บทที่ 182 แผนการอันบ้าคลั่ง

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 182 แผนการอันบ้าคลั่ง

เห็นเปลวไฟลุกโชนในร่างสวี่ชิง นายกองก็หน้าเปลี่ยนสี เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว

“อย่าเพิ่งฆ่านาง ข้าจะเอาไว้ใช้!”

แทบจะในพริบตาที่เขาเอ่ยปาก ร่างของสวี่ชิงก็ขยับแล้ว มาถึงข้างหน้าองค์หญิงสามที่ยังแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจในพริบตา ขณะที่ลมหายใจขององค์หญิงสามหยุดชะงัก มือขวาสวี่ชิงก็ตบไปที่หน้าของนาง

เสียงเพี๊ยะดังขึ้น องค์หญิงสามพ่นเลือดเป็นฝอย ร่างกระแทกกับผนังเรือราวว่าวที่ขาดจากสายป่าน ในขณะที่ผนังเรือแตกเป็นเสี่ยง ร่างของนางก็ถูกซัดกระเด็นไป

แต่เสี้ยวพริบตาต่อมาหางของวิหคทองที่อยู่ข้างหลังสวี่ชิงก็ปล่อยโซ่สีดำเส้นหนึ่งออกมาพันรัดนางเอาไว้ในพริบตา แค่ลากก็กระชากนางกลับเรือ โยนไปข้างหน้านายกอง

สวี่ชิงไม่ได้ฆ่านาง ไม่เช่นนั้นการโจมตีเมื่อครู่นั่นก็สามารถขยี้นางแหลกไปได้เลย แต่ว่าเขาเก็บถุงเก็บของของนางเอาไว้

ตอนที่ร่วงลงพื้น องค์หญิงสามกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง กระดูกทั่วทั้งร่างแหลกไปกว่าครึ่ง แต่ดวงตากลับไม่มีแววตื่นกลัว ทว่ากลับฉายความไม่เข้าใจ กระอักเลือดพลางถามอย่างสงสัย

“เขาใช้ชื่อเจ้าทำเรื่องมากมายเจ้าไม่สนใจหรือ ไม่ไปหาเรื่องเขา ทำไมมาทำร้ายข้า”

“เพราะนี่เป็นเรื่องระหว่างพี่น้อง ไม่เกี่ยวอะไรกับคนนอก เจ้าคนนอกคอยยุยงอยู่ตรงนี้ ไม่ลงมือเจ้าแล้วจะลงมือกับใคร หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็ลงมือกับเจ้าเหมือนกัน”

นายกองถอนหายใจ ย่อตัวนั่งลงข้างหน้าองค์หญิงสาม ยกแขนของนางข้างหนึ่งขึ้นแล้วปล่อยลง มองแขนของนางห้อยเหมือนไม่มีกระดูกแล้วก็ส่ายหน้า

“แหลกหมดเลย แต่ว่ายังเหลือลมหายใจอยู่ มีลมหายใจก็พอแล้ว”

องค์หญิงสามไม่เข้าใจ นางรู้สึกว่าเรื่องไม่ควรเป็นเช่นนี้ถึงจะถูก กำลังอ้าปาก นายกองก็ซัดนางสลบ สะบัดมือเก็บนางลงไปในถุงเก็บของพิเศษใบหนึ่ง แล้วจึงเงยหน้ามองสวี่ชิง

“สาบานด้วยชื่อของข้าหรือ” ไม่มีคนนอกแล้ว สวี่ชิงจ้องนายกองเอ่ยเนิบนาบ

“ล้อเล่นๆ เอ๋ สวี่ชิง ตั๋ววิญญาณเจ้าร่วงแล้ว” นายกองสีหน้าเป็นปกติ หลังจากกะพริบตาปริบๆ ก็ร้องเสียงดังขึ้นมา คลำๆ ไปบนพื้น ในมือก็มีตั๋ววิญญาณราคาหนึ่งร้อยใบหนึ่ง แล้วยื่นให้สวี่ชิงอย่างเจ็บปวดเหลือแสน

