บทที่ 157 กลิ้งไปตามเถาไม้เลื้อย 4 (1)

‘ออกปล้นหอคอย’

‘ขโมยทุกอย่างออกจากที่นี่’

เชวฮันคุ้นเคยกับวิธีการพูดเช่นนี้ของคาร์ล

‘แม้ว่าเขามักจะใช้ถ้อยคำเช่นนี้แต่ข้าก็มั่นใจว่าเขาจะนำมันไปใช้ให้เกิดประโยชน์อีกครั้ง’

ทุกสิ่งที่คาร์ลทำมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็มักเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้อื่นหรือนำมันไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในสิ่งที่ดี เชวฮันเชื่อในตัวคาร์ลยิ่งนัก นั่นคือเหตุผลที่เขาตอบกลับโดยไม่มีปัญหาใดๆ

“กระผมจะเตรียมตัวให้พร้อม”

“ดี..แล้วเราจะสวมชุดขององค์กรลับอีกครั้ง”

เชวฮันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าคาร์ลจะให้สวมชุดเลียนแบบองค์กรลับอีกครั้งแต่เขาก็ยังพยักหน้ารับอย่างแข็งขันเช่นเดิม

.

.

.

คาร์ลกำลังนึกถึงเรื่องราวของคริสตจักรพระเจ้าแห่งแสงตะวันและวิหารแห่งนี้

คริสตจักรพระเจ้าแห่งแสงตะวันดำรงอยู่ในฐานะศาสนาหลักของทวีปนี้มาเป็นเวลานาน มันกลายเป็นคริสตจักรที่ทรงพลังที่สุดหลังจากวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันถูกสร้างขึ้นในจักรวรรดิเมื่อ200-300ปีก่อน และยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นไปอีกเมื่อคริสตจักรพระเจ้าแห่งแสงตะวันได้กลายเป็นคริสตจักรทางการของจักรวรรดิเมื่อ 150 ปีที่ผ่านมา

‘หอคอยแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมๆกับวิหารแห่งนี้’

คาร์ลแตะเท้าลงบนทางเข้าหอคอย

ในเวลานี้เป็นช่วงกลางดึกของช่วงฤดูหนาว ทั้งผนังและพื้นต่างเย็นเยียบ

บู๊ม!บู๊ม!บู๊ม!บู๊ม!

เสียงเรียกของวายุก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

~มนุษย์!..ทำไมเจ้าถึงยิ้มชั่วร้ายแบบนั้นล่ะ?~

เสียงของราอนก้องเข้ามาในหัวของคาร์ลและเขาก็ไม่สนใจมันเช่นเคยเมื่อเลือกที่จะพูดอย่างอื่นออกไปแทน

“มันดูใหม่”

เชวฮันตอบกลับทันที

“ดูเหมือนจักรวรรดิจะเพิ่งใส่มันเข้าไปใหม่นะขอรับ”

“ใช่..พวกเขาอาจทุบอันเก่าทิ้งและเอาอันใหม่ใส่เข้าไปแทน..ดูๆไปแล้วมันก็แทบไม่มีอะไรอยู่ในหอคอยแห่งนี้ด้วยซ้ำ”

คาร์ลชี้ไปยังกลอนประตูที่ถูกทำขึ้นมาใหม่

“ปลดมันออก”

ชิ้งง!!

อาร่าสีดำพุ่งเข้าไปปลดกลอนประตูอย่างเงียบๆ

ประตูสู่หอคอย15ชั้นถูกเปิดออกโดยไม่ส่งเสียงใดๆออกมา ราอนรีบบินผ่านช่องประตูเข้าไปด้านในทันที

~ไม่มีคนหรืออุปกรณ์เวทย์ใดๆอยู่ที่นี่ มนุษย์?มันโดนปิดตายจริงๆด้วย!~

คาร์ลพยักหน้าให้กับสิ่งที่ราอนรายงานให้ฟังและเดินเข้าไปด้านในทันที เขาหันไปมองหน้าต่างบานเดียวที่อยู่ในชั้นนี้

ว๊าบ!

