ตอนที่ 243 กลับมามีชีวิตอีกครั้ง (2) ตอนที่ 244 กลับมามีชีวิตอีกครั้ง (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 243 กลับมามีชีวิตอีกครั้ง (2)

กระบวนการรักษาดำเนินไปอย่างเป็นระบบระเบียบ เหมือนกับในชาติภพก่อนที่จวินอู๋เสียต้องต่อสู้กับความตายเพื่อยื้อชีวิตกลับมาจากมือของมัจจุราช ในเวลานี้เองนางก็ทำเช่นเดียวกัน ในหัวสมองของจวินอู๋เสียมีเพียงความสงบเยือกเย็นเท่านั้น

เลือดพิษถูกระบายออกมาอย่างช้าๆ แววตาของจวินอู๋เสียเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ทุกๆ ช่วงหนึ่งจวินอู๋เสียจะให้มั่วเฉี่ยนยวนกลืนโอสถวิเศษลงไปพร้อมๆ กับจิบน้ำอุ่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในร่างกาย เวลานี้เนื่องจากบาดแผลภายนอกของมั่วเฉี่ยนยวนก็สาหัสไม่แพ้กัน จวินอู๋เสียจึงไม่สามารถให้เขากลืนโอสถจำนวนมากทีเดียวได้ มีแต่ต้องค่อยๆ เสริมไปทีละเล็กละน้อย ไม่อย่างนั้นพิษในร่างกายของเขาจะแพร่กระจายเร็วยิ่งขึ้น

เลือดพิษไหลออกมาจากร่างกายของมั่วเฉี่ยนยวนทีละนิดๆ ตามเข็มเงินที่ฝังอยู่ทั่วร่าง ผ้าปูที่นอนที่อยู่ใต้ร่างของเขถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงอมดำ กลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยตลบอบอวลไปทั่วห้องบรรทม

จนกระทั่งเลือดสีดำค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสด จวินอู๋เสียถึงได้เริ่มให้เม็ดยาเสริมโลหิตจำนวนมากแก่มั่วเฉี่ยนยวน แต่น้ำอุ่นที่จิบนั้นยังคงปริมาณเท่าเดิม นางทำสลับกันเช่นนี้เป็นระยะๆ

ตอนนี้มั่วเฉี่ยนยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่เคลื่อนไหว เนื่องจากกระดูกในร่างกายของเขาหักหลายจุด มันจึงไม่ง่ายที่จะขยับเขยื้อน หลังจากที่จวินอู๋เสียเริ่มฟื้นฟูอวัยวะภายในจนมีสภาพคงที่ดีแล้ว นางถึงหันไปเย็บเส้นเลือดและเส้นเอ็นที่ฉีกขาดต่อ รวมถึงจัดการกับแผลเปิดที่ลึกจนเห็นกระดูกสีขาวด้านใน จวินอู๋เสียถือเข็มไว้ในมือข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างก็สอดไหมสีใสที่บางเฉียบราวกับเส้นผมเข้าไป เด็กสาวค่อยๆ ต่อเอ็นที่ขาดของมั่วเฉี่ยนยวนเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ เย็บปิดปากแผลที่โดนทารุณกรรมอย่างโหดร้ายอย่างเบามือ

นี่เป็นครั้งแรกที่บัวหิมะมัวเมาได้เห็นคนเย็บต่อเส้นเอ็นกับตา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง มองไปที่ทักษะทางการแพทย์อันลึกล้ำของเจ้านายของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อแกมอัศจรรย์ใจ

มือของจวินอู๋เสียเคลื่อนไหวได้มั่นคงและรวดเร็วมาก หลังจากต่อเส้นเอ็นเสร็จแล้ว นางหันก็ไปเย็บปิดปากแผลเป็นขั้นตอนสุดท้าย

มนุษย์ที่มีชีวิตคนหนึ่ง เมื่อตกอยู่ในมือของจวินอู๋เสียกลับกลายเป็นตุ๊กตาผ้าถูกนางจับเย็บจนพรุนไปทั้งร่าง แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นทว่านี่กลับเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยต่อชีวิตของมั่วเฉี่ยนยวน ช่วยดึงเขากลับมาจากประตูนรก!

