ในระหว่างที่พิจารณา หยู่เหวินเห้าก็กล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าไม่พูดก็ได้แล้วเหรอ? คนข้างกายของเจ้าพระยาหุ้ยติ่งได้พูดแล้ว เจ้าจงใจไปแสดงตัวต่อหน้าเจ้าพระยาหุ้ยติ่งมาหลายวันแล้ว รู้ว่าเขาชอบผู้ชาย เจ้าก็จงใจแต่งกายเป็นชายไปให้ท่าเขา สมองของเจ้ามีปัญหาใช่มั้ย? หรือว่าหัวของเจ้าถูกผีตบ? เจ้าพระยาหุ้ยติ่งเป็นคนยังไง? เจ้ากลับกล้าไปหาเรื่องเขา ชีวิตนี้หากเจ้าไม่ต้องการ เจ้าก็ไปขุดหลุมฝังตัวเองลงไปในหลุม อย่ามาหาเรื่องให้ข้า ข้าอยากที่จะทำให้เจ้าตายนัก……..”
หยวนชิงหลิงมองเขาที่ใบหน้าบูดบึ้ง ก็พูดขัดจังหวะ “ตอนที่อยู่ในจวนเจ้าพระยา ข้าได้ยินท่านพูดกับท่านเจ้าพระยาว่าหากข้าตายอยู่ในมือของเขา ท่านจะทำทุกอย่างเพื่อฆ่าเขาแล้วเอาเขามารองศพของข้า ท่านอ๋อง ที่แท้ท่านก็รักข้ามากขนาดนี้เลยเหรอ”
นี่น่าจะเป็นวิธีที่ทำให้เขาหุบปากได้เร็วที่สุดแล้ว
เป็นจริงเช่นนั้น ใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาก็แข็งกระด้างทันที มุมปากกระตุกไปหลายที เหมือนผลข้างเคียงของคนเป็นอัมพาต “แม่งเอ๊ยเจ้าพูดมั่วซั่วอะไรกัน?”
จะได้แยกแยะทีเดียว เหมือนที่เขาว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์จะเห็นไม่ชัดเท่ากับคนที่มองดูอยู่ด้านข้างๆ ทังหยางกล่าวอย่างเรียบเฉย “ท่านอ๋อง เรื่องการบาดเจ็บ”
หยู่เหวินเห้าก็เข้าใจทันที ขนคิ้วลุกซู่ขึ้นมา คว้าแขนของหยวนชิงหลิงแล้วลากมากดตัวลงไป ยกฝ่ามือขึ้น มือก็จะตบลงมาแล้ว หยวนชิงหลิงก็รีบพูดอย่างรู้สถานการณ์ “พูด ข้าพูดแล้ว”
หยู่เหวินเห้าปล่อยนาง “วันนี้ไม่ได้มาเล่นๆกับเจ้า หากเจ้าไม่พูดความจริง ไม้ตะบองรอเจ้าอยู่”
ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าก่อน ตอนนี้ทำได้เพียงต้องก้มหน้าให้กับอำนาจชั่วร้ายนี้ก่อน
นางปรับท่านั่ง นั่งขัดสมาธิบนเตียง กระแอมปรับโทนเสียง ท่าทางยึกยักของนางกลับถูกหยู่เหวินเห้าดึงหูแล้วตะคอก “พูดมา!”
หยวนชิงหลิงหดคออย่างน่าสงสาร มองใบหน้าที่ดุร้ายของเขา “พูดเดี๋ยวนี้แหละ”
“หากมีคำโกหกเพียงคำเดียว ข้าจะฆ่าเจ้าก่อนแล้วค่อยรายงานเสด็จพ่อ ทางที่ดีที่สุดเจ้าอย่าคิดที่จะทดสอบความอดทของข้า” หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความโกรธ
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาไม่มีความคิดที่จะฆ่านาง แต่ว่า การพลั้งมือฆ่านั้นเป็นได้อยู่
เลยไม่กล้าปิดบัง “ข้าคิดว่าคนอย่างเจ้าพระยาหุ้ยติ่งที่มีพฤติกรรมชั่วร้ายแต่ก็ไม่มีหลักฐานที่จะสามารถเอาผิดเขาได้ รู้สึกคาใจ เมื่อรู้สิ่งที่เขาชอบ ข้าก็เลยแต่งกายเป็นชายเพื่อจงใจเข้าใกล้เขา เริ่มแรกแค่อยากจะดึงดูดความสนใจของเขา รอให้เขาติดเบ็ดข้าก็จะขุดหลุมพราง ให้ท่านอ๋องจับเขาได้อย่างคาหนังคาเขา ข้าสาบาน ความคิดเริ่มแรกของข้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ข้าอยากจะร่วมมือกับท่าน”
นางมองหยู่เหวินเห้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงใจ
หยู่เหวินเห้าที่มีสีหน้าใจร้อน “พูดต่อไป” ร่วมมือ? ด้วยสมองอย่างนางก็คู่ควรเหรอ?
