เมื่อได้ยินเสียงหลานเสี่ยวถางที่ร้องเรียกออกมาเบาๆโดยไม่รู้ตัว ชั่วขณะผู้หญิงคนนั้นก็น้ำตาไหลรินออกมา
เธอมองใบหน้าของหลานเสี่ยวถาง ความอาลัยอาวรณ์ในใจก็พรั่งพรูขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ
เธอพยายามยื่นมือออกไป จนในที่สุดก็ถึงเตียงผู้ป่วยข้างๆ จากนั้นก็ค่อยๆไปจับแขนของหลานเสี่ยวถางไว้
เพราะบนร่างกายมีบาดแผล ฉะนั้นเมื่อเธอเคลื่อนไหว บาดแผลก็ถูกกระทบกระเทือนจนเจ็บปวดขึ้นมาทันที แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้สึกอะไร จนกระทั่งไปจับหลานเสี่ยวถางไว้แน่น เธอจึงโล่งอก
ในสภาวะที่หมดสติ หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่ามีคนกำลังดึงเธออยู่ เธอเดินตามไปโดยสัญชาตญาณ แล้วก็สัมผัสได้ถึงมือที่ข้างหนึ่งนุ่มนวล
ในภวังค์เหมือนว่าเธอจะเห็นตัวเองในวัยเด็ก ที่ยืนใจลอยอยู่หน้าประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในทุกๆเช้า
แต่สถานการณ์ในครั้งนี้แตกต่างออกไป
ท่ามกลางแสงทองยามเช้า เธอเห็นคนคนหนึ่งค่อยๆเดินเข้ามาที่เธอ เธอมองหน้าตาได้ไม่ชัดเจน แต่รู้สึกได้ว่า นั่นคือแม่ของเธอ
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง มองไปยังผู้หญิงคนนั้นที่เดินเข้ามา ลังเลเล็กน้อย แล้วก็โผเข้าไปหาเธอ
เธออุ้มหลานเสี่ยวถางขึ้นมา แล้วเรียกเธอว่า’ถางถาง’
ในขณะนั้นเอง ก็มีแสงแดดสาดส่องผ่านเมฆหมอกเข้ามา หลานเสี่ยวถางก็เห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน ผู้หญิงคนนั้นคล้ายคลึงกับเธออย่างมาก!
เดี๋ยวนะ เธอรู้ได้อย่างไรว่าใบหน้าตอนโตของตนเองเป็นอย่างไร?
หลานเสี่ยวถางที่อยู่ในความสับสนเลือนรางจึงค่อยๆรู้สึกตัว แล้วลืมตาขึ้นมาทันที
ในดวงตาของเธอ เป็นภาพห้องสีขาว มีขวดน้ำเกลือห้อยอยู่เหนือศีรษะของเธอ ที่มือข้างซ้ายมีเข็มติดอยู่บนหลังมือ
หลานเสี่ยวถางกะพริบตาอย่างงุนงง จากนั้นจึงนึกถึงเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างก่อนที่จะหมดสติไป
ความรู้สึกรอบๆตัวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอรู้สึกว่ามือขวาของตนเองถูกจับเอาไว้แน่น!
หลานเสี่ยวถางหันไปมองทันที แล้วก็พบกับสายตาที่อบอุ่นคู่นั้น
ผู้หญิงคนนั้นกำลังมองเธออยู่ มีน้ำใสๆอยู่ใต้ดวงตา มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน และมือของเธอกำลังจับหลานเสี่ยวถางเอาไว้แน่น!
หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นเร็วขึ้น เธอไม่กล้าเปล่งเสียงออกมา เพราะกลัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้จะมลายหายไป
หรือพูดได้ว่า เมื่อเธอเห็นผู้หญิงคนนี้ ก็รู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้านี้น่าจะเป็นแม่ของเธอ!
ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะยังดูสาวอยู่ แต่ริ้วรอยระหว่างหน้าผากก็พอจะมองออกว่า ความแตกต่างระหว่างอายุของพวกเธออย่างน้อยก็น่าจะสิบกว่าปี!
ริมฝีปากของหลานเสี่ยวถางขยับเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแม่ของตนเองหรือเปล่า แล้วก็ยิ่งไม่รู้ว่า ถ้าเป็นแม่จริงๆ เธอจะเผชิญหน้ากับเธออย่างไร
ในตอนแรกเธอก็คาดหวังอยากจะเจอพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเอง แต่ตอนนี้ในใจกลับประหม่าอย่างมาก
อีกทั้งใจเธอก็มีความขุ่นเคืองเล็กน้อย นั่นก็คือ ในตอนนั้นทำไมพวกเขาจึงไม่ต้องการเธอ? เธอยังเป็นเด็กทารก ก็ถูกทิ้งไว้ที่หน้าประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วพวกเขาก็หายไปเป็นเวลายี่สิบกว่าปี!
