เมื่อเปิดประตูออก หยู่เหวินเห้าหนังหัวก็ชาทันที

สุนัขประมาณยี่สิบตัวที่บาดเจ็บกำลังเห่าใส่เขาอย่างดุเดือด ระมัดระวัง โกรธแค้น และตาของสุนัขเป็นสีแดง ราวกับว่าตราบใดที่เขาก้าวไปหนึ่งก้าว มันก็จะกระโดดมากัดเขาทันที

เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกล่าวอย่างเย็นชา “ท่านอ๋อง ไม่กล้าเข้าไปรึ?”

“ท่านอ๋อง อย่านะ!” ทังหยางรีบห้าม แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนเลี้ยงสุนัข แต่ดูบาดแผลบนตัวของสุนัขเหล่านี้ น่าจะเพิ่งโดนตีมา ตอนนี้กำลังคลุ้งคลั่ง

หยู่เหวินเห้าตั้งสติ กระโดดขึ้นไป อยากจะลอยตัวผ่านบนตัวของสุนัข ก็ไม่รู้ ว่าลูกน้องคนสนิทได้ส่งสัญญาณมือขึ้นมา สุนัขดุร้ายก็วิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง กระโดด ปิดล้อม หยู่เหวินเห้าจนไม่สามารถที่จะเข้าไปใกล้ห้องในเรือนได้เลย

เขากระโดดไปหลายครั้ง แขนเสื้อและชายเสื้อถูกกัดจนขาด หากไม่ใช่เพราะไหวพริบดี เกรงว่าผิวเนื้อก็คงถูกกัดไปแล้ว

“ท่านอ๋องระวัง!” ทังหยางก็ตะโกนขึ้นอย่างกะทันหัน

หยู่เหวินเห้ารีบหันหน้ากลับ ก็เห็นสุนัขหางสั้นหูตั้งกระโดดเข้ามา ร่างของสุนัขได้ลอยเป็นเส้นโค้งกลางอากาศ พุ่งเข้ามาหาหยู่เหวินเห้าราวกับสายฟ้า

หยูเหวินเห้ารีบเบี่ยงตัวไปด้านข้าง หลบเลี่ยงอย่างน่าสังเวช แต่อุ้งเท้าของสุนัขก็กวาดไปทางด้านหลังคอของเขา เผยให้เห็นรอยเลือดเป็นริ้วๆ

หัวหน้ายามรักษาการณ์กับทังหยางก็บุกเข้าไป เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกลับขวางเอาไว้ “หยุดอยู่ตรงนี้ ไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ใครก็ห้ามเข้าไปข้างในเรือน”

ทังหยางเห็นลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ด้านข้างของเจ้าพระยาหุ้ยติ่งทำสัญญาณอย่างต่อเนื่อง ผิวปาก อีกอย่าง ก็เกิดเสียงวิ๊วๆ นี่น่าจะเป็นสัญญาณการจู่โจม

ทังหยางโกรธมาก “ท่านเจ้าพระยา ท่านเจตนาทำร้ายคน”

“เจตนา? ข้าก็ได้เตือนท่านอ๋องแล้วว่าเข้าไปไม่ได้ เป็นเขาที่ดื้อรั้นจะเข้าไป” เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกล่าวอย่างเหิมเกิม

ทังหยางกัดฟัน เห็นสถานการณ์ของหยู่เหวินเห้านั้นอันตรายมาก แม้ว่าอาศัยวรยุทธ์ของท่านอ๋องนั้นจะสามารถหนีออกมาได้ แต่แบบนี้ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปค้นห้องที่อยู่ด้านใน

ในเมื่อเรื่องก็ถึงขั้นนี้แล้ว วันนี้หาพระชายาไม่เจอ ก็มีความผิดใหญ่หลวง ไม่เสียหายที่จะลองดูอีกสักครั้ง

เขากล่าวด้วยเสียงที่ทุ้ม “เด็กๆ จู่โจมเข้าไปเลย ไปค้นห้องไม่ทำร้ายสุนัข ต้องค้นอย่างรวดเร็ว”

หากทำร้ายสุนัข กลิ่นคาวของเลือดจะทำให้พวกมันยิ่งคลั่งกันไปใหญ่ เมื่อมันตอแยแล้ว นอกจากฆ่าสุนัขทั้งหมด ไม่อย่างนั้น ต่อให้สุนัขเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย มันก็ต้องกัดศัตรูเพื่อแก้แค้น

อีกอย่าง บุกรุกจวนเจ้าพระยา อะไรก็ค้นไม่เจอแต่กลับฆ่าสุนัขเฝ้ายามไปทั้งหมด ต่อให้กระโดดลงไปล้างตัวที่แม่น้ำหวงโหวก็คงจะล้างไม่สะอาดแล้ว