สวี่ชิงรับมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ จ้องนายกองต่อไป

“ให้ฟ้าผ่าหรือ”

“ฮ่าๆ จะเป็นไปได้อย่างไร ศิษย์น้องเจ้าฟังผิดแล้ว ข้าต้องตำหนิเจ้าเสียหน่อย คำพูดของคนนอกจะไปเชื่อได้อย่างไร ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ของเจ้า ในฐานะที่เป็นนายกองของเจ้า ข้าไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด ก็เหมือนกับเจ้าไม่เคยติดหินวิญญาณข้าแบบนั้น”

นายกองเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“นายบำเรอหรือ” สวี่ชิงพูดต่อ

นายกองถอนหายใจ

สวี่ชิงจ้องนายกอง

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นายกองก็ตบหน้าผาก จู่ๆ ก็พูดขึ้นด้วยท่าทางลึกลับ

“สวี่ชิง พวกเรายังไม่พูดเรื่องนี้ ข้ามีเรื่องดีเรื่องหนึ่ง…ครั้งนี้ข้าปลอมตัวเป็นเผ่าสิงซากสมุทรก็เพื่อจะเอาหัวใจศพระดับสูง

“แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่เป้าหมายที่หนึ่งของข้าเท่านั้น ข้ายังมีเป้าหมายที่สำคัญกว่า เดิมข้ารู้สึกว่าตัวเองคงอันตราย ทำไม่สำเร็จแน่นอน แต่หากพวกเราร่วมมือกันจะต้องทำได้แน่

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเผ่าสิงซากสมุทรมีของวิเศษมากมาย แล้วก็ยังมีแดนลับที่สำคัญอีกมาก แดนลับหนึ่งถูกทำลายไปง่ายๆ ก็ล้วนส่งผลกระทบต่อสนามรบทั้งนั้น แน่นอนว่านี่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา เป้าหมายของข้าครั้งนี้คือวัตถุศักดิ์สิทธิ์หลัก…เก้าเทวรูปบรรพชนศพ!!

“ว่ากันว่าการก่อตั้งเผ่าสิงซากสมุทรเผ่านี้ แรกเริ่มเลยคือเริ่มจากเก้าเทวรูป วัสดุของเทวรูปทั้งเก้ามันพิเศษมาก ในโลกนี้ไม่มีที่อื่นอีก

“และการแปรสภาพของเผ่ามนุษย์เป็นเผ่าซากสมุทรก็ล้วนสำเร็จได้จากเทวรูปทั้งเก้านี้ พวกมันกระจายอยู่ในพื้นที่เผ่าสิงซากสมุทร เป็นสถานที่ต้นกำเนิดการแปรสภาพเป็นเผ่าสิงซากสมุทร ยิ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการรักษาของพวกมัน

“อีกทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งแม่ทัพเผ่าสิงซากสมุทรล้วนอยู่สนามรบด้านนอก การป้องกันภายในไม่ได้เข้มงวด มีการจัดวางและแผนรับมือฉุกเฉินบางอย่าง แต่เด็กสาวที่ถูกเจ้าทำร้ายเกือบตายคนนั้นมีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดา นางเป็นองค์หญิงสามของเผ่าสิงซากสมุทร นางพาพวกเราไป เผ่าสิงซากสมุทรจะต้องไม่สงสัยในทันที รอเมื่อพวกมันรับรู้ถึงปัญหา พวกเราก็หนีไปไกลแล้ว”

นายกองพูดถึงตรงนี้ก็หน้าตาตื่นเต้น ในดวงตาฉายความบ้าคลั่งเอาชีวิตมาล้อเล่นเหมือนที่สวี่ชิงเคยเห็นตอนอยู่บนเกาะเผ่าเงือก

และคำพูดของนายก็ทำให้สวี่ชิงรูม่านตาหดเล็ก เขารู้ดีว่ามุ่งหน้าไปยังดินแดนเผ่าสิงซากสมุทรเรื่องแบบนี้ ก็คงจะมีแต่คนที่ใจกล้าบ้าบิ่นเท่านั้นถึงจะทำได้