เริ่มจากอวัยวะภายในก่อน ต่อด้วยเส้นเอ็นและเส้นเลือด จากนั้นก็เป็นกระดูกที่หัก…

บาดแผลภายนอกบนตัวของมั่วเฉี่ยนยวนถูกจวินอู๋เสียเย็บปิดจนหมดแล้ว นางทาขี้ผึ้งสำหรับช่วยให้แผลสมานได้ไวขึ้นทับไว้บนแผล บาดแผลเหล่านั้นก็เริ่มเชื่อมติดกันด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า จวินอู๋เสียทำการรักษามั่วเฉี่ยนยวนอย่างตั้งใจมาก หลังจากกระบวนการภายในทั้งหมดเสร็จสิ้น จวินอู๋เสียก็เริ่มดามเฝือกให้กับมั่วเฉี่ยนยวน

เป็นเวลากว่าครึ่งวันที่จวินอู๋เสียต้องต่อสู้กับเทพแห่งความตายที่คิดจะมาพรากเอาชีวิตของมั่วเฉี่ยนยวนไปในแทบจะทุกวินาที และก่อนที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า จวินอู๋เสียในสภาพเหงื่อโทรมกายก็ขยับถอยออกมาจากข้างเตียงได้ในที่สุด!

แม้ว่าตอนนี้มั่วเฉี่ยนยวนจะยังมีใบหน้าซีดขาวอยู่ แต่หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ ก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าชายหนุ่มพ้นขีดอันตรายแล้ว

“ไปเรียกองครักษ์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเข้ามา” จวินอู๋เสียหน้าซีดเผือด นางนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างเพื่อพักเหนื่อย ทันใดนั้นถ้วยชาที่ส่งกลิ่นหอมจู่ๆ ก็ยื่นมาต่อหน้านาง

จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นไปมอง สบกับแววตาที่ห่วงใยของจวินอู๋เย่า นางรับถ้วยชาที่จวินอู๋เย่ายืนมาให้ แล้วจิบลงไปให้ลำคอที่แห้งผากของนางชุ่มชื้นขึ้นบ้าง

ใช้เวลาไม่นานมากในการรักษามั่วเฉี่ยนยวน ก่อนหน้านี้นางเคยยืนอยู่ในห้องผ่าตัดติดต่อกันสามวันสามคืนโดยไม่นอนมาแล้ว ทว่าหลังจากการผ่าตัดจบลง นางก็ถูกผู้อื่นหามออกจากห้องผ่าตัดในเวลาต่อมา…

ในระหว่างกระบวนการรักษา จวินอู๋เสียจะไม่รู้สึกเหนื่อยเลย และตราบเท่าที่นางทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่แรก นางก็จะกลายเป็นเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับช่วยชีวิตคนที่น่าสะพรึงกลัวทันที

จวบจนการรักษาเสร็จสิ้นลง จวินอู๋เสียจะไม่อ่อนเพลียหรือมีความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น!

ตอนที่ 244 กลับมามีชีวิตอีกครั้ง (3)

บัวหิมะมัวเมารีบเรียกทหารองครักษ์สองคนที่ยืนเฝ้าอยู่นอกประตูห้องเข้ามาทันที เมื่อทั้งสองเข้ามาในห้อง พวกเขาก็ตกใจกับกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งกระจายไปทั่วอากาศ ทั้งสองคนมองไปที่เจ้าสัตว์ร้ายสีดำและจำได้ว่าเป็นมันที่แบกฮ่องเต้ของพวกเขาในสภาพสะบักสะบอมกลับมาด้วย เวลานี้เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดฉุนแสบจมูก ฉับพลันหัวสมองของพวกเขาก็ว่างเปล่า

