ตอนที่ 245 ไอ้เจ้าคนขี้เขิน (1) ตอนที่ 246 ไอ้เจ้าคนขี้เขิน (2)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 245 ไอ้เจ้าคนขี้เขิน (1)

ก่อนหน้านี้พวกเขาเฝ้ามองจวินอู๋เสียนำคนบุกเข้าไปในท้องพระโรง มองดูคนของนางที่เปิดฉากเข่นฆ่าคนจากสำนักชิงอวิ๋นทีละศพๆ เลือดในกายของกลุ่มขุนนางอาวุโสก็ร้อนระอุและเดือดพล่าน

เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียกำลังเดินออกมาจากตำหนักที่ประทับ ชายชราผมขาวคนหนึ่งก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้าและจ้องจวินอู๋เสียตาไม่กะพริบ

จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหยุดเดิน นางรู้จักชายชราคนนี้ หากนับรวมรัชสมัยของมั่วเฉี่ยนยวนด้วย เขาก็เป็นขุนนางที่ทำงานรับใช้ราชวงศ์มาสามรัชสมัยแล้ว ตำแหน่งของเขาอยู่ในขั้นกลางๆ ไม่สูงไม่ต่ำ แม้มั่วเฉี่ยนยวนจะตรึกตรองแล้วว่าเขาทำงานดีและก็จงรักภักดีต่อราชวงศ์มาอย่างช้านาน เขาจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งแต่ก็ยังคงเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นกลางๆ อยู่

ชายชราผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้มีความสามารถมากนัก แต่ด้วยวัยวุฒิและคุณสมบัติของเขา ก็ทำให้เขาได้รับเกียรติอย่างสูงในราชสำนัก ติดอยู่ตรงที่ เขาไม่ค่อยรู้จักวิธีพูดสักเท่าไร มีหลายครั้งที่วาจาขวานผ่าซากของเขาทำเอามั่วเฉี่ยนยวนสะอึกไปไม่เป็นเลยทีเดียว

ตอนนี้ชายชราคนนี้กลับเดินดุ่มเข้ามาหาจวินอู๋เสีย ทว่าตอนนี้นางเหนื่อยมากแล้วจริงๆ จึงไม่คิดจะฟังคำบ่นของเขาอีก

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จวินอู๋เสียจะได้แสดงสีหน้าไม่พอใจออกไป ชายชราคนนั้นก็คุกเข่าลงต่อหน้าจวินอู๋เสีย การเคลื่อนไหวที่กะทันหันของเขานี้ ทำให้จวินอู๋เสียเบิกตากว้าง

“ขอบพระคุณคุณหนูจวินที่ช่วยอารักขาฝ่าบาทออกมา!”

จวินอู๋เสียตกตะลึงไปแล้ว นางมองไปที่ขุนนางที่ทำให้ฮ่องเต้ทั้งสามรัชสมัยต้องปวดเศียรเวียนเกล้าที่มาคุกเข่าลงต่อหน้าตนเอง ก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้อย่างไรดี

หลังจากนั้นก็มีขุนนางอื่นๆ คุกเข่าลงตาม บรรดาขุนนางพร้อมใจกันกล่าวขอบคุณจวินอู๋เสีย แม้แต่ขุนนางตำแหน่งเจ้ากรมใหญ่ๆ ก็ไม่เว้น!

ในวันนั้น จวินอู๋เสียได้ทำการสังหารขุนนางชั้นสูงที่หน้าประตูวังหลวง แม้ว่าการกระทำของนางจะสมเหตุสมผลและส่งผลดี ช่วยให้ราชสำนักมีรากฐานที่มั่นคงยิ่งขึ้น แต่มันก็ทำให้ขุนนางของรัฐชีหลายคนรู้สึกอับอายหน้าร้อนผ่าว แม้หลังจากที่มั่วเฉี่ยนยวนขึ้นครองบัลลังก์ พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่แห่งจวนหลินอ๋องเป็นคนที่โหดร้ายเกินไป ยากจะผูกมิตรและสานสัมพันธ์ด้วย!