และหลังจากที่ไปถึงดินแดนของพวกมัน เป้าหมายยังเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์หลักของเผ่าสิงซากสมุทรอีกด้วย เรื่องนี้เอาคำว่าใจกล้าบ้าบิ่นมาอธิบายได้แล้ว ต่อให้ภายในเผ่าสิงซากสมุทรตอนนี้ว่างเปล่า มีแต่คนบ้าคลั่งเท่านั้นถึงจะเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นมาได้

สวี่ชิงมองนายกองอย่างล้ำลึก เขารู้สึกว่าอาการเสียสติของนายกองไม่ดีขึ้นเลย เรื่องแบบนี้มีแต่คนบ้าเท่านั้นถึงจะไปทำ ดังนั้นจึงคิดจะปฏิเสธ

นายกองเอ่ยอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง

“เก้าเทวรูปบรรพชนศพนั่น ไม่ว่าจะเป็นเทวรูปใดล้วนมีพลังน่าตื่นตะลึงทั้งนั้น มีคุณสมบัติเทพที่เข้มข้นเหลือแสน ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อเผ่าสิงซากสมุทรเท่านั้น กับพวกเราที่เป็นผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ก็มีประโยชน์มหาศาลเช่นกัน สามารถทะลวงเปิดช่องเวทได้เป็นจำนวนมาก ข้าเคยได้ยินคนพูดแค่กอดเอาไว้สูดไม่กี่ที แทะๆ หน่อย ต่อให้เป็นแค่ขอบเปิดได้หลายสิบช่องก็เป็นเรื่องง่ายดาย!”

ได้ยินถึงตรงนี้ คำพูดที่จะปฏิเสธก็กลืนกลับลงไปอย่างอดไม่ได้ ใจสั่นหวั่นไหว

ตอนนี้เขาเปิดช่องเวทได้สี่สิบเก้าช่อง ช่องที่ห้าสิบก็มีรอยร้าวมากมายแล้ว ห่างจากทะลวงเปิดได้อีกไม่ไกล และถึงตอนนี้เขาก็สัมผัสได้ถึงความยากลำบากอีกครั้ง

ช่องเวทของผู้บำเพ็ญทุกสิบช่องจะเป็นหนึ่งขั้น ในตอนที่อยู่ขั้นสี่สิบถึงห้าสิบนี้ ก็มีเพียงฆ่าผู้บำเพ็ญไฟชีวิตหนึ่งดวงเท่านั้นจึงจะสามารถทะลวงเปิดช่องได้อย่างราบรื่น

ความจริงก็ใกล้แล้ว หากไม่ใช่เพราะคัมภีร์เพลิงพิฆาตกลืนวิญญาณ ไม่ใช่เพราะสงครามครั้งนี้ สวี่ชิงคิดอยากจะทะลวงเปิดให้ไวแบบนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

โดยปกติแล้ว ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานหนึ่งคนมักต้องใช้เวลาสิบปีจึงจะสามารถก่อไฟชีวิตดวงแรกได้ ส่วนถึงระดับไฟชีวิตดวงที่สอง…ลำพังอาศัยเพียงการบำเพ็ญตามกิจวัตรอย่างน้อยก็ต้องสามสิบปีขึ้นไป

อีกทั้งในขั้นตอนนี้ มีวิกฤตที่จะแตกดับได้ตลอดเวลา ในขณะเดียวกัน การสะสมจากไอพลังประหลาดก็ต้องใช้เวลาจัดการ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมผู้บำเพ็ญระดับไฟชีวิตสองดวงจึงมีไม่มาก

ส่วนฝึกถึงดวงที่สาม เวลาก็ยิ่งนานขึ้นไปอีก

‘ห้าสิบถึงหกสิบ….พลังวิญญาณที่ต้องใช้จะต้องมหาศาลแน่นอน’

