ทหารจวนก็วิ่งเข้าไป หัวหน้ายามรักษาการณ์ก็วิ่งเข้าไป พยุงหยวนชิงหลิงเอาไว้
เจ้าพระยาหุ้ยติ่งเหมือนจะยังไม่ตอบสนอง มองลูกน้องคนสนิทอย่างไม่รู้ตัว ลูกน้องคนสนิทก็ตื่นตระหนก
หยวนชิงหลิงถูกพยุงตัวมา หยู่เหวินเห้าได้กอดนางเอาไว้ ถอดเสื้อคลุมตัวนอกคลุมให้นาง ท่าทางของหยวนชิงหลิงลนมากทีเดียว คนทั้งคนกำลังสั่นและหายใจหอบ
ใบหน้าของนางบวมหนักมาก ท้ายทอยก็มีเลือดออก ดูเหมือนจะกำลังเป็นลมแล้ว
แต่นางกลับพิงอยู่บนตัวของหยู่เหวินเห้าก็หันกายชี้ไปที่เจ้าพระยาหุ้ยติ่ง “เสียงเหมือนจะร้องไห้ เป็นเขา เขาลักพาตัวข้า และยังใช้เครื่องลงทัณฑ์กับข้า ให้ข้าบอกสาเหตุที่ฮ่องเต้ส่งท่านอ๋องไปรับตำแหน่งเจ้ากรมการพระนคร”
หยู่เหวินเห้าหันกายไปมองเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง มองเลือดที่ใบหน้าของเขาค่อยๆหดหายไปทีละนิด จนซีดขาว
“ท่านเจ้าพระยา” หยู่เหวินเห้ายิ้มหยัน ม้าเตรียมเสร็จแล้วใช่มั้ย? “จะเข้าวังหรือจะไปกรมการพระนครกับข้าละ?”
เจ้าพระยาหุ้ยหน้าบึ้งจ้องมองหยู่เหวินเห้า ครู่ใหญ่ จึงหันไปสั่งการ “ไปเชิญโสวฝู่ฉู่มาที่กรมการพระนคร”
สายตาของเขาจับจ้องไปที่หยวนชิงหลิง ราวกับว่ารับไม่ได้กับความจริงที่นางย้อนกลับมา แววตามีความเกลียดชัง ปิดทับทุกสิ่งอย่าง ถึงขนาดที่ความเกลียดชังนี้ มากกว่าที่เกลียดหยู่เหวินเห้าเสียอีก
ความเกลียดชังนี้ แม้แต่หยู่เหวินเห้ายังรู้สึกได้
เขามองหยวนชิงหลิงอย่างเงียบๆ นางหดตัวอยู่ในอกแขนของเขา ตัวสั่น ราวกับเพิ่งผ่านการฝันร้าย
มือของเขาลูบไปที่ท้ายทอยของนาง มือเปื้อนไปด้วยเลือด ในใจรู้สึกหงุดหงิดอย่างพูดไม่ออก กล่าวกับทังหยาง “พาพระชายากลับจวนก่อน”
หยวนชิงหลิงค่อยๆเงยหน้ารูปไข่ที่น่าสงสารขึ้นมา ชี้ไปที่ฝูงสุนัข “ท่านอ๋อง เจ้าพระยาหุ้ยติ่งใช้สุนัขดุร้ายทำร้ายคน จำเป็นต้องเอาพวกมันกลับไปด้วย”
“ฆ่าให้หมด!” ความโหดกะพริบผ่านใต้ตาของหยู่เหวินเห้า
“ไม่ได้!” หยวนชิงหลิงกล่าวขึ้นทันที “ฆ่าไม่ได้”
หยู่เหวินเห้าเหลือบมองนาง ตอนนี้นางยืนตรงแล้ว มีความลนลานหลงเหลือที่ไหนกัน?
เห็นหยู่เหวินเห้าจ้องมองตัวเอง หยวนชิงหลิงก็หรี่ตาลง พยายามบีบน้ำตาออกมา “สอบสวนแล้วค่อยฆ่า”
หยู่เหวินเห้าไม่รู้ว่านางกำลังคิดแผนการอะไรอยู่ หลังจากที่ประหลาดใจแล้ว ในใจก็เต็มไปด้วยความโกรธ ต้องรอให้จัดการเจ้าพระยาหุ้ยติ่งก่อน กลางคืนกลับจวนค่อยคิดบัญชีกับนาง
“พาตัวไป!” หยู่เหวินเห้ากล่าวกับทังหยางอย่างเย็นชา
“สุนัข……สุนัขร้ายล่ะ?” หยวนชิงหลิงถาม
“เอากลับไปที่กรมก่อน” หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างเรียบเฉย
หยวนชิงหลิงจึงได้วางใจตามทังหยางกลับไป ขณะที่เดินผ่านเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง เจ้าพระยารู้สึกเจ็บที่เป้า อับอายและไฟโกรธพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็เลยใช้มือบีบคอของหยวนชิงหลิงเอาไว้
หยวนชิงหลิงก็ยกข้อเข่าขึ้น ศอกเข้าไปที่เป้า เจ็บจนเจ้าพระยาหุ้ยติ่งร้องเจ็บอย่างโหยหวน ล้มลงไปบนพื้น กุมเป้าไว้ แล้วกลิ้งตัวไปมา
เลือดก็ซึมออกมา
ทุกคนต่างตกใจ แม้กระทั่งหยู่เหวินเห้าก็ตกใจมากเช่นกัน
หยวนชิงหลิงสะบัดแขนเสื้อไปหนึ่งที กล่าวกับทังหยาง “ไป!”
ทั้งหมด ไม่มีความกลัวหรืออาการตกใจเลย
หยู่เหวินเห้าหรี่ตามองนางที่เดินยืดตัวตรง รู้สึกผิดปกติยังไงชอบกล นางมีท่าทางหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นมั้ย? ไม่มี ในทางกลับกัน นางเหมือนกันไก่ชนที่ชนะ เดินเชิดออกไปอย่างสง่างาม
ทังหยางพาหยวนชิงหลิงกลับมาถึงที่จวน ในระหว่างทาง ทังหยางไม่ได้ถามอะไร รอจนกว่าหยวนชิงหลิงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็เรียกหมอในจวนมาช่วยดูอาการของนาง
หลังจากที่หมอไปแล้ว ทังหยางก็ถามขึ้น “พระชายา มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
หยวนชิงทำท่าจะร้องไห้………
“พระชายาอย่าแกล้งทำเลย” ทังหยางเปิดโปงนางอย่างไม่ปรานี
หยวนชิงหลิงเก็บสีหน้าทันที ไม่สนุกเลย “ก็เป็นอย่างที่เจ้าเห็น ข้าถูกลักพาตัวไป เกือบตายในจวนเจ้าพระยาหุ้ยติ่งแล้ว”
“แค่นี้เอง?”
“ก็แค่นี้เอง” นางจับท้ายทอยแล้วค่อยๆลุกขึ้นมา “บางทีอาจจะมีอย่างอื่นด้วย แต่ว่าข้าปวดหัวมาก ตอนนี้นึกอะไรไม่ออกจริงๆ ใช่แล้ว รบกวนบอกท่านอ๋องด้วย สองสามวันนี้เกรงว่าข้าคงออกไปไหนไม่ได้ และก็ไม่สะดวกจะเจอใครด้วย”
ทังหยางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ช่างเหอะ กลับไปที่กรมการพระนครก่อน ในเมื่อพระชายาปลอดภัยแล้ว เอาไว้ค่อยๆถามทีหลัง
“ใต้เท้าทัง!” หยวนชิงหลิงเรียกเขา ถ้าหากเป็นไปได้ ได้โปรดจัดที่อยู่หมาเหล่านั้นให้ด้วย
“หากไม่บอกเหตุผล เกรงว่าท่านอ๋องคงจะฆ่ามันทิ้งทั้งหมด” ทังหยางกล่าว
หยวนชิงหลิงรู้ว่าทังหยางนั้นเจ้าเล่ห์มาก จึงต้องพูด “ที่ข้าหนีออกมาได้ ก็เพราะหมาเหล่านี้ พวกมันช่วยข้าเอาไว้”
คำว่าหนีออกมา มันก็ตรงกับความคิดในใจของทังหยางแล้ว เขายกมือคารวะ “ข้าน้อยจะช่วยผู้มีพระคุณของพระชายาอย่างสุดความสามารถ”
หลังจากที่ทังหยางจากไป แม่นมสี่จึงกล่าวอย่างสั่นๆ “พระชายาตกอยู่ในกำมือของเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง?”