แต่วันนี้พวกเขาได้ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่าจวินอู๋เสียนางเป็นคนดีและน่ารักเพียงใด

หากไม่ใช่เพราะการตัดสินใจของนางที่เด็ดขาดและโหดเหี้ยม วันนี้สำนักชิงอวิ๋นก็คงเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของรัฐชีจนจมอยู่ใต้ฝ่าเท้าไปแล้ว!

เหล่าขุนนางใหญ่ที่วันๆ เอาแต่พูดคำว่าคุณธรรมน้ำใจติดปากจนดูราวกับพระภิกษุสงฆ์ เมื่อต้องทนยืนดูฮ่องเต้ของตัวเองถูกเหยียบย่ำและทรมาน นี่เป็นความอัปยศแบบไหนกัน!

ดังนั้นแม้หลังจากที่มั่วเฉี่ยนยวนได้รับการช่วยเหลือไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังอยู่ตรงนี้ไม่ได้จากไปไหน ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อต้องการขอบคุณจวินอู๋เสียอย่างจริงใจสักครั้ง!

จวินอู๋เสียวันนี้ไม่เพียงแต่ได้ช่วยฮ่องเต้ของพวกเขาเอาไว้ แต่ยังรวมไปถึงศักดิ์ศรีของรัฐชีด้วย!

แม้ว่ารัฐชีจะเป็นรัฐเล็กๆ แต่จิตวิญญาณของพวกเขาล้วนแข็งแกร่งไม่อาจหยามกันได้ง่ายๆ!

หากผู้คนในสำนักชิงอวิ๋นยังคงทำร้ายมั่วเฉี่ยนยวนต่อไป ไม่นานมั่วเฉี่ยนยวนก็คงถึงแก่ชีวิต และรัฐชีที่กระดูกสันหลังถูกทำลายลงไปแล้ว จะสืบทอดต่อไปได้อย่างไร ต่อให้พวกเขาตายไปแล้ว พวกเขาก็คงไม่มีหน้าไปพบกับบรรพบุรุษของพวกเขา!

ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นบู๊พร้อมใจกันคุกเข่าลงขอบคุณจวินอู๋เสีย สละละทิ้งซึ่งศักดิ์ศรีในฐานะขุนนาง แต่ขอบคุณนางจากใจจริงๆ

ลงมือโหดเหี้ยมก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีไปเสียเลยทีเดียว อย่างน้อยๆ ในยามที่รัฐชีคับขันและต้องการกำลังมาปกป้อง มันก็ใช้การได้ดีไม่ใช่เหรอ

จวินอู๋เสียตกตะลึงอยู่ครู่ หลังจากที่ตั้งสติได้และเข้าใจเจตนารมณ์ของพวกเขา นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่บรรดาาแก่ที่อายุมากกว่าตัวเองหลายรอบ “ข้าก็แค่ทำในสิ่งที่ข้าควรทำ พวกท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก” กล่าวจบ ก็วิ่งหนีไปจากตรงนั้นเพิกเฉยต่อเหล่าขุนนางโดยสมบูรณ์

จวินอู๋เย่าเหลือบมองเหล่าขุนนางรัฐชี แล้วรีบก้าวออกไปให้ทันหลังจวินอู๋เสีย เขาพบว่าภาพฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันน่าสนใจนิดหน่อย

ใบหูเล็กๆ ของจวินอู๋เสียขึ้นสีแดงเรื่อเล็กน้อย…

และการที่จวินอู๋เสียรีบร้อนวิ่งจากมา ก็ล้วนเป็นเพราะสิ่งนี้

เมื่อเข้าใจปฏิกิริยาของจวินอู๋เสีย จวินอู๋เย่าเพียงคิดว่าเด็กน้อยของเขาคนนี้ช่างน่ารักเหลือเกิน เกรงว่านางคงเขินอายที่เห็นบุรุษรุ่นราวคราวเดียวกับท่านปู่ของนางมาคุกเข่าแสดงความเคารพต่อหน้านางแบบนี้

ตอนที่ 246 ไอ้เจ้าคนขี้เขิน (2)