สวี่ชิงครุ่นคิดในใจ เขารู้สึกว่าการฝึกบำเพ็ญของตัวเองก็ค่อนข้างช้าแล้ว ตอนนี้หวั่นไหวกับเทวรูปบรรพชนศพที่นายกองพูดมาเป็นนักหนา ดังนั้นจึงครุ่นคิดเล็กน้อย สวี่ชิงมองนายกองเก็บถุงเก็บของขององค์หญิงสาม

“ข้าไม่เชื่อว่านางจะช่วยพวกเรา”

“วางใจเถอะ ข้ากล่อมนางได้ เจ้าไม่รู้อะไร องค์หญิงสามคนนี้ก็เป็นคนน่าสงสารเหมือนกัน ข้ามีความมั่นใจ!” นายกองตบอก

สวี่ชิงส่ายหน้า เงื่อนไขสำคัญว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูที่องค์หญิงสามคนนั้น มีเพียงอีกฝ่ายช่วยเหลืออย่างจริงใจเท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถเข้าไปในดินแดนเผ่าสิงซากสมุทรได้อย่างราบรื่น

และมีเพียงองค์หญิงสามอำพรางอย่างเต็มที่ถึงจะพาพวกเขาฝ่าการป้องกันและการตรวจสองนับไม่ถ้วน เหยียบย่างไปยังสถานที่ที่เทวรูปตั้งอยู่ที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาได้

ระหว่างนี้หากมีช่องโหว่อะไร ก็จินตนาการได้เลยว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่นั้นคือเคราะห์ร้ายแน่นอน

“เรื่องนี้ง่ายมาก!” นายกองกะพริบตา ประเมินสวี่ชิงตั้งแต่หัวจรดเท้า หัวเราะหึๆ

“ข้ามีวิธีแต่งตัวให้เจ้าเป็นองค์หญิงสาม นี่ก็ได้แล้วมิใช่หรือ อีกทั้งช่วงนี้ข้ายังคุ้นเคยกับองค์หญิงสามนั่นเป็นอย่างดี รวมกับรายงานข่าวบางอย่างก่อนหน้านี้ ข้าไม่พูดว่ารู้จักนางดีราวฝ่ามือตัวเอง แต่คำพูดจากิริยามารยามล้วนรู้ดี แม้ยากที่จะปกปิดได้ตลอดไป แต่พวกเราลงมือเร็ว ไม่มีปัญหา”

“ท่านเข้าใจดีถึงเพียงนี้ ไยจึงไม่แต่งตัวเสียเอง” สวี่ชิงเลิกคิ้วมองไปทางนายกอง

“รองนายกองสวี่ ข้าเป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้านะ!” นายกองเอ่ยอย่างเข้มงวด

“นายบำเรอหรือ” สวี่ชิงโต้กลับ

นายกองไม่สามารถวางมาดได้อีกต่อไปทันที ถอนหายใจพูดขึ้นว่า

“พวกเรามาพนันกัน ใครแพ้คนนั้นแต่งเป็นนาง!” พูดแล้วนายกองก็มองซ้ายมองขวา จู่ๆ ก็มองไปที่ผิวน้ำ ตรงนั้นมีงูทะเลตัวหนึ่งกำลังแหวกว่ายเร็วรี่ เหมือนสติปัญญาจะไม่มากพอ มันกำลังชูคอมองมาทางเรือที่พวกเขาอยู่อย่างเหี้ยมโหด ท่าทางเต็มไปด้วยความเป็นปฏิปักษ์

“เอามันนี่แหละ ใครฆ่ามันได้ก่อนคนนั้นชนะ!” นายกองแทบจะในทันทีเพิ่งพูดก็ลงมือทันใด ไฟชีวิตลุกไหม้ พลังเย็นยะเยือกน่าครั่นคร้ามกลุ่มหนึ่งปะทุขึ้นทันที ในขณะที่ผนึกแช่แข็งรอบๆ ก็หุ้มสวี่ชิงทางนั้นเอาไว้ ร่างของเขาเพียงไหววูบ เพียงพริบตาก็ทะยานไปที่ผิวน้ำแล้ว

เหนือทะเลในเวลาเดียวกันนี้ มือมหึมาข้างหนึ่งก็พลันก่อขึ้น คว้าไปยังงูทะเลตัวนั้นเต็มแรง

