“ตงเซิ่ง วันนี้ในร้านมีของดีอันใดมาเพิ่มจึงได้หอมเช่นนี้ ? เอามาให้ข้าทุกอย่างเลย ! ” ในระหว่างนั้นก็มีชายวัยกลางคน รูปร่างอวบอ้วน พุงพลุ้ย กำลังยืดคอมองมาทางด้านหลัง

เมื่อหนิงตงเซิ่งมองขนมแสนวิจิตรและน่าดึงดูดใจในตะกร้าแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองหลินเว่ยเว่ย นางจึงเริ่มอธิบายให้ฟัง “นี่คือนมแพะย่าง รสชาตินุ่มละมุนลิ้นทั้งยังมีกลิ่นหอมของนมอย่างเข้มข้น นี่คือเค้กแยมบลูเบอร์รี่รสชาติหวานนุ่มเคี้ยวเพลิน มีรสเปรี้ยวหวานตัดกันพอดี อีกด้านหนึ่งคือเค้กข้าวบลูเบอร์รี่ รสหวานไม่เลี่ยน เนื้อสัมผัสดีมาก…”

หนิงตงเซิ่งยังไม่ทันได้กล่าวอันใด ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้ามาแทรกด้านหน้าเขาแล้ว “ไอหยา พ่อหนุ่มน้อยคนนี้ช่างอธิบายเก่งเสียจริง พูดจนข้าน้ำลายไหลไม่หยุดเลย เร็ว ! รีบชั่งให้ข้า 2 ชั่ง ! ”

“เจ้าอ้วน เจ้านี่นะ ! ดูรูปร่างตนเองหน่อย กินของหวานให้มันน้อย ๆ หน่อยเถิด เจ้าจะเอาแต่เหมาของกินที่เห็นไปเสียทุกอย่างไม่ได้ อย่างน้อยต้องแบ่งไว้ให้พวกเราบ้าง ! ” ด้านหลังของเขามีชายสองคนยืนต่อแถวอยู่ ท่าทางมีอายุห่างจากเขาไม่มากนักและฟังจากถ้อยคำแล้วก็คงสนิทกันไม่น้อยเลย

ชายวัยกลางคนที่อวบอ้วนหัวเราะแล้วกล่าวว่า “มาก่อนก็ต้องได้ก่อน เข้าใจหรือไม่ ? ผู้ใดใช้ให้เจ้ามาช้ากว่าเล่า ? อีกอย่างคือข้าจะเหมาทั้งหมดนั้นด้วย จะไม่เหลือสักชิ้นไว้ให้เจ้า ! ”

หนิงตงเซิ่งจึงรีบพูดขัดทันที “อาจง อาฟาง นี่เป็นสินค้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามา เราต้องต่อรองเรื่องราคาก่อน เกรงว่าวันนี้คงทำให้ท่านทั้งสองต้องผิดหวังแล้ว ! ”

ชายวัยกลางคนที่อวบอ้วนเป็นลูกค้าประจำของร้านและยังมีความสัมพันธ์ฉันญาติทางฝั่งมารดาของหนิงตงเซิ่งด้วย หลังจากได้ยินเช่นนั้นเขาก็หยิบเนื้อแผ่นที่ชั่งเรียบร้อยแล้วพร้อมย้ายร่างอันอวบอ้วนมาที่ด้านหลัง แต่ก็ยังไม่หยุดชะเง้อมองขนมในตะกร้าไม้ไผ่พร้อมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “สินค้าใหม่ของเจ้าก็มีไม่มากมิใช่หรือ ? รอให้เจ้าคุยเรื่องราคากันเสร็จแล้วค่อยจัดแบ่งทุกอย่างให้ข้าก็ได้นี่”

หนิงตงเซิ่งหันไปมองหลินเว่ยเว่ยด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย นางจึงหัวเราะแล้วกล่าวว่า “บลูเบอร์รี่อบแห้งต้องใช้บลูเบอร์รี่ 5 ชั่งจึงอบออกมาได้ 1 ชั่ง ทั้งยังใส่น้ำตาลด้วย…ดังนั้นราคาจึงแพงกว่าลูกท้ออบแห้งหรือผลชิงอบแห้ง ราคาส่งคือ 400 อีแปะต่อ 1 ชั่งถือว่าถูกที่สุด ! บลูเบอร์รี่อบแห้งไม่เพียงนำมาใช้กินเป็นผลไม้อบแห้งแบบทั่วไป แต่ยังสามารถนำมาทำเค้กหรือขนมอย่างอื่นได้ด้วย”

แม้ราคาจะสูงไปหน่อยก็ถือเป็นของหายาก รสชาติก็ดีใช้ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ออก หนิงตงเซิ่งเห็นด้วยกับราคานี้เพราะเมื่อเทียบกับหลานเหมยอบแห้งแล้ว เขายังสนใจเค้กแยมหลานเหมยและขนมที่เหลือมากกว่า