หยวนชิงหลิงพูดด้วยสีหน้าที่เศร้า “ใครจะไปคิดว่าเขานั้นเห็นข้านานแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าลักพาตัวข้ากลางถนน อีกอย่างเขายังรู้ตัวตนของข้าอีกด้วย สั่งคนให้พาข้าไปห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องลงทัณฑ์ คิดอยากจะทำมิดีมิร้ายกับข้าในห้องนั้น ข้านั้นไม่มีทางยอมอยู่แล้ว ก็เลยฉีดยาสลบใส่เขา จากนั้น…….”
นางแอบมองเขาแวบหนึ่ง เห็นแววตาของเขายังลุกไปด้วยไฟโกรธ ก็กล่าวอย่างอ่ำๆอึ้งๆ “จากนั้นก็เลยหยิบเก้าอี้มาหนึ่งตัว ใช้ขาเก้าอี้แทงไปอาวุธที่เขาใช้ทำมิดีมิร้ายต่อผู้หญิง”
สวีอีกับทังหยางได้ยินเช่นนี้ หลังก็เย็นวาบ อีกอย่างสวีอีก็ได้กุมไปที่เป้าของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว โอ้แม่เจ้า มันจะเจ็บขนาดไหน? เจ้าพระยาหุ้ยติ่งก็ช่างแข็งแกร่งนัก บาดเจ็บขนาดนั้น ยังจะออกมากระโดดโลดเต้นอีก
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าก็เปลี่ยนไป และตะคอกด่าทันที “เจ้ามีโอกาสแล้ว ทำไมไม่รีบหนีไป กลับไปทำร้ายคน เจ้าเป็นหมูโง่หรือเปล่า?”
หยวนชิงหลิงเล่าต่อเนื่อง “ข้าทำร้ายเขาแล้วก็รีบหนีทันทีเลย ใครจะไปรู้ออกไปก็ถูกสาวใช้เจอเข้า ถูกบีบจนต้องเข้าไปในเรือนสุนัข แต่พูดไปแล้วก็แปลก สุนัขเหล่านั้นเหมือนบ้าไปแล้ววิ่งพุ่งไปกัดทหารในจวน กลับให้โอกาสข้าในการหนีเอาตัวรอด ข้าเห็นพวกเขาอลม่านวุ่นวายกันไปหมด ก็รีบหนีออกมาจากทางประตูหลัง อึกใจเดียวก็หนีไปอย่างไกล”
หยู่เหวินฟังแล้วรู้สึกไม่ถูกนัก เลิกคิ้ว “เจ้าหนีออกไปแล้ว?”
“อืม!”
“ในเมื่อเจ้าหนีออกไปได้แล้ว แล้วทำไม่ยังมาปรากฏตัวอยู่ในจวนอีก?” หยู่เหวินเห้าลากเก้าอี้มาหนึ่งตัว อารมณ์เริ่มเย็นลงแล้ว
หยวนชิงหลิงมองเขา “หลังจากที่ข้าหนีออกมาแล้วก็ไปหลบอยู่ในซอยไม่กล้าที่จะออกมา จนกระทั่งเห็นท่านอ๋องพาคนผ่านไป ตอนแรกข้านึกว่าท่านอ๋องไปทำงาน ไม่กล้าเรียกท่าน หลังจากนั้นข้ามาคิดๆแล้วเห็นทิศทางที่ทางอ๋องมุ่งหน้าไปนั้นเป็นทางไปจวนของเจ้าพระยาหุ้ยติ่ง ลังเลอยู่นาน ข้าก็เลยกลับไปแอบดู เห็นนอกจวนมีคนเฝ้าอยู่ ข้าก็เลยไปเข้าประตูหลัง”
“ไม่ถูก!” สวีอีกจ้องมองนางไปแวบหนึ่ง “ข้าเฝ้าอยู่ตรงประตูหลังตลอด พระชายาไม่เคยเข้ามา”
หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “ข้านึกว่าคนที่เฝ้าอยู่เป็นคนของจวนเจ้าพระยา มองไม่ละเอียด อิงแอบอยู่กำแพงไปสักพัก ก็เห็นว่ามีรูหมาอยู่หนึ่งรู………”
ทุกคนเงียบกันไปหมด
พระชายาลอดรูหมา?
หยวนชิงหลิงไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ออกมาจริงๆ “รูหมาเล็กเกินไป ข้าไม่สามารถมุดเข้าไปได้หรอก ก็เลยปีนกำแพงกระโดดเข้าไป”
สวีอีกล่าว “รูหมารูนั้นพระชายาสามารถลอดผ่านได้อยู่ ตอนที่ข้าน้อยไปเดินตรวจสำรวจก็ได้เห็นรูหมานั้นแล้ว”
“ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเจ้าเป็นใบ้!” หยวนชิงหลิงถลึงตาใส่เขา
สวีอีลำบากใจมาก เขาแค่พูดความจริงเท่านั้น
หยู่เหวินเห้ามองเขาอย่างครุ่นคิด “ต่อให้ข้าจะไปจวนเจ้าพระยา แล้วเจ้าจะกลับมาทำไม?”
หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างมีเหตุมีผล “ก็ต้องกลับไปอยู่แล้ว ท่านอ๋องพาคนของกรมการพระนครไป หากหาข้าไม่เจอ เจ้าพระยาหุ้ยติ่งเป็นคนที่ยอมรามือง่ายๆที่ไหนกัน? เกรงว่าคงจะกัดท่านไม่ปล่อยเหมือนหมาบ้า”
“เจ้าเกลียดข้าไม่ใช่หรือ? ข้าถูกหมาบ้ากัด เจ้าน่าจะพอใจไม่ใช่เหรอ?” หยู่เหวินเห้ามองสังเกตนาง ใจที่ไม่รักดีนี้กลับไม่มีความโกรธแล้ว
หยวนชิงหลิงตบที่บ่าของเขา กล่าวอย่างห้าวหาญ “สามีภรรยากัน ท่านตายอยู่ในกำมือข้าไม่เป็นไร หากตายในกำมือคนอื่นมันจะคาใจข้า”
“เจ้าไปตายเถอะ!” หยู่เหวินเห้าโมโหยื่นมือผลักนางไปหนึ่งที
หยวนชิงหลิงไม่ทันตั้งตัวที่เข้าผลักเข้ามา ร่างก็เลยหงายหลัง ท้ายทอยไปกระทบกับราวเตียงอย่างแรง ตาเหลือก แล้วก็สลบไปเลย
“ให้เจ้าแกล้ง!” หยู่เหวินเห้ายกมือตีไปที่ขาของนางหนึ่งที
ไม่มีการตอบสนอง
หยู่เหวินเห้าทำท่าจะพูด แล้วก็ดึงมือนางขึ้นมา “ยังจะแกล้งอีก?”
หยวนชิงหลิงที่ถูกดึงขึ้นมาก็นอนลงอย่างอ่อนปวกเปียก ตายังคงหลับอยู่โดยไม่ขยับ
ทังหยางเบิกตากว้าง อุทานอย่างตกใจ “ไม่ได้แกล้ง แผลปริแล้ว ดูสิ เลือดออกอีกแล้ว”
หยู่เหวินเห้ามองไป ก็เห็นผ่านม่านข้างเตียงเปื้อนไปด้วยเลือด
“ยังอึ้งกันอยู่ทำไม? เรียกหมอมาสิ!” หยู่เหวินเห้าตะคอก นั่งลงอุ้มหยวนชิงหลิงขึ้นมา ยื่นมือไปจับท้ายทอยของนาง มือเปื้อนไปด้วยเลือด
สวีอีวิ่งออกไปอย่างลนลาน
หมอหลวงทำแผลให้หยวนชิงหลิงอีกครั้งอย่างทำอะไรไม่ได้ พูดอย่างไม่รู้จักจบสิ้น “บาดแผลมันอยู่ตรงท้ายทอย เดิมก็สาหัสอยู่แล้ว จำเป็นต้องดูแลดีๆ ทำยังไงถึงบาดเจ็บอีกล่ะ? ถ้าบาดเจ็บอีก พระชายาอาจจะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนนะ”
“พระชายา……..ไม่ระวังกระแทกโดนแผล” สวีอีอธิบายกับหมออย่างละอายใจ
“พระชายาไม่ใช่คนโง่ รู้ว่าตัวเองบาดเจ็บที่ท้ายทอย ยังจะจงใจไปกระทบมันอีกเหรอ?” หมอหลวงทนไม่ไหว้แล้วจริงๆ อยู่ในจวนรักษาอาการของท่านอ๋องมาหลายวัน รู้ว่าท่านอ๋องเอะอะก็มักจะตะคอกใส่พระชายา หยาบคายไร้มารยาท
“หมอหลวงกำลังตำหนิข้ารึ?” หยู่เหวินเห้าถามด้วยสีหน้าที่เย็นชา
หมอหลวงเหลือบมองใบหน้าที่ดุร้ายของหยู่เหวินเห้าไปแวบหนึ่ง ความกล้าหาญของเมื่อครู่ก็หายไปทันที ถือกล่องยาแล้วก็กล่าวว่าไม่กล้าก็จากไปอย่างหงอยๆ