กลับมาถึงที่จวนหลินอ๋องอย่างรีบร้อน จวินอู๋เสียก็เจอกับจวินเสี่ยนและจวินชิงที่กำลังยืนรอรับนางกลับจวนด้วยความกระวนกระวาย เมื่อพวกเขาเห็นว่าจวินอู๋เสียกลับมาเสียที จวินชิงเดิมยังอยากจะเข้าไปสอบถามถึงสถานการณ์ในวังหลวง แต่จวินเสี่ยนก็คว้าแขนของเขาไว้ก่อนแล้วกล่าวว่า “นี่ก็ดึกมากแล้ว เจ้ารีบไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ มีอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

จวินอู๋เสียลังลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า นางทนไม่ไหวแล้วจริงๆ สิ่งที่นางต้องการที่สุดในตอนนี้ก็คือการแช่ตัวในอ่างน้ำร้อนแล้วล้างเอากลิ่นคาวเลือดบนตัวออกเสีย

“ท่านพ่อ…” จวินชิงมองไปที่จวินเสี่ยนอย่างไม่เข้าใจ

จวินเสี่ยนส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เจ้าไม่เห็นเหรอว่าอู๋เสียเหนื่อยมากแล้ว”

จวินชิงชะงักไปครู่หนึ่ง นึกย้อนกลับไปจะว่าไปแล้วสภาพเมื่อสักครู่ของจวินอู๋เสีย แม้ว่าภายนอกจะดูปรกติดี แต่สีหน้าของนางนั้นดูอิดโรยมากจริงๆ

“เด็กคนนี้ น่ากลัวว่าคงจะยุ่งจนถึงตอนนี้เลยกระมัง แต่ดูจากที่นางกลับออกจากวังหลวงมาโดยสวัสดิภาพ คิดว่าสถานการณ์ทางนั้นก็น่าจะแก้ไขแล้วเช่นกัน ให้นางพักผ่อนก่อนเถิด วันพรุ่งนี้พวกเราค่อยสอบถามนางก็ยังไม่สาย” จวินเสี่ยนถอนหายใจอย่างแรง เด็กสาวอายุสิบสี่ปี มันควรจะเป็นวัยแห่งความสุขและการเล่นสนุก แต่นางไม่เคยมีโอกาสเช่นนั้นเลย

ในขณะที่เขารู้สึกภาคภูมิใจที่หลานสาวของเขาแข็งแกร่งและพึ่งพาได้ จวินเซียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับความเหน็ดเหนื่อยที่นางต้องแบกรับ

“เป็นลูกที่ใจร้อนเกินไป เดี๋ยวลูกไปสั่งให้คนครัวเตรียมสำรับร้อนๆ แล้วส่งไปที่เรือนอู๋เสียนะขอรับ” จวินชิงตระหนักได้ถึงความประมาทเลินเล่อของตัวเอง จึงได้รีบวิ่งออกไป สั่งคนให้เตรียมของโดยเร็วที่สุด

เมื่อจวินอู๋เสียกลับมาถึงที่ห้อง อ่างน้ำอุ่นก็ถูกเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว และหลังที่จากถอดเสื้อแล้วโยนชุดเปื้อนเลือดทิ้งไป นางลงแช่ในน้ำอุ่นด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ร่างกายที่ตึงเครียดมาตลอดทั้งวันก็คล้ายกลับมายืดหยุ่นอีกครั้ง

เพิ่งจะทะลวงระดับพลังมาอยู่ที่ขั้นสีส้ม ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับศึกสองครั้งติด นี่มันทำให้นางเหนื่อยจนแทบขาดใจจริงๆ