“คุณ ดีขึ้นแล้วเหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นเห็นหลานเสี่ยวถางไม่พูดจา จึงเริ่มพูดขึ้นก่อน
น้ำเสียงของเธอถึงแม้ว่าจะแหบพร่าเล็กน้อย แต่หลานเสี่ยวถางก็ยังคงฟังออกว่า นี่คือเสียงของผู้หญิงบนรถในวันนั้น!
หัวใจของเธอเต้นผิดปกติเล็กน้อย แปลกใจ น้อยใจ จนกระทั่งโกรธมันท่วมท้นเอ่อล้นขึ้นมา!
เดิมทีผู้หญิงคนนี้เคยเจอเธอมาก่อนแล้ว! ก่อนหน้านี้เห็นเธอถูกรังแกจึงช่วยเธอไว้! แต่ในตอนนั้นเธอคงกลัวว่าตนเองจะเห็นรูปร่างหน้าตาของเธอ เลยจงใจปกปิดเอาไว้
หรือว่าที่ผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้ เพราะรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเธอมาก่อนแล้ว แต่ไม่อยากยอมรับ จึงวางแผนที่จะทอดทิ้งเธอเป็นครั้งที่สองใช่ไหม?!
หลานเสี่ยวถางนึกถึงตรงนี้ แล้วก็นึกถึงตนเองที่รอคอยมานานหลายปี ความน้อยใจและความเสียใจก็ทวีความรุนแรงขึ้น เธอกัดริมฝีปากแน่น แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
ผู้หญิงคนนั้นเห็นหลานเสี่ยวถางที่จู่ๆร้องไห้ออกมา ก็ตระหนกตกใจ รีบพูดว่า : “มีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า? ฉันจะรีบไปเรียกหมอให้!”
ดูสิ เธอเป็นห่วงเป็นใยเธอ! คนคนหนึ่งจะไม่สามารถห่วงใยอีกคนคนหนึ่งอย่างไร้เหตุผลได้ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอคือ……
หลานเสี่ยวถางยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ เธอออกแรงดึงมือของตนเองออกมาจากมือของผู้หญิงคนนั้น ราวกับว่าโกรธแค้น แล้วตัดสินใจเพิกเฉยต่อเธอ
เวลานี้เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นกดกริ่งเรียก ฉะนั้นพยาบาลจึงเข้ามา
เธอกล่าวกับพยาบาลว่า : “ตรวจดูหน่อยสิว่าคุณผู้หญิงท่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง? เธอดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสบายนะ”
นางพยาบาลพยักหน้า แล้วเดินไปข้างๆหลานเสี่ยวถาง ก้มมองที่หลังมือเธอ เห็นว่าสายน้ำเกลือก็ปกติดี จึงพูดว่า : “คุณผู้หญิง คุณไม่สบายตรงไหนเหรอคะ? เราจะช่วยวัดอัตราการเต้นหัวใจของคุณให้เอาไหม?”
ความขุ่นเคืองในใจของหลานเสี่ยวถางถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที เธอจึงเกรี้ยวกราดใส่พยาบาล : “ฉันไม่สบายทางจิตใจ แต่พวกคุณไม่สามารถตรวจวัดค่าได้หรอกนะ!”
นางพยาบาลตกตะลึง
หลานเสี่ยวถางมองไปยังหลังมือของตนเอง เธอลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากให้เลือดไปจำนวนมาก จึงหน้ามืดเล็กน้อย ร่างกายค่อนข้างอ่อนเพลีย เพียงแต่ เธอยังพยายามนั่งให้มั่นคง แล้วกล่าวกับคนทั้งสองในห้องผู้ป่วยว่า: “ฉันไม่เป็นอะไร ฉันต้องกลับบ้านแล้ว!”
พูดพลาง จะดึงหัวเข็มออก
ผู้หญิงคนนั้นเห็นเช่นนี้ ก็เป็นกังวลจนต้องลุกขึ้นมา: “เสี่ยวถาง!”
เพียงเธอขยับ ด้วยความเกี่ยวข้องกับบาดแผล จึงรู้สึกเจ็บปวดจนต้องสูดลมหายใจเข้า
“คุณผู้หญิง ระวังค่ะ บาดแผลของคุณไม่สามารถขยับตัวมากได้!” พยาบาลมองออกว่าคนทั้งสองในห้องผู้ป่วยคล้ายกับโกรธเคืองกันอยู่ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงกุมมือหลานเสี่ยวถางเอาไว้แล้วกล่าวว่า: “คุณผู้หญิง คุณจำเป็นต้องให้น้ำเกลือให้เสร็จก่อนนะคะ คุณพักอีกสักครู่นะ! ฉันจะไปสั่งอาหารเย็นมาให้คุณ!”