คนหลายสิบคนบุกเข้าไป เพื่อช่วยคลายสถานการณ์ของหยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้าได้เอาตัวเองออกมา แล้วก็ได้ร่วมกับทหารในจวนบุกตรวจห้องแต่ละห้อง

ประตูห้องได้ถูกเปิดออกหมด ห้องกลับว่างเปล่าไม่มีคนเลย

หนึ่งในห้องทั้งหมด การจัดวางตกแต่งเหมือนจะเป็นห้องหนังสือ

ใจของหยู่เหวินเห้าดิ่งลง หลงกลแล้ว

“ท่านอ๋อง! เจ้าพระยาหุ้ยติ่งกับทหารในจวนได้เข้ามาแล้ว สุนัขก็หยุดการโจมตี ทั้งหมดต่างไปนั่งรวมตัวอยู่ในมุมลานบ้าน เจ้าพระยาหุ้ยติ่งเดินไปตรงหน้าของหยู่เหวินเห้า กล่าวอย่างเฉียบขาด “นี่คือห้องหนังสือของข้า ข้างในมีเอกสารลัมของหทารและแบบร่างอาวุธ เจ้าพาคนบุกเข้ามา มีจุดประสงค์อันใด?”

ทังหยางก็เข้าใจแล้ว ให้พวกเขาตรวจค้นจวน เป้าหมายก็อยู่ตรงนี้นี่เอง

หากแค่ตรวจค้นจวนเจ้าพระยาโดยพลการ หมิ่นประมาทและใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ราชสำนัก การลงโทษของฮ่องเต้ก็จะไม่รุนแรงนัก

แต่ถ้าเป็นการขโมยเอกสารลับและภาพร่างอาวุธ ถือเป็นโทษที่ร้ายแรง แม้ไม่ถูกตัดหัว ก็ต้องติดคุก

ทันหยางตกใจ และมองไปทางหยู่เหวินเห้า “ท่านอ๋อง………..”

ใจของหยู่เหวินเห้าได้สงบลงมาแล้ว ค่อยๆหันหน้ามองไปทางเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว “ท่านเจ้าพระยาวางแผนได้เยี่ยมมาก”

สีในแววตาของเจ้าพระยาหุ้ยติ่งเป็นสีเดียวกับดวงตาของสุนัขดุร้าย เต็มไปด้วยความกระหายเลือด “กล่าวอย่างผยอง ยังจำได้มั้ยว่าวันนั้นข้าเคยพูดกับเจ้าว่าอย่างไร? ต้องมีสักวันหนึ่ง เจ้าต้องตกอยู่ในกำมือของข้า ข้าทำให้เจ้าตายทั้งเป็น ตกต่ำไปตลอดกาล”

กลิ่นคาวเลือกในตัวเขายิ่งอยู่ยิ่งแรง ความเกลียดชังในแววตาก็ไม่สิ้นสุด

ในใจหยู่เหวินเห้าจะสิ้นหวังแล้ว

เขาเกือบจะมั่นใจว่า หยวนชิงหลิงนั้นตายแล้ว

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เรื่องมาถึงตอนนี้ เขากลับไม่เป็นห่วงอนาคตของตัวเองแล้ว อย่างไรก็ตาม เขานั้นชินกับการเย็นชาแล้ว ฮ่องเต้ก็คงไม่ถึงกับเอาชีวิตเขา

เขาจ้องมองเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง เหมือนกับกับสัตว์ป่าที่ถูกบีบจนจนตรอก กล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าหากข้าตรวจเจอว่าหยวนชิงหลิงนั้นตายอยู่ในมือท่าน ต่อให้ต้องสู้ด้วยชีวิต ข้าก็จะเอาท่านมาเป็นที่รองศพให้นาง”

เจ้าพระยาหุ้ยติ่งหัวเราะฮ่าๆ “ท่านอ๋องนั้นมองตัวเองสูงไปแล้ว เกรงว่าหลังจากวันนี้ ท่านอ๋องก็ยากที่จะเอาตัวรอด เก็บแรงไว้ปกป้องชีวิตของตัวเองเถอะ”

หยู่เหวินเห้ากัดฟัน ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย

ชั่วชีวิตนี้ นอกจากที่ตำหนักเจ้าหญิงแล้ว ก็ไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน

ลูกน้องคนสนิทยกมือถาม “ท่านเจ้าพระยา จะไปเฝ้าฮ่องเต้วันนี้เลยหรือไม่?”