“ในสองวันนี้ พวกเจ้าจงดูแลฮ่องเต้ให้ดี ป้อนน้ำอุ่นให้พระองค์ดื่มทุกๆ ครึ่งชั่วยาม…” จวินอู๋เสียวางขวดโอสถวิเศษสองสามขวดไว้บนโต๊ะแล้วอธิบายว่าต้องใช้พวกมันแบบไหน ตอนนี้สภาพร่างกายของมั่วเฉี่ยนยวนคงที่ดีแล้ว เพียงแค่เขายังหมดสติอยู่ ในช่วงเวลานี้จึงต้องมีคนคอยดูแลป้อนน้ำป้อนยาให้เขา

ซึ่งจวินอู๋เสียจะไม่ทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน

ทหารองครักษ์ทั้งสองคนตะลึงงันเมื่อพวกเขาได้ยิน แต่พวกเขาไม่กล้าถามอะไรซอกแซ่ก จึงทำได้เพียงฟังคำสั่งของจวินอู๋เสียและจดจำทุกคำพูดของนางให้ขึ้นใจ ไม่อนุญาตให้บกพร่องแม้แต่นิดเดียว

หลังจากทิ้งภาระให้กับทหารยามทั้งสองคน จวินอู๋เสียก็วิ่งออกจากห้องบรรทมของมั่วเฉี่ยนยวน นางแทบทนกลิ่นเลือดที่วนเวียนอยู่รอบตัวไม่ไหวแล้ว

จนกระทั่งจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ออกจากห้องบรรทมของฮ่องเต้จนหมด ทหารองครักษ์ทั้งสองถึงได้มีความกล้าพอที่จะมองไปยังมั่วเฉี่ยนยวนซึ่งบรรทมอยู่บนแท่นบรรทม ทหารองครักษ์ทั้งสองตกใจจนตาเหลือก เกือบล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น

พวกเขาเห็นมั่วเฉี่ยนยวนหรือก็คือฮ่องเต้ของพวกเขาถูกหุ้มด้วยผ้าพันแผลทั้งตัวจนดูราวกับก้อนบ๊ะจ่าง บนเตียงมังกร คราบโลหิตสีดำอมแดงของเลือดยังคงเปื้อนเปรอะไม่ได้ถูกทำความสะอาดให้เรียบร้อย หากไม่ใช่เพราะพระอุระของพระองค์ยังคงขยับขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ พวกเขาคงคิดว่านั่นเป็นพระศพของฮ่องเต้ของพวกเขาแล้ว!

ในความเป็นจริง เมื่อสัตว์ร้ายสีดำเข้ามาในตำหนักพร้อมกับร่างของมั่วเฉี่ยนยวนที่นอนอยู่บนหลังของมัน เหล่าทหารองครักษ์ที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็พากันคิดไปในทางเดียวกันว่า…จบสิ้นแล้ว! ฝ่าบาททรงใกล้สิ้นพระชนม์แล้ว!

แต่เมื่อดูจากสภาพของมั่วเฉี่ยนยวนในปัจจุบัน แม้จะอเนจอนาถไปบ้างสำหรับผู้ที่พบเห็นอย่างพวกเขา แต่เสียงลมหายใจที่มั่นคงกับจังหวะการกระเพื่อมของหน้าอกที่สม่ำเสมอ ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่ใกล้ตายเลย

ทหารองครักษ์ทั้งสองคนสับสนเล็กน้อย เมื่อสักครู่นอกจากคุณหนูใหญ่สกุลจวิน ที่ติดตามนางมาด้วยยังมีบุรุษอีกสองคน หรือว่าหนึ่งในสองคนนี้จะเป็นหมอ เพราะพวกเขาไม่เห็นจวินอู๋เสียเรียกตัวหมอหลวงคนใดเข้ามาเลย แต่พวกเขากลับทำให้ฮ่องเต้กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยเวลาเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น!

คงไม่ใช่ว่า…หนึ่งในสองบุรุษแปลกหน้านั้นมีคนหนึ่งเป็นหมอเทวดาหรอกนะ!