เจ้าสัตว์ร้ายสีดำเปลี่ยนร่างกลับมาอยู่ในร่างแมวดำตัวน้อยอีกครั้ง มันคาบอาภรณ์ตัวหนึ่งตัวหนึ่งออกมาจากตู้เสื้อผ้าแล้วพาดมันลงบนฉากกั้นห้องน้ำด้วยความคล่องแคล่ว บัวหิมะมัวเมาก็อยากจะเข้ามาด้วย แต่ก็ถูกเจ้าแมวดำจับโยนออกไปด้านนอก เพราะสุราแสงจันทร์ที่เขาดื่มลงไปเพิ่งหมดฤทธิ์ เลยทำให้เขากลับมาอยู่ในร่างของเจ้าดอกบัวขาวน้อยที่ขี้แยและซุ่มซ่ามอีกครั้ง เห็นว่าเจ้าแมวดำลับกรงเล็บที่แหลมคมของมัน ดอกบัวขาวน้อยก็ร้องไห้จ้าแล้ววิ่งกลับลงสระบัวไป

แมวดำตัวน้อยหันหัวของมันและต้องการจะพูดอะไรบางอย่างกับจวินอู๋เสีย แต่ก็พบว่าจวินอู๋เย่ามายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำแล้ว เจ้าแมวดำตัวน้อยได้แต่ตัวแข็งทื่อ

จวินอู๋เย่าเดินมาหยุดที่ด้านข้างอ่างอาบน้ำอย่างเงียบๆ มองไปที่จวินอู๋เสียที่กำลังนอนหลับตาพริ้มท่าทางดูผ่อนคลายอยู่ในอ่างอาบน้ำ ริมฝีปากสวยก็อดไม่ได้ยกโค้งขึ้นเล็กน้อย เขาเดินอ้อมไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังของจวินอู๋เสีย นิ้วเรียวงามยกขึ้นสัมผัสกับไหล่บางน่ามองนั่น เพียงไม่นานเขาก็เริ่มลงมือบีบนวดให้นางด้วยกำลังที่เหมาะเจาะพอดี

วันนี้อาจเป็นเพราะรู้สึกเหนื่อยมากเกินไป แถมการบีบนวดของจวินอู๋เย่าก็ทำให้รู้สึกสบายนัก จวินอู๋เสียจึงไม่ได้ลุกขึ้นมาโวยวายเหมือนทุกที แต่หลับไปโดยซึ่งไร้การป้องกันตัวทั้งอย่างนั้น

กลิ่นกายเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กสาว ดูเหมือนจะติดอยู่ที่ปลายจมูกของจวินอู๋เย่าแล้ววนเวียนอยู่แบบนั้นมาได้สักพักแล้ว นิ้วมือเรียวยาวจิ้มไปที่ผิวเนียนนุ่มราวกับจะคั้นน้ำได้ของนาง ไออุ่นที่แผ่ซ่านจากอก ทำให้หัวใจของเขาเต้นถี่ขึ้น

เจ้าแมวดำตัวน้อยจ้องไปที่แผ่นหลังของจวินอู๋เย่าอย่างประหม่า เคลื่อนไหวก็ไม่ได้ แต่จะไม่ให้มันเคลื่อนไหวเลยก็ไม่ดี…

มันลอบตัดสินใจ ถ้าจวินอู๋เย่ากล้าที่จะทำเรื่องบ้าๆ ล่ะก็ เพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของเจ้านาย มัน…มันจะ…ตะโกนปลุกเจ้านายมันให้ตื่น!

อย่างไรก็ตาม เรื่องบ้าๆ ที่เจ้าแมวดำตัวน้อยจินตนาการไว้ไม่ได้เกิดขึ้น จวินอู๋เย่าเห็นน้ำในอ่างเริ่มเย็นลงแล้วจึงคว้าอาภรณ์ที่พาดอยู่บนฉากกั้นมาห่อตัวจวินอู๋เสียไว้แล้วอุ้มนางขึ้นจากน้ำด้วยมือข้างเดียว จากนั้นก็เขาก็พานางไปนอนที่เตียงนุ่มๆ ของนาง

นอกเหนือจากนั้น ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรอีก

เจ้าแมวดำตัวน้อยเกร็งมาตั้งนาน แต่มันก็พบว่าสิ่งต่างๆ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่มันคิด

เจ้าปีศาจตัวใหญ่ตัวนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขากำลังพยายามเปลี่ยนนิสัยอยู่ ทำไมถึงได้เป็นสุภาพบุรุษเช่นนี้เล่า