ลูกไฟดวงเล็กปรากฏขึ้นตรงหน้าคาร์ล ในขณะที่เชวฮันปิดประตูลงโดยแง้มให้เห็นด้านนอกเพียงเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูด

“กระผมจะรออยู่ตรงนี้”

คาร์ลพยักหน้ารับเบาๆ

อูฮาเบ็นอาจกำลังหลับอย่างสบายบนเตียงนอนที่จักรวรรดิจัดไว้ให้คาร์ลโดยที่สีผมก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นสีแดงสดซึ่งเป็นสีผมประจำตัวของคาร์ล นักฆ่าที่ส่งมาสอดแนมในห้องนอนของเขาก็อาจกำลังเฝ้ามองฮิลส์แมนที่ตั้งใจเฝ้ายามอยู่หน้าประตูห้องนอนโดยมีเชวฮันตัวปลอมเฝ้าอารักขาอยู่ในห้อง นักฆ่าอาจคิดว่าอูฮาเบ็นถึงเวลาเปลี่ยนกะและกลับไปนอนที่ห้องแล้ว

~ มนุษย์?เร็วเข้า!~

คาร์ลไม่ตอบสนองต่อเสียงกระตุ้นของราอนและค่อยๆออกเดินอย่างช้าๆ

ตึก! ตึก!ตึก! ตึก!ตึก! ตึก!

เสียงฝีเท้าของเขาสะท้อนไปทั่วบริเวณเมื่อกำลังเดินขึ้นบันไดเวียนทอดยาวสู่ด้านบน

‘ดูเหมือนอัศวินอารักขาทั้งหมดจะไปรวมตัวกันที่อาคารตะวันออก’

การจัดรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นที่สุดดูเหมือนจะอยู่ที่อาคารตะวันออก รองลงมาก็เป็นสำนักบริหารของฝั่งตะวันตกและลำดับสุดท้ายคืออาคารกลาง ในขณะที่สวนหย่อมไม่มีเหล่าอัศวินเฝ้ารักษาความปลอดภัย

คาร์ลใช้เวลาในการเหาะอยู่ในอากาศเป็นเวลานานเพื่อดูเส้นทางที่เหล่าอัศวินใช้ในการลาดตระเวนและได้เรียนรู้ช่องโหว่บางอย่างเข้า ช่องโหว่ที่ว่านี้คือระยะเวลาที่เหล่าอัศวินจะเข้ามาลาดตระเวนบริเวณสวนหย่อมมีระยะเวลาทิ้งห่างถึง 1 ชั่วโมง

‘พวกเขาลือกันหนาหูว่าอาคารตะวันออกมีห้องลับจำนวนมาก’

คาร์ลคิดว่ามันเป็นเรื่องที่โง่ยิ่งนัก

เขายังจำสิ่งที่ฮันนาห์บอกเอาไว้

‘การลาดตระเวนภายในวิหารและรูปแบบการลาดตระเวนของจักรวรรดิในปัจจุบันอาจแตกต่างไปบ้างแล้วแต่ข้าก็อยากจะบอกท่านอยู่ดีเผื่อมันพอจะช่วยอะไรได้บ้าง’

ฮันนาห์ได้อธิบายให้คาร์ลทราบถึงรูปแบบการลาดตระเวนของจักรวรรดิอย่างคร่าวๆก่อนจะตบท้ายว่า

‘พวกเขาแทบจะไม่ไปลาดตระเวนบริเวณสวนหย่อมเลย’

‘อ๊ะ! ฮันนาห์! ไม่ใช่ว่าพระสันตะปาปาชอบไปเดินเล่นที่สวนหย่อมนั้นหรอกหรือ?’

ฮันนาห์ยิ้มหยันและเอ่ยเพิ่มเติม

‘ใช่..ถ้าตาแก่นั่นนอนไม่หลับก็มักจะไปเดินเล่นที่นั่น..เขามักจะเดินไปรอบๆสวนหย่อมเสมอ..เขาจะไม่ปล่อยให้คนอื่นเข้าไปในสวนหย่อมเวลาที่เขาอยู่ที่นั้น ตลกนัก! ตาแก่นั่นคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของสวนหย่อมหรืออย่างไร!’

ในที่สุดคาร์ลก็พอจะเดาการกระทำของพระสันตะปาปาได้

‘แม้ว่าฉันจะยังไม่รู้ว่า..ทำไมเขาถึงไม่มอบเครื่องมือพระเจ้าให้กับนักบวชแจ็คก็ตาม’

แม้ว่าแจ็คจะเป็นเพียงนักบวชที่มีพลังเพียงครึ่งเดียวแต่แจ็คก็อาจจะเป็นคนหนึ่งที่สามารถใช้เครื่องมือพระเจ้าได้ จากนั้นเหล่าชาวเมืองจะยิ่งเพิ่มแรงศรัทธาและจงรักภักดีกับวิหารแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าพระสันตะปาปาอาจคิดว่ามันจะเป็นเรื่องยากในการควบคุมนักบวชที่ได้ครอบครองเครื่องมือพระเจ้า ทำให้เขาซ่อนการดำรงอยู่ของเครื่องมือพระเจ้าเอาไว้

~ มนุษย์?ทำไมเจ้าถึงเดินไปด้วยยิ้มไปด้วยล่ะ? เร็วเข้า! เราจะได้ไปขโมยของสักที!~

คาร์ลจึงเร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ

ฟิ้ววววววว~~~~~~

เสียงเรียกแห่งวายุล้อมรอบเท้าของคาร์ล เขาจึงสามารถพุ่งตัวผ่านบันไดเวียนขึ้นไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องออกแรงมากนัก ในที่สุดเขาก็มาถึงชั้น 15

“มนุษย์! ข้าจะทำลายกุญแจแล้วนะ!”

