห้งที่ยังไม่สมบูรณ์ก็เกิดเสียงตูม แตกกระจัดกระจาย และทยอยถูกหลอมละลาย

ส่วนวิหคทองก็ยืนอยู่บนร่างไม่สมบูรณ์ที่กำลังละลายของมัน สูดรับอย่างรุนแรง ฉับพลันในร่างกายของศพแห้งก็มีเลือดสีน้ำเงินที่เข้มมากจนเหมือนสีดำเผยออกมาหยดหนึ่ง ลอยเข้าไปในปากของมัน

ขณะเดียวกันหุ่นเชิดศพแห้งก็ถูกหลอมกลายธุลีไปจนหมด

จากนั้นวิหคทองจึงกลับมาบินวนอยู่ข้างตัวสวี่ชิง หางของมันรำแพนอยู่บนตัวสวี่ชิง ไหลเวียนไปรวมที่ด้านหลังราวกับกลายเป็นผ้าคลุมเปลวเพลิง พอสายลมพัดมา ก็ทำให้เปลวเพลิงปลิวไสวตามลม

และบนร่างวิหคทองก็เหลือบไปทางขวาของเขา จับจ้องไปที่สาวน้อยและชุดคลุมยาวสีขาวอย่างเย็นชา

ภาพนี้เผยความงดงามและความน่าสะพรึงออกมา

“ยอดไปเลยพี่ชาย ขอบคุณท่านมากที่ช่วยจัดการเจ้ากำไลข้อมือสมควรตายที่ท่านพ่อมอบไว้ให้นี้ทิ้ง ก่อนหน้านี้ข้าคิดหาวิธีตั้งมากมาย ยั่วโมโหศัตรูอยู่ตลอด ก็ยังไม่มีใครจัดการเจ้าสิ่งที่ฟื้นฟูตัวเองได้นี้เสียที”

เมื่อองค์หญิงสามเห็นฉากนี้ก็ปรีดาขึ้นมาทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มองไปทางชุดคลุมยาวสีขาว

“พี่ชายสวี่ชิง ข้ารู้มานานแล้วว่าท่านไม่ใช่เผ่าสิงซากสมุทร และท่านเองก็ไม่ได้อยากมาเป็นคนคุ้มกันของข้าด้วยใช่หรือไม่ ท่านนี่แย่จริงๆ ก่อนหน้านี้ยังสาบานว่าถ้าไม่กลายเป็นผู้คุ้มครองข้า สวี่ชิงอย่างท่านจะถูกสายฟ้าฟาดผ่าใส่ห้ารอบ…ยังโกหกข้าบอกว่าสวี่ชิงอย่างท่านจะกลายมาเป็นสนมชายของข้าอีก

“แต่ว่าไม่เป็นไรหรอก พี่ชายสวี่ชิง ท่านน่าจะเป็นเจ็ดเนตรโลหิตสินะ ท่านกับพี่ชายคนนี้รู้จักกันใช่หรือไม่ ท่านอยากจะหยิบยืมการส่งตัวข้าเพื่อแฝงเข้าไปในเผ่าสิงซากสมุทรสินะ ถูกใจสมบัติอะไรเข้าหรือ หรือว่าจะไปทำลายสถานที่ลับอะไร ไม่ว่าจะเรื่องใดข้าก็ช่วยพวกท่านได้ ข้ารู้ข้อมูลมากมายเลยทีเดียว แต่ข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง พาข้าไปด้วย!!”

องค์หญิงสามดวงตาเผยประกายประหลาด แต่เมื่อพูดจบนางก็เห็นว่าชุดคลุมยาวสีขาวหน้าถอดสีไปอย่างชัดเจน จึงมีสีหน้าไม่เข้าใจขึ้นมา

“พี่ชายสวี่ชิง ท่านเป็นอะไรไป”

สวี่ชิงเงยหน้า มองไปทางนายกองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เปลวไฟตะเกียงแห่งชีวิตในร่างกายเริ่มเดือดขึ้นมา