หยวนชิงหลิงกล่าว “โชคดีที่ท่านอ๋องมาช่วยไว้ทัน”
“พระชายาได้ถูก…….” แม่นมสี่หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ส่ายหัวไม่ได้ถาม
“ไม่!” หยวนชิงหลิงรู้ว่านางจะถามอะไร ก็เลยตอบกลับไปหนึ่งคำ
แม่นมสี่ถึงได้สบายใจ
“ข้าง่วงแล้ว ขอนอนสักพัก แม่นม ถ้าหากท่านอ๋องกลับมาแล้วมาหาข้า ช่วยข้าขวางเอาไว้ให้ได้” หยวนชิงหลิงกำชับแล้วกำชับเล่า
“ทราบแล้ว” แม่นมสี่ยิ้มๆ “เพียงแต่ ต่อให้หลบพ้นวันนี้ ก็ไม่อาจจะหลบพ้นพรุ่งนี้”
“ไม่เป็นไร หลบพ้นวันนี้ก็พอ ความโกรธมันจะได้ค่อยๆหายไป” หยวนชิงหลิงพูดในแง่ดี
นางนอนคว่ำ ช่วงนี้นอนคว่ำจนนางเคยชินไปแล้ว ท้ายทอยบาดเจ็บ ก็ต้องนอนท่านี้
ความจริงก็ได้ยืนยันว่านางเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี
หยู่เหวินเห้ากลับจากกรมการพระนคร ก็ไปที่หอเฟิ่งหยีโดยตรง
แม่นมสี่ก็ต้องขวางไม่อยู่อย่างแน่นอน
หลังจากที่จับกุมเจ้าพระยาหุ้ยติ่งแล้ว ก็สอบปากเวรยามกับลูกน้องคนสนิท ทางโน้นก็ได้เชิญโสวฝู่ฉู่มา โสวฝู่ฉู่บอกว่าเจ้าพระยาหุ้ยติ่งบาดเจ็บสาหัส ต้องรีบรักษา รอให้รักษาแล้วค่อยสอบสวน
สำหรับบาดเจ็บตรงไหนนั้น หยู่เหวินเห้าก็ได้เห็นกับตาแล้ว ควันก็ออกหูทันที คิดยังไม่ทันได้คิดก็กลับมาที่จวน
ในอกเต็มไปด้วยไฟโกรธ กลับเห็นหยวนชิงหลิงหลับอย่างสนิท ราวกับว่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็โกรธทันที ยกมือขึ้น ตีไปที่ก้นของนางอย่างต่อเนื่อง
ฝ่ามือที่ตีลงไปนั้นแรงพอสมควร มันทำให้ความโกรธของหยู่เหวินเห้าถูกระบายออกมา
หยวนชิงหลิงที่ฝันอยู่ก็สะดุ้งตื่น มึนงงไปครู่หนึ่ง จึงรู้ตัวว่าตัวเองนั้นถูกตีแล้ว ก็ทำหน้าดุแล้วตีกลับไป “ท่านเคยพูดว่าจะไม่ตีข้าอีก ท่านดูถูกที่ข้าเป็นผู้หญิงใช่มั้ย?”
หยู่เหวินเห้าเอาฝ่ามือครอบใบหน้าของนางแล้วผลักไปด้านหลัง กล่าวด้วยความโมโห “พูดมา อาการบาดเจ็บของเจ้าพระยาหุ้ยติ่งมันยังไงกันแน่?”
หยวนชิงหลิงปัดมือเขาออก ความโกรธก็หายไปทันที เงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทางแปลกๆ “อาการบาดเจ็บอะไร? ใครบาดเจ็บเหรอ? เจ้าพระยาหุ้ยติ่ง? ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ข้าถูกเขาขังเอาไว้ มันไม่ง่ายเลยกว่าจะหนีออกมาได้”
หยู่เหวินเห้ายืนอยู่หน้าเตียง สองมือกอดอก กล่าวอย่างเย็นชา “จะพูดหรือไม่พูด?”
“ไม่รู้จริงๆ” หยวนชิงหลิงกล่าวหน้าซื่อ
“ไม่พูดใช่มั้ย? ได้ เจ้าเป็นผู้เกี่ยวข้องในคดี ข้าจะพาเจ้าไปสอบสวนที่กรม” หยู่เหวินห้าทำหน้าดุ ตะโกนไปข้างนอก ทังหยาง “เตรียมโซ่ตรวน พานางไปที่กรมการพระนคร”
หยวนชิงหลิงมองทังหยางที่เตรียมพร้อมนานแล้วเข้ามา สวีอีก็เดินตามอยู่ข้างหลัง ในมือถือโซ่ตรวนไว้หนึ่งชุด มองมาทางนางด้วยใบหน้าที่โหดร้าย
“พระชายาพูดมาเถอะ คดีนี้ต้องรายงานฮ่องเต้ จะเกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ไม่ดีเสียหน่อย” ทังหยางเกลี้ยกล่อมนางอย่างใจเย็นมีเมตตา
หยวนชิงหลิงไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ไม่ดีอะไร เพียงแต่เรื่องที่ทำร้ายอาวุธของผู้ชายมันโหดเหี้ยมเกินไป นางไม่อยากจะพูด
อย่างไรก็ตาม หากต้องรายงานฮ่องเต้ งั้นนางก็ต้องเล่าให้หยู่เหวินเห้าฟังถึงจะถูก ให้หยู่เหวินเห้าเรียบเรียงแล้วไปรายงานฮ่องเต้