ทหารองครักษ์ทั้งสองคนพุ่งเป้าไปที่บัวหิมะมัวเมากับจวินอู๋เย่าทันที โดยไม่ได้คาดคิดเลยว่าคนที่ช่วยรักษาและเก็บชีวิตมั่วเฉี่ยนยวนกลับมาจากประตูแห่งความตายนั้น แท้จริงแล้วก็คือจวินอู๋เสีย!

จวินอู๋เสียต้องการกลับไปพักที่จวนหลินอ๋องจริงๆ นางอยากอาบน้ำล้างตัวจะแย่ แต่เพิ่งก้าวออกจากประตูตำหนักได้ไม่ทันไร กลุ่มขุนนางอาวุโสกลุ่มใหญ่ของราชสำนักก็มองมาที่นางเป็นตาเดียวด้วยแววตาซับซ้อน

กลุ่มขุนนางเหล่านี้ ก็คือกลุ่มขุนนางที่มาประชุมยามเช้าที่ท้องพระโรงและถูกขับไล่ออกไปโดยคนของสำนักชิงอวิ๋นที่สุดท้ายก็ต้องมาตายอย่างน่าอนาถนั่นเอง พวกเขาสู้กับสำนักชิงอวิ๋นไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าจากไปทั้งแบบนั้น จึงได้รั้งรออยู่ตรงนั้นตั้งแต่ถูกไล่ให้ออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นด้านในทั้งหมด แม้จะไม่ได้เห็นกับตาตัวเองแต่ก็รับรู้ตั้งแต่ต้นจนจบ รวมถึงเสียงกรีดร้องเจ็บปวดทรมานของฮ่องเต้ของพวกเขาด้วย พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย จึงได้แต่ยืนโง่อยู่ด้านนอกท้องพระโรงแล้วภาวนาขอให้ฮ่องเต้ของพวกเขากลับออกมาได้อย่างปลอดภัย

แต่การรอนี้ กลับต้องแลกมาด้วยการที่พวกเขาต้องทนฟังเสียงกรีดร้องเป็นชุด

ในวันนั้นจวินอู๋เสียได้ประหารขุนนางที่ประตูวังหลวงไปมากมาย และมากกว่าครึ่งหนึ่งก็เป็นขุนนางกังฉินในฝั่งของอดีตฮ่องเต้ทำให้ราชสำนักรัฐชีสะอาดขึ้นมาก คนที่ยังเหลืออยู่ก็มีแต่คนที่จงรักภักดีกับรัฐชีจริงๆ หลังจากที่มั่วเฉี่ยนยวนขึ้นครองราชย์ เขาก็ยกเลิกอภิสิทธิ์พิเศษของขุนนางแล้วเริ่มเปิดคัดเลือกขุนนางที่มีอุดมการณ์อันสูงส่งจากชนชั้นธรรมดา ส่งเสริมขุนนางหนุ่มที่รักความก้าวหน้า ซื่อสัตย์ มีความสามารถ แต่ไม่ทะเยอทะยาน มีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นด้วยกับเขา ทำให้มั่วเฉี่ยนยวนได้รับความภักดีและแรงสนับสนุนท่วมท้นจากคนเหล่านี้

พวกเขาเฝ้ารออยู่ด้านนอกท้องพระโรงตลอดเวลา เรื่องชั่วๆ ที่สำนักชิงอวิ๋นคำ คำพูดหยิ่งยโสที่คนของสำนักชิงอวิ๋นพูด เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของฮ่องเต้ พวกเขาล้วนได้ยินมันกับหูทั้งนั้น!

ในใจของพวกเขามีความเกลียดชัง พวกเขาเกลียดสำนักชิงอวิ๋นเข้าไส้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

จนกระทั่งการมาถึงของจวินอู๋เสียที่พลิกเปลี่ยนสถานการณ์จากผู้ที่เป็นเหยื่อกลายเป็นผู้ล่าบ้าง นี่ถึงทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากวังวนแห่งความสิ้นหวังที่ไม่รู้จบ