“แยมบลูเบอร์รี่ 1 ขวดราคา 1 ตำลึง น่าจะหนักประมาณ 2 ชั่งกว่า ! สามารถนำไปกินได้เลยหรือนำไปละลายน้ำดื่มเป็นชาผลไม้ก็ได้ นอกจากนี้ยังนำไปกินกับหมั่นโถวหรือขนมอื่น ๆ ได้ด้วย มันจะทำให้รสชาติดีกว่าเดิม เช่นตัว ‘เค้กแยมบลูเบอร์รี่’ ของข้าก็มีแยมทาอยู่ด้านบน เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนหากนำไปทำเป็นน้ำแข็งไสแยมบลูเบอร์รี่ก็จะได้รสสัมผัสที่หวานหอมสดชื่นและยังดับร้อนได้ด้วย” หลังจากฟังหลินเว่ยเว่ยอธิบายแล้ว หนิงตงเซิ่งกับชายอ้วนก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้

ชายอวบอ้วนจึงรีบตะโกนขึ้นมาทันที “ที่นี่มีแยมหลานเหมยอยู่ 2 ขวด เจ้าหลานชาย เจ้าแบ่งให้ข้าสักขวดเถิด ! ข้ายอมจ่ายให้เจ้าในราคาสองเท่า ! ”

หนิงตงเซิ่งมองเขาด้วยท่าทีเคร่งขรึมเล็กน้อย จากนั้นก็หันมาสนทนากับหลินเว่ยเว่ย “แล้วขนมพวกนี้เล่า ? จะยึดตามราคาชั่งหรือยึดเป็นชิ้น ? ” เขาลองชิมขนมสามชนิดนี้ก็พบว่ารสชาติอร่อยยิ่งกว่าขนมใดที่เคยกินมา ดังนั้นแม้จะเป็นคนรวยผู้ชอบติหรือจะตั้งราคาสูงเพียงใดก็ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ออก

หลินเว่ยเว่ยยิ้มและส่ายหน้า “ขนมทั้งสามชนิดนี้มีเนื้ออ่อนเกินไป หากแบ่งขายให้ลูกค้ามันจะเปลี่ยนรูปได้ง่ายและในช่วงฤดูร้อนก็เก็บรักษายาก ดังนั้น…”

หลังได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ หนิงตงเซิ่งก็ยังไม่ทันได้กล่าวอันใด ชายอวบอ้วนก็ชิงเอ่ยขึ้นมาก่อนแล้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ? ไม่ขายขนมหรือ เช่นนั้นเจ้าเอาสินค้ามาเพื่อเหตุใด ? จงใจเอามาล้อหลานชายของข้าเล่นหรือไร ? ”

รอยยิ้มมุมปากของหลินเว่ยเว่ยเด่นชัดยิ่งกว่าเดิม “คุณชายหนิงงานยุ่งกว่าอะไรดี ข้าจะทำให้เขาเสียเวลาได้อย่างไร ? สิ่งที่ข้าจะพูดก็คือขนมไม่สามารถขายได้ ทว่าสูตรทำขนม…”

ดวงตาของหนิงตงเซิ่งเป็นประกายทันที “กู่เหนียงหมายความว่า…จะยอมขายสูตรขนมเหล่านี้ให้ข้าหรือ ? ”

หลังได้ยินเช่นนั้น ชายอวบอ้วนก็หยิบนมแพะย่างออกจากตะกร้า 1 ชิ้นแล้วหันหลังออกไปทันที “พวกเจ้าคุยกันเถิด หลานชาย เหลือขนมทุกอย่างนี้ไว้ให้ข้าด้วย ! ”

ต่อจากนั้นหนิงตงเซิ่งก็เชิญนางมายังด้านหลังร้านแล้วเดินไปยังห้องพักของตน เขารินชาอย่างดีให้นางจากนั้นก็สั่งให้คนยกธัญพืชและถั่วอบต่าง ๆ จากในร้านเข้ามาสองสามจาน

หลินเว่ยเว่ยแกะเมล็ดทานตะวันกินโดยไม่เกรงใจแล้วกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “สูตรสามารถขายให้คุณชายหนิงได้ แต่เรื่องราคานั้น…”

ร้านค้าอายุนับร้อยปี เหตุใดยังยืดหยัดมาจนถึงร้อยปีได้ ? ไม่ใช่เพราะมีสูตรลับเป็นของตนเองหรือ ? การที่ร้านค้าของหนิงตงเซิ่งสามารถขายได้ในระดับกลางก็เพราะไม่มีสูตรลับเอาไว้มัดใจลูกค้านั่นเอง

ตัวเขาก็เคยไปเยี่ยมชมร้านค้าเก่าแก่เหล่านั้น ทว่าเมื่อเอ่ยจุดประสงค์จบก็โดนไล่ออกมาโดยอีกฝ่ายไม่ทุบตีเขาสักยกก็ถือว่าบุญโขแล้ว คาดไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีคนนำสูตรขนมสามอย่างมาให้เขาถึงที่ นับเป็นสิ่งดี ๆ ที่หล่นมาจากฟากฟ้า !