สวี่ชิงหรี่ตา วิหคทองข้างหลังส่งเสียงคำราม ในขณะที่เปลวไฟปะทุก็เมินต่อไอเย็นเยียบของนายกอง พุ่งตัวออกไปเช่นกัน สะบัดมือไปที่ทะเล เกิดเป็นมือยักษ์อีกข้างเช่นกัน เป้าหมายไม่ใช่งูทะเลแต่เป็นวิชาเวทพลังวิเศษของนายกอง

เสียงระเบิดก้องดังขึ้น มือทั้งสองปะทะกัน เงาร่างสวี่ชิงปะทะกับนายกองกลางอากาศ ในขณะเดียวกับที่เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปในทันที เหล็กแหลมสีดำที่บรรพจารย์สำนักวัชระอยู่ ก็พุ่งไปอย่างรวดเร็วจะประชิดไปยังงูทะเล

ทว่าเสี้ยวพริบตาต่อมา ท่ามกลางสายอัสนีที่ปะทุขึ้น มิติรอบๆ ก็พลันมีไอเย็นยะเยือกปะทุมา เสียงดังเปี๊ยะๆ เพียงพริบตาก็กลายเป็นน้ำแข็ง ผนึกแช่แข็งเหล็กแหลมสีดำไว้ในนั้น ทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระหน้าเปลี่ยนสี ไม่สามารถดิ้นรนไปได้ทันที

และรอบๆ งูทะเลตัวนั้นก็มีน้ำแข็งลอยขึ้นมาเช่นกัน จวนเจียนจะถูกผนึกแล้วเต็มที แต่เสี้ยวพริบตาต่อมาวิหคทองก็คำรามขึ้น ทะเลเพลิงลุกโชน จากการทะลวงฝ่าของวิหคทอง น้ำแข็งละลายหายไป

ส่วนสวี่ชิงตอนนี้ในขณะที่สะบัดมือดาบสวรรค์ก็ฟาดลงมา จากการที่ภูเขาไฟปะทุในร่าง จากการที่กายเนื้อของเขาได้รับการเพิ่มพลังจากวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ ความเร็วของเขาเร็วกว่าแต่ก่อน หมัดหนึ่งชกลงมา

หมัดนี้เกิดเป็นพลังสะเทือนฟ้า ชกจนมิติข้างหน้าสวี่ชิงเกิดเป็นคลื่นวน ในขณะเดียวกับที่กัดกินทุกสิ่ง ก็ยิ่งโปรยพิษศพกลุ่มหนึ่งออกไปด้วย!

นายกองรูม่านตาหดเล็ก ประสานปางมือต้านทาน เสียงระเบิดดังขึ้น นายกองถอยหลังไปสามสี่ก้าว สวี่ชิงพุ่งมาโดยความเร็วไม่ลดเลย

“นี่เพิ่งจะผ่านไปเท่าไร ทำไมจึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ พลังกายเนื้อมาถึงระดับนี้แล้ว ใช้ร่วมกับสภาวะแสงนภานี่เทียบได้กระทั่งระดับไฟชีวิตสามดวงแล้ว! แล้วพิษศพนี่มันอะไรกัน เหมือนยิ่งกว่าพิษศพของข้าอีก เคล็ดวิชาระดับราชันรังแกกันเกินไปแล้ว”

ในดวงตาของนางกองฉายแววบ้าคลั่งออกมา เพื่อที่จะให้สวี่ชิงแปลงเป็นองค์หญิงสาม รักษาศักดิ์ศรีผู้บังคับบัญชาของตัวเอง ในดวงตาของเขาก็พลันมีประกายแสงสีทองสาดออกมา

ใต้แสงสีทองนี้จะเห็นอักขระสีทองทรงสี่เหลี่ยมรูปว่าวตัวหนึ่ง กะพริบแสงออกมาจากตาของเขา พลังที่เหนือกว่าระดับไฟชีวิตสองดวงปะทุท่วมฟ้าจากร่างของเขา!