ราอนในเวลานี้ตัดสินใจที่จะไม่พูดเข้าไปในหัวของคาร์ลอีกต่อไป มันจึงตะโกนออกมาเสียงดังก่อนจะเริ่มใช้ออร่าสีดำของมันพังกุญแจเข้าไป กลอนประตูถูกทำขึ้นมาใหม่แต่ประตูเหล็กบานนี้ทั้งเล็กและเก่า ราอนรีบผลักประตูออกทันที

“มนุษย์! เรียบร้อยแล้ว!”

ความสูงของประตูบานนี้เพียงครึ่งหนึ่งของตัวคาร์ลเท่านั้น ราอนพับปีกของมันลงและค่อยๆคลานเข้าไปด้านในช้าๆ หลังจากนั้นมันก็โผล่หัวออกมาเพื่อเอ่ยเรียกคาร์ล

“มนุษย์! ทำไมไม่เข้ามาล่ะ?”

“เฮ้อออออ”

คาร์ลถอนหายใจยาวก่อนจะคลานตามราอนเข้าไป

คาร์ลยืนขึ้นเต็มความสูงทันทีที่ผ่านประตูแคบๆเข้ามาแล้ว

“…มนุษย์ ! มันดูเหมือนห้องปิดตายเลย”

ที่นี่แทบไม่มีอะไรจริงๆ

มีเตียงเหล็กเก่าๆ โต๊ะที่ดูจะพังได้ทุกเมื่อและเก้าอี้เหล็กที่วางอยู่ใกล้ๆกัน มีเพียงสิ่งเหล่านี้ที่อยู่ภายในห้อง

“มนุษย์…ข้าเหมือนจะเข้าใจเลยว่าทำไมจักรวรรดิถึงปล่อยทิ้งที่นี่”

ที่นี่ไม่มีอะไรจริงๆ

มันดูเหมือนคุกที่ถูกลืม

ราอนนึกถึงถ้ำมืดที่มันเคยถูกล่ามโซ่อาคมเอาไว้ ห้องนี้มืดมิดเหมือนกับถ้ำนั้นไม่มีผิด

“มนุษย์..มีออร่าที่รุนแรงและน่ากลัวอยู่ในห้องนี้”

มังกรรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆอยู่ในห้องนี้ ในขณะที่คาร์ลก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ตอนนั้นเองที่มีเสียงบางอย่างแว่วมาให้ราอนได้ยิน

ฟิ้วววววว ~~~~~

มันเป็นเสียงลม ราอนหันศีรษะของมันไปมองทันทีและไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

ปึก!ปึก!ปึก!

พื้นกระเบื้องเก่าๆในคุกไม่เรียบเนียนเป็นพื้นเดียวกัน มันมีจุดที่นูนออกมา คาร์ลคุกเข่าลงและใช้มือกดลงไปบริเวณนั้น ราอนยังคงดูต่อไปเรื่อยๆจนในที่สุดมังกรและมนุษย์ก็หันมาสบตากัน

คาร์ลเอ่ยขึ้นทันที

“มันอยู่ตรงนี้”

ลมหมุนขนาดพอเหมาะก็ส่งเสียงคำรามอยู่ข้างๆคาร์ล

ครืน!ครืน!

เตียงและเก้าอี้เหล็กเก่าๆเริ่มพังลงทันที ทุกสรรพสิ่งในคุกเงียบสงบลงมีเพียงเสียงลมหมุนเท่านั้นที่ยังส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง ราอนไม่เคยเห็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณทำงานในลักษณะแบบนี้มาก่อน

คาร์ลเรียกใช้เสียงเรียกของวายุทันทีที่เข้ามาในคุก จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ร่วมของพลังนี้ที่ส่งมาให้กับตัวเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงมัน

‘เสียงเชียร์’

เสียงรียกแห่งวายุกำลังส่งเสียงเชียร์เขา คาร์ลหันไปมองราอนก่อนที่มันจะพยักหน้าและส่งออร่าของมันเพื่อยกกระเบื้องแผ่นนี้ขึ้นมา กระเบื้องที่ถูกปูพื้นไว้มาหลายร้อยปีต้องใช้ความพยายามเล็กน้อยในการเคลื่อนย้ายมัน

ฟิ้ววว~~~~~

ลมหมุนพุ่งตัวออกไปปัดฝุ่นออกเมื่อกระเบื้องย้ายไปอยู่ข้างๆเป็นที่เรียบร้อย

“..เจอแล้ว!”

