บทที่ 156 กลิ้งไปตามเถาไม้เลื้อย 3 (2)

คาร์ลเริ่มพูดคุยกับตัวแทนจักรวรรดิผู้นี้

“มันทำให้ข้าเศร้าใจเมื่อจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายนั่น”

“อ่า…”

ตัวแทนจักรวรรดินึกขึ้นได้ว่านายน้อยผู้นี้คือคนที่ยอมเอาตัวเองเข้าสู่อันตรายเพื่อปกป้องอาณาจักรของเขาเอาไว้ เขาค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อพูดคุยกับขุนนางผู้มีจิตใจสูงส่งผู้นี้

“ข้าน้อยสวดภาวนาอ้อนวอนอยู่เสมอ..ว่าให้เราพบตัวผู้กระทำผิดเพื่อเป็นการปลอบประโลมวิญญาณผู้ล่วงลับรวมทั้งหัวใจของคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง”

“…มันเป็นคำพูดที่น่าประทับใจจริงๆ”

คาร์ลตอบรับด้วยท่าทางของขุนนางผู้งามสง่าเมื่อเขาเดินผ่านสวนหย่อมไป เขามองเห็นหอคอยซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังส่วนหย่อม มันมีหน้าต่างบานเล็กๆอยู่ด้านบนสุดของหอคอย

ตัวแทนจักรวรรดิเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสายตาของคาร์ลไปหยุดอยู่บนสุดของหอคอย

“มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาเมื่อครั้งที่วิหารถูกสร้างขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนมักมีพวกนอกรีตสร้างความเดือดร้อนให้เกิดไปทั่ว..พวกเขาจึงขังพวกนอกรีตไว้ห้องบนสุดของหอคอย”

คาร์ลได้ยินเรื่องนี้จากแจ็คเช่นกัน

“มันเป็นอาคารที่มีบันไดทอดยาวขึ้นไปด้านบนและไม่มีสิ่งใดอยู่บนนั้น..มันเป็นเพียงอาคารที่ไร้ประโยชน์และมันก็ไม่ได้ถูกใช้งานมาเกือบ 2-300ปีแล้ว”

นั่นคือสิ่งที่ฮันนาห์พูดเช่นกัน

‘….มันเกิดอะไรขึ้น?’

ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!

หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

มันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่เขาเงยหน้ามองหอคอย เขาจ้องไปที่หน้าต่างบานนั้นและเอ่ยขึ้น

“เบ็น..เราควรแยกกันไปหาเบาะแสตามจุดต่างๆ..ข้าจะขึ้นไปดูที่หอคอยเอง”

“ขอรับ..กระผมเข้าใจแล้ว”

ตัวแทนจักรวรรดิเดินไปหยุดอยู่บริเวณทางเข้าสวนหย่อมและเริ่มพูด

“เชิญพวกท่านตามสบาย..ข้าน้อยจะอยู่รอที่นี่ขอรับ”

หมายความว่าเขาจะเฝ้าดูพวกคาร์ลไม่ให้ออกนอกบริเวณที่ตกลงไว้

คาร์ลไม่ได้พูดอะไรออกมาเมื่อเริ่มมุ่งหน้าไปยังหอคอย

“ท่านคาร์ล..เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?”

เชวฮันเดินตามหลังคาร์ลไปติดๆ ส่วนฮิลส์แมนอยู่กับเบ็นในขณะที่อูฮาเบ็นอยู่กับตัวแทนของจักรวรรดิ

คาร์ลตอบคำถามของเชวฮันอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ไม่มีอะไรหรอกแค่หัวใจของข้าเต้นแรงขึ้นเท่านั้น”

‘หัวใจ?’

เชวฮันดูเหมือนจะสับสน

ทันใดนั้นเอง

มันเป็นตอนที่คาร์ลเข้าใกล้ตัวหอคอย ช่วงเวลาที่เขามองเห็นประตูเพียงบานเดียวที่มุ่งเข้าสู่หอคอย15ชั้น ความหนาวเย็นและความหนักอึ้งก็แล่นเข้าสู่ร่างของเขา

เชวฮันมองไปที่คาร์ลก่อนอุทานขึ้นด้วยความตกใจ

“อ๊ะ!..ท่านคาร์ลมือท่าน—”

เขาไม่สามารถพูดส่วนที่เหลือออกมาได้เมื่อเริ่มกวาดสายตาไปมองรอบๆบริเวณ จากนั้นเขาก็ขยับตัวไปยืนอยู่ข้างคาร์ลอย่างรวดเร็วเพื่อบังสายตาของตัวแทนจักรวรรดิที่กำลังมองมา

เขาชี้ไปที่มือของคาร์ลอีกครั้ง

ฟิ้ววววววววววว~~~~~~

ลมหมุนลูกเล็กกำลังหมุนวนอยู่ในมือข้างขวาของคาร์ล

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า—”

เสียงหัวเราะแผ่วๆดังขึ้น มันเป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความยินดีและความตกใจ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติและคาร์ลไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!

