“นังเด็กเลว ยายของเธอก็ตายไปแล้ว ยังคิดจะขอเงินจากพวกเราอีกเหรอ”
เฉินเหม่ยเจวียนยื่นมือออกไปผลักเฉินฮวนฮวน เธอเค้นเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะพูดกับเฉินเจี้ยนหมินว่า “เจี้ยนหมินคะ ฉันบอกแล้วว่า ลูกสาวของคุณเป็นหนอนดูดเลือด เธอกับยายของเธอคนนั้นอาศัยอยู่ที่บ้านของเรา จะกินดื่มอึฉี่ก็อยู่ในบ้านเราทุกอย่าง ป่วยก็ให้เราจ่ายเงิน ตายไปแล้วยังจะให้เราจ่ายเงินอีกเหรอ!”
“ฉันไปกินดื่มอึฉี่ในบ้านของพวกเธอ?” ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนขาวซีด ทว่ารอยยิ้มเย้าหยอกกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“เฉินเหม่ยเจวียน คฤหาสน์หลังนี้แม่ของฉันซื้อไว้นะ ทำไมฉันกับคุณยายจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ตั้งแต่เธอพาเฉินซินโหรวเข้ามา เฉินซิวโหรวก็แย่งห้องของฉันไป ส่วนเธอก็เอาห้องของคุณยายฉันเปลี่ยนเป็นห้องเก็บเสื้อผ้า ทำให้ฉันกับคุณยายต้องอยู่ห้องแม่บ้านแคบๆ นั่น!”
“พวกเธอไม่ยอมให้ฉันกับคุณยายกินกับข้าวที่แม่บ้านทำ ยอมให้พวกเราซื้อของมาทำกับข้าวกินเองเท่านั้น ถือโอกาสตอนคุณพ่อไม่อยู่ พวกเธอก็มาแย่งเงินคุณยาย บอกว่าต้องจ่ายค่าน้ำไฟ!
“พอแล้ว!”
ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังฟ้องอยู่นั้น เฉินเจี้ยนหมินก็ตะเบ็งเสียงขึ้นขัดจังหวะเธอ
“ฮวนฮวน ตอนนี้บริษัทกำลังลำบาก คนของธนาคารก็ทวงหนี้ทุกวัน พ่อเคยบอกลูกไปหมดแล้วนี่!” เฉินเจี้ยนหมินถอนหายใจอย่างจนปัญญา และกล่าวต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้น คุณน้าดูแลตระกูลเฉินมาเป็นสิบปีแล้ว มันไม่ง่ายสำหรับเธอเลยนะ”
“พ่อคะ หนูรู้ว่าตอนนี้เฉินซื่อกรุ๊ปกำลังลำบาก แต่ยังไงพ่อก็มีเงินแสนหยวนอยู่แล้วนี่ เสื้อผ้าของเฉินซินโหรวชุดหนึ่งก็หลายหมื่น สกินแคร์ชุดหนึ่งของเฉินเหม่ยเจวียนก็ราคาเป็นหมื่นแล้ว แม้แต่เงินแสนหยวน พ่อก็จ่ายไม่ได้เลยเหรอ” เฉินฮวนฮวนแผดเสียงใส่ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ
เธอรู้ว่า เฉินเจี้ยนหมินมักจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่แม่ลูกเฉินเหม่ยคู่นี้ทำ แต่เมื่อคิดว่าเขาคือพ่อของเธอ เธอก็พยายามคิดถึงเขาในด้านที่ดีเสมอ
ทว่าตอนนี้ เธอทนไม่ไหวแล้วจริงๆ คุณยายจากไปแล้ว แม้แต่เงินทำสุสานหนึ่งแสนหยวน ทำไมถึงให้เธอไม่ได้
นี่พ่อของเธอจริงๆ เหรอ ไม่ใช่ นี่มันปีศาจ!
“ฮวนฮวน! ทำไมลูกพูดกับพ่อแบบนี้ ถ้าพ่อให้ได้ ทำไมจะไม่ให้ลูกล่ะ” เฉินเจี้ยนหมินกล่าวราวกับตัวเองมีเหตุผลเต็มที จนกระทั่งเขาโมโหขึ้นมา
เฉินฮวนฮวนรู้ว่า เธอไม่มีทางได้เงินแล้ว
วันนี้เธอคร้านจะทะเลาะกับพวกเขา และเธอไม่อยากทะเลาะแล้วด้วย เวลานี้เธอต้องหาวิธีฝังศพคุณยายของเธอก่อน
เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เธอหันกลับไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง และเดินไปห้องแม่บ้านที่อยู่ด้านในสุดของชั้นหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มเก็บสัมภาระ
แม้ว่าเธอต้องหิวตายข้างถนน เธอก็ไม่คิดจะอยู่บ้านหลังนี้อีกต่อไป
เธอและคุณยายแทบไม่มีสัมภาระอะไรเลย ไม่นานเธอก็เก็บเสร็จ สุดท้ายเธอก็นำโกศวางลงในกระเป๋าเดินทาง จากนั้นก็ปิดฝากระเป๋า
ขณะที่เธอลากกระเป๋าเดินทางออกไป เธอกลับเห็นคนแปลกหน้าหลายคนในห้องรับแขก
“มานี่สิ ฮวนฮวน รีบเข้ามา” ใบหน้ายิ้มแย้มของเฉินเจี้ยนหมินยิ้มให้เฉินฮวนฮวน
เฉินฮวนฮวนมองเขาอย่างระแวดระวัง แล้วมองคนแปลกหน้าเหล่านั้นอีกครั้ง จู่ๆ เธอก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
คนเหล่านี้คือใครกัน ทำไมเฉินเจี้ยนหมินอยากให้เธอเข้าไป
เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนไม่ยอมมา เฉินเจี้ยนหมินจึงลุกจากโซฟาเดินไปหาเฉินฮวนฮวนเองเสียเลย ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างหูของเธอ “นี่คือคนที่มาสู่ขอจากตระกูลเฟิง”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับหนูล่ะ” เฉินฮวนฮวนขมวดคิ้วเข้าหากัน และตัดสินใจเดินออกไป
เฉินเจี้ยนหมินรีบดึงมือของเธอไว้ และกล่าวว่า “แค่ลูกตอบรับการสู่ขอจากตระกูลเฟิง แต่งงานเข้าตระกูลเฟิง ไม่ว่าจะเงินแสนหยวนหรือเท่าไรก็ตาม พ่อก็ยอมให้ลูกทั้งนั้น”
“พ่อบ้าไปแล้วเหรอคะ ตระกูลเฟิงอะไร หนูไม่รู้จัก!” ขณะที่เฉินฮวนฮวนกำลังโมโห เธอก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
“คุณเฉิน นี่ลูกสาวของคุณใช่ไหมครับ” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขา เขาโค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าตระกูลเฉินไม่ยินยอม ผมก็จะกลับไปบอกนายท่านว่าพวกคุณปฏิเสธ”