มีหีบดำวางอยู่ในนั้น

มันเป็นหีบสีดำที่มีแม่กุญแจล็อคเอาไว้ มันเก่าจนขึ้นสนิมแม้แต่ลูกกุญแจก็คงไม่สามารถไขมันออกได้ มันเป็นเพียงหีบขนาดเล็กเท่านั้น

คาร์ลรีบเป่าฝุ่นออกจากฝาหีบทันที

ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!

หัวใจของเขาก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง

‘ตรากล่าวโทษจากแสงตะวัน’อยู่ในมือของเขาแล้ว สิ่งนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถสร้างความวุ่นวายให้กับจักรวรรดิตามที่ได้วางแผนเอาไว้

ราอนแม้จะอยู่ไม่ไกลจากคาร์ลมากนักแต่มันก็ไม่สามารถเข้าไปชิดกับคาร์ลได้ตามที่ต้องการเพราะลมหมุนที่หมุนวนรอบๆร่างของคาร์ล มันจึงทำลายแม่กุญแจจากระยะไกลแทน

คลิ๊ก!

แม่กุญแจถูกปลดออกอย่างง่ายดาย

คาร์ลค่อยๆเปิดฝาหีบออกช้าๆ

เอี๊ยด! ครึ่ก!

ด้านในหีบถูกเปิดออกเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปี

“….อะไรกัน?”

คาร์ลรู้สึกสับสน

ลมหมุนก็ค่อยๆหายไปราวกับว่าพวกมันสามารถผ่อนคลายตัวเองลงได้ ในที่สุดราอนก็สามารถขยับเข้าไปใกล้คาร์ลและชะโงกหน้าเข้าดูในหีบทันที

“หืม? มนุษย์! นี่มันทั้งรุนแรงและน่ากลัวยิ่งนัก!”

คาร์ลไม่สามารถตอบสนองในสิ่งที่ราอนพูดได้ เขาค่อยๆหยิบของออกจากหีบ

มันเป็นหนังสือ

มันเป็นหนังสือเล่มสีขาวและสภาพของมันก็ยังดูสมบูรณ์ดี คาร์ลอ่านสิ่งที่เขียนไว้บนหน้าปก

<ทำอย่างไรถึงจะตายอย่างสงบสุข>

‘…น่ากลัว’

สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็น‘ตรากล่าวโทษจากแสงตะวัน’

ทันใดนั้น

-เจ้าพยายามที่จะเสียสละตัวเองงั้นรึ?-

จู่ๆคาร์ลก็ได้ยินเสียงพลังศิลาดังเข้ามาในหัว เขาสะดุ้งและหันไปมองราอนทันที

“ราอน..มีคำสาปแช่งในสมุดเล่มนี้หรือเปล่า?”

“ไม่!..มันเป็นเพียงออร่าที่รุนแรงและน่ากลัวเท่านั้น!”

คาร์ลฝืนตัวเองให้กลับมามองสมุดเล่มนี้อีกครั้ง เขาได้ยินราอนพูดว่ามันรุนแรงและน่ากลัวมาตั้งแต่ต้น มันอาจเป็นเพราะหนังสือเล่มนี้? จากสิ่งที่พลังศิลาเอ่ยขึ้นมา มันก็ดูน่ากลัวจริงๆ

คาร์ลค่อยๆวางสมุดเล่มนี้ลง

“หืม? มนุษย์! มันไม่ใช่ของของเราเหรอ?”

“..ไม่..มันไม่น่าจะใช้สิ่งที่เราตามหา”

ฟิ้วววววว ~~~~~

ทันใดนั้นเสียงเรียกของวายุก็เริ่มทำงานอีกครั้งหลังจากที่มันสงบลงไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนมันกำลังโกรธ

“เฮ้ออออ”

คาร์ลหยิบหนังสือเล่มสีขาวขึ้นมาอีกครั้ง ลมหมุนก็หยุดทำงานลงทันที

‘มันต้องเป็นเครื่องมือพระเจ้าอย่างแน่นอน..และมันยังไมได้ถูกสาปแช่ง’

คาร์ลรู้สึกแปลกๆขณะมองดูสมุดเล่มนี้

‘…ทำไมถึงเป็นภาษาของอาณาจักรโรมันล่ะ?’

ประโยคที่คาร์ลเห็นในหนังสือเล่มนี้เป็นภาษาของอาณาจักรโรมัน

“ราอน..มันเป็นภาษาโรมันใช่หรือไม่?”

“อืม..มนุษย์!มันเป็นภาษาโรมันจริงๆด้วย”

“…อะไรกัน?”