หัวใจของคาร์ลเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง เท้าของเขาก็เริ่มเบาเช่นกัน

มันคือเสียงเรียกของวายุ

เสียงลมแรงดังกึกก้องอยู่ในใจของเขา มันแรงขึ้นเรื่อยๆ คาร์ลเริ่มนึกข้อมูลเกี่ยวกับอดีตเจ้าของพลังทันที

จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยขโมยเครื่องมือพระเจ้าออกมาจากวิหาร เธอเป็นคนใจกล้าและคล่องแคล่วว่องไว

ฟิ้ววววววววววว~~~~~~

ลมหมุนในมือของคาร์ลต้องการพุ่งตัวเข้าไปในหอคอย

~มนุษย์เกิดอะไรขึ้น?!..ทำไมเจ้าถึงเรียกลมขึ้นมาล่ะ?..เจ้ากำลังจะใช้มันทำลายหอคอยแห่งนี้หรือ?~

เสียงจริงจังของราอนดังก้องในหัวของคาร์ล

~อย่าทำเช่นนั้นอีก!ครั้งล่าสุดที่เจ้าใช้มันมือของเจ้าก็สั่นไม่ยอมหยุด! ราอน มิรุ..ผู้ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุดจะเป็นคนทำลายหอคอยแห่งนี้เอง!หากเจ้าต้องการข้าจะทำลายมันเอง! แม้แต่วังพวกนี้ข้าก็สามารถทำลายมันได้อย่างราบคาบ!~

คาร์ลตอบกลับเสียงเรียบ

“เราไม่สามารถทำลายมันได้”

“…ขอรับ?”

~เจ้าจะไม่ทำลายมันหรอกเหรอ?~

เชวฮันเอ่ยถามด้วยความงุนงงในขณะที่ราอนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

คาร์ลยกมือซ้ายขึ้นลูบหน้าเบาๆ เขายังจำข้อมูลที่แจ็คและฮันนาห์ได้บอกเกี่ยวกับหอคอยแห่งนี้ได้

‘แม้ว่าพวกเขาจะเรียกเธอว่าคนนอกรีตแต่พระสันตะปาปาก็ทราบความจริงเกี่ยวกับเธอดี..ผู้หญิงที่ถูกจองจำในหอคอยเป็นหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์คนสุดท้ายที่เหลืออยู่’

‘ถูก..เธอน่าจะพยายามเปิดเผยความผิดที่วิหารทำเอาไว้แต่กลับล้มเหลวและจบลงด้วยการถูกจองจำในหอคอยไปตลอดชีวิต’

‘พระสันตะปาปาพยายามล้างสมองเรามาตั้งแต่เด็กๆ..เขาสั่งให้ข้าทำตัวเหมือนหญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อไม่ให้ชีวิตของข้าลงเอยด้วยความเวทนาเช่นนั้น’

หอคอยที่หญิงสาวผู้ศักดิ์สิทธิ์ตัวจริงและเป็นคนสุดท้ายอยู่นั้นสามารถมองเห็นรอบๆวิหารจากหน้าต่างบานเล็กๆนั่น มันเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวัน

คาร์ลยังจำคำถามที่เขาถามแจ็คออกไปรวมถึงคำตอบที่เขาได้รับ

‘แล้วตรากล่าวโทษจากแสงตะวันเป็นเครื่องมือพระเจ้าประเภทใด?’

แจ็คแต้มยิ้มกระอักกระอ่วนเมื่อตอบกลับ

‘มันเป็นคำตัดสินจากแสงตะวัน..แม้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ…..’

เขาส่ายศีรษะน้อยๆเมื่อพูดต่อไป

‘มันช่วยปัดเป่าความมืดมิด..ทำค่ำคืนให้สว่างไสว..มีคนกล่าวเอาไว้ว่ามันจะดึงความสว่างให้ออกมาสยบความมืดมิด’

ตรากล่าวโทษจากแสงตะวันเป็นเครื่องมือพระเจ้าที่ช่วยทำลายความมืดมิด มันเป็นเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ที่มีเพียงวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันเท่านั้นที่จะสามารถเป็นเจ้าของมันได้

คาร์ลมองไปที่หอคอยอีกครั้ง

มันอยู่ที่นี่

โจรผู้เป็นเจ้าของเสียงเรียกของวายุส่งสัญญาณบางอย่างให้คาร์ลรู้

มันอยู่ที่นี่

เครื่องมือพระเจ้าอยู่ที่นี่

คาร์ลเริ่มพูด

“เชวฮัน”

“ขอรับ?”

“คืนนี้..เราจะแอบออกมาจากวังเงียบๆ”

“อะไรนะ?”

คาร์ลไม่แม้แต่จะหันไปมองเชวฮันที่เอ่ยถามอย่างตกใจ เขาหันไปพูดกับราอนแทน

“ราอน”

~ว่าอย่างไรมนุษย์?~

“ใช้พลังเวทย์ของเจ้าแสดงให้นักฆ่าที่อยู่ในห้องได้เห็น..ว่าข้ากำลังหลับอยู่ในห้องอย่างสบายอารมณ์”

~หมอนั้นค่อนข้างแข็งแกร่งดังนั้นข้าจะใช้หินมาตราสร้างวงเวทย์ขึ้นมาแล้วกัน!~

“ใช้มันตามที่เจ้าต้องการ”

คาร์ลไม่สนใจ ทำไมเขาต้องไปคิดเสียดายหินมนตราในตอนที่กำลังตามหาเครื่องมือพระเจ้าด้วย

คาร์ลเริ่มพูดขึ้น

“คืนนี้..เราจะออกปล้นหอคอยแห่งนี้กัน!”