แม้ว่าเนื้อแผ่นและผลไม้อบแห้งจะดี แต่เนื่องจากสูตรและวิธีทำอยู่ในมือผู้อื่นและไม่แน่ว่าอาจมีวันใดที่สินค้าหมดไป แม้ในช่วงหลายเดือนมานี้หนิงตงเซิ่งจะดีใจต่อยอดขายที่พุ่งสูง ทว่าก็มีบางครั้งที่เขากลัวว่าเส้นทางการเงินจะพังทลายด้วยเหตุผลบางประการ

ดังนั้นแม้ว่าร้านค้าในอำเภอจะใหญ่กว่าในเขตเริ่นอันมาก เขาก็ยังเอาเวลาส่วนใหญ่มานั่งอยู่ในเมืองเล็กแห่งนี้…เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคนตระกูลหลินและทำให้ความร่วมมือเป็นไปได้ด้วยดี เขาจึงจะรู้สึกถึงการมีอยู่ของรากฐานอันมั่นคง

หนิงตงเซิ่งดีใจเพราะหลินกู่เหนียงไม่ใช่คนเห็นผลประโยชน์แล้วลืมบุญคุณ ร้านขายขนมและผลไม้อบอู๋จี้เคยไปหานางและเสนอผลประโยชน์ให้มากมาย ทว่าก็โดนนางปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ผู้ค้าขายต้องหนักแน่นในวาจา’ แต่การปล่อยให้สูตรอยู่ในมือผู้อื่นก็เป็นสิ่งที่ทรมานมากเช่นกัน !

หนิงตงเซิ่งเชื่อว่าหลังมีสูตรขนมทั้งสามสูตรนี้แล้ว ร้านของตนจะต้องเป็นที่หนึ่งในตลาดการค้าประจำอำเภอเป่าชิงแน่นอน ! สูตรขนมสามสูตรนี้จะต้องทำให้เขาสมปรารถนา !

หนิงตงเซิ่งนั่งตัวตรงพลางมองหลินเว่ยเว่ยด้วยท่าทีจริงจัง เขากล่าวพร้อมทำมือคำนับ “ไม่ทราบว่าจะเสนอราคาเท่าไหร่ ? ”

หลินเว่ยเว่ยคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่บ้านแล้ว สูตรหนึ่งก็ไม่ได้ขายราคาแพงสักเท่าไร แค่ 200 ตำลึงพอแล้ว อะไร ? 200 ตำลึงยังบอกว่าสูงไปหรือ ? ไม่ลองคิดบ้างว่าสูตรเนื้อแผ่นของนางสามารถสร้างเงินให้เขาต่อเดือนได้ตั้งกี่ร้อยตำลึง !

ขนมสามชนิดนี้ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างภายนอกหรือด้านรสชาติก็ไร้ที่ติ แถมยังชนะด้านความแปลกใหม่ ถ้าขายให้ถูกทางแล้ว พอผ่านไปหนึ่งเดือนก็น่าจะเอาทุนคืนได้ ถ้านางมีเวลา คนงานและสถานที่ก็ไม่มีทางมอบโอกาสสร้างเงินนี้ให้ผู้อื่นแน่นอน !

“200 ตำลึงอย่างนั้นหรือ ? ตกลงทำสัญญา ! ” ในที่สุดจิตใจที่แสนกระวนกระวายของหนิงตงเซิ่งก็กลับมาสงบ เขามองคนไม่ผิดจริง ๆ นางมีคุณธรรมถึงเพียงนี้ นางไม่ทำตัวเป็นพ่อค้าใหญ่ผู้เรียกร้องข้อเสนอมากมายได้อย่างไร ? ราคาที่อยู่ในใจเขาคือ 3 สูตร 1,000 ตำลึงด้วยซ้ำ ทว่าราคาที่นางเสนอมากลับห่างไกลจากที่เขาคาดเดาไว้มากนัก

หลินเว่ยเว่ยมองไปยังเมล็ดทานตะวันด้วยความรังเกียจ “คุณชายหนิง เมล็ดทานตะวันของท่านมีรสชาติธรรมดาเกินไปหรือไม่ ? นอกจากหวานแล้วก็เค็มไม่มีเอกลักษณ์แม้แต่น้อย ท่านควรใช้สมองบ้าง ลองทำหลาย ๆ รสชาติสิ”

หนิงตงเซิ่งฉีกยิ้มอย่างขมขื่น “กู่เหนียงก็พูดง่ายเกินไป ถ้าสูตรเด็ดสามารถได้มาง่ายถึงเพียงนั้น บนท้องถนนเส้นนี้ก็คงเต็มไปด้วยร้านค้าขนมอบแห้งแล้ว ไม่ทราบว่า…กู่เหนียงมีความคิดใดหรือไม่ ? หากมีสูตรเด็ด ข้ายินดีซื้อในราคาสูง”

ตอนต่อไป