เจ้าพระยาหุ้ยติ่งเก็บรอยยิ้มที่ผยอง แววตาเหมือนนกอินทรีที่ล่าเหยื่อ ยกมือขึ้น “เตรียมม้า ข้ากับท่านอ๋องจะไปคุยกันต่อหน้าฮ่องเต้”

สีหน้าของทังหยางซีดขาวเดินขึ้นมาข้างหน้า “ท่านอ๋อง…….”

หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างเย็นชา “ถอยทัพ!”

ทังหยางตะลึง เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าพระยา การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ท่านอ๋องเพิ่งจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้ไม่นาน มันเหมือนกับการกะพริบของประกายไฟ พริบตาเดียวก็หายไปเลย

หัวหน้ายามรักษาการณ์ก็ตื่นตกใจไม่รู้จะทำไงดี ถอนหายใจที่ตัวเองซวย เรื่องขโมยเอกสาร หากเอาความผิดขึ้นมาจริงๆ คนที่อยู่ในนี้ในวันนี้คงจะไม่รอด

ทหารจวนกับทหารในกรมการพระนครก่อนที่จะถอยออกไปนั้นไม่มีสุ่มมีเสียงเลย เงียบไปกันหมด

เจ้าพระยาหุ้ยติ่งมีความสะใจอย่างบอกไม่ถูก ความแค้นที่ถูกเก็บไว้ในใจหลายปี หากไม่ใช่โสวฝู่ฉู่ห้ามเอาไว้ หลายปีมานี้เขาคงจัดการอ๋องฉู่ไปนานแล้ว จะให้มันกระโดดโลดเต้นถึงวันนี้เหรอ?

เพียงแต่เป็นตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาหยู่เหวินเห้านึกว่าตัวเองขึ้นไปจุดสูงสุด เป็นเวลาที่กำลังลำพองใจ กระชากมันลงมาในเวลานี้ ตกลงมาแล้วจะยิ่งเจ็บยิ่งสะใจ

เขามองยิ้มอย่างชั่วร้าย แววตาดุร้ายเหมือนอสรพิษ

หยู่เหวินเห้าก็หันกายทันที ไม่ว่าอย่างไรก็มีผลเหมือนกัน ไม่สู้ระบายความเจ็บใจตอนนี้ก่อน

เขายิ้มให้กับเจ้าพระยาหุ้ยติ่งอย่างมีเลศนัย เจ้าพระยาหุ้ยติ่งยังไม่ทันตั้งตัว ก็เห็นหมัดที่ว่องไวดั่งสายฟ้า โจมตีไปที่สันจมูกของเขา ใช้ศอกศอกเข้าให้ แล้วก็จู่โจมไปที่ขมับของเขา เจ้าพระยาหุ้ยติ่งรู้สึกเหมือนฟ้าหมุน เกือบจะยืนไม่อยู่แล้ว

ผู้คุ้มกันกับลูกน้องคนสนิทก็รีบเข้ามาพยุง จ้องมองหยู่เหวินเห้าอย่างโกรธแค้น

อารมณ์ความแค้นของหยูเหวินเห้าหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เลิกคิ้ว “ฐานะของท่านเจ้าพระยาสูงส่ง ต่อไปเข้าออกต้องระวัง ไม่แน่ท่านอ๋องที่ตกต่ำจะจู่โจมเอาชีวิตท่านเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

เจ้าพระยาหุ้ยติ่งคายเลือดออกมา มองหยู่เหวินเห้าอย่างโกรธแค้น ราวกับว่าจะกลืนกินเขาเข้าไป “วางใจเถอะ ข้าจำไว้หมดแล้ว รวมทั้งสองหมัดของวันนี้ จะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลย”

หยู่เหวินเห้าหัวเราะอย่างเย็นชา ตอนที่หันกายนั้น สายตาก็เหลือบเห็นคนผู้หนึ่งวิ่งมาจากเรือนหลังบ้านอย่างรวดเร็ว รูปเงานั้น……..

“ช่วยด้วย ท่านอ๋องช่วยด้วย!” คนผู้นั้นพลางวิ่งพลางตะโกนอย่างลนลาน ในระยะไกลก็เห็นใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเลือดและฝุ่น เสื้อผ้าก็ขาดหลุดลุ่ย แต่งกายเป็นผู้ชายแต่กลับเป็นเสียงผู้หญิง

ในเวลานี้ หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นเลือดพลุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว เขายืนตรงไม่ขยับ ทำใจให้สงบ

ชั่วชีวิตนี้ของทังหยางไม่เคยเสียอาการขนาดนี้มาก่อน ตะโกนด้วยความเสียงดัง “พระชายา เป็นพระชายา!”