พยาบาลพูดแล้ว ก็รีบออกไป เหลือห้องว่างไว้ให้หลานเสี่ยวถางได้อยู่สองคน
หลานเสี่ยวถางยังคงนั่งตัวตรงอยู่บนเตียง โดยที่หันหลังให้ผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นมองมายังเธอ ขยับริมฝีปากเล็กน้อย: “เสี่ยวถาง?”
หลานเสี่ยวถางถูกเสียงเรียกนี้กระตุ้นทำให้อารมณ์ทั้งหมดคล้ายกับถูกจุดไฟ เธอหันหน้ากลับอย่างรวดเร็ว: “คุณรู้มาก่อนแล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร? ดังนั้น วันนั้นคุณจึงช่วยชีวิตฉันจากข้างนอก แล้วก็ให้นามบัตรฉัน!”
ผู้หญิงคนนั้นตัวแข็งทื่อ พยักหน้า: “ใช่ ฉันรู้จักคุณมานานแล้ว”
หลานเสี่ยวถางเห็นผู้หญิงคนนั้นพูดประโยคนี้ออกมาอย่างสงบนิ่งแบบนั้น ในทันใดน้ำตาของเธอก็ไหลริน: “ในเมื่อคุณรู้มานานแล้ว ทำไมถึงไม่มาหาฉันต่อหน้า ทำไมต้องหลบๆซ่อนๆด้วย? เพราะว่าฉันไม่ได้มีชื่อเสียงใช่ไหม? หรือการมีอยู่ของฉัน มันทำให้คุณต้องเดือดร้อนอย่างมาก?!”
ผู้หญิงคนนั้นมองไปยังใบหน้าที่ฮึกเหิมของหลานเสี่ยวถาง เธอส่ายหน้า: “ไม่ ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ……”
หลานเสี่ยวถางหัวเราะเยาะ: “ดังนั้น วันนั้นที่ฉันอยู่ในรถแล้วเรียกคุณว่าพี่สาว คุณยังบอกว่าไม่ควรเรียกคุณแบบนั้น! ที่แท้ สาเหตุของเรื่องก็เป็นแบบนี้เอง! ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้พบเจอ คุณก็คงคิดที่จะปิดบังไปชั่วชีวิตใช่ไหม?!”
ในทันใดผู้หญิงคนนั้นก็เข้าใจความหมายของหลานเสี่ยวถาง เธอจึงรีบโบกไม้โบกมือ: “เสี่ยวถาง ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด อันที่จริงครั้งแรกที่ฉันได้เห็นคุณ ก็เคยสงสัยแล้วว่า คุณคือลูกสาวของฉัน…..”
‘ลูกสาวของฉัน’คำสี่คำนี้ ทำให้หลานเสี่ยวถางเหมือนกับถูกแช่แข็ง กระทั่งลืมร้องไห้ไปเลย
ภายในห้องเงียบสงบลงชั่วขณะ
ผู้หญิงคนนั้นกล่าวต่อไปว่า: “ดังนั้น ฉันจึงแอบให้คนไปเอาตัวอย่างเส้นผมของคุณมา และส่งไปตรวจวินิจฉัยกับของฉัน แต่ว่าผลการตรวจสอบแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด!”
หลานเสี่ยวถางเบิกตาโพลงในทันที เธอส่ายหน้า กล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า: “เป็นไปได้อย่างไร?!”
“ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มเจื่อนๆแล้วกล่าวว่า: “โดยเฉพาะ กรุ๊ปเลือดของคุณกับฉันเหมือนกัน ตอนที่ให้เลือดกับฉัน ฉันยิ่งรู้สึกว่า ระหว่างพวกเรา เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน!”
หลานเสี่ยวถางเหมือนกับจะรู้ว่าตนเองเข้าใจเธอผิด เธอเช็ดน้ำตา มองไปยังผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
“เสี่ยวถาง พวกเราไปทำการตรวจกันอีกครั้งนะ” ผู้หญิงคนนั้นคิดใคร่ครวญอยู่ชั่วขณะ: “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร พวกเราก็เคยช่วยชีวิตกันมาครั้งหนึ่ง มันก็เป็นโชคชะตาที่ลึกซึ้งแล้ว บังเอิญฉันก็ตามหาลูกสาวที่หายสาบสูญไปหลายปีมาโดยตลอด ฉันดูข้อมูลของคุณแล้ว คุณไม่มีพ่อแม่ ถ้าคุณยินดีละก็…….”
คำพูดสุดท้าย เธอไม่ได้พูดต่อ เพียงแต่ หลานเสี่ยวถางเข้าใจความหมายของเธอ
เธอคล้ายกับรู้สึกว่าในความมืดมนมีมือคู่หนึ่ง กำลังชี้บอกทางให้เธอ ความฝันนั้นที่ทำให้เธอร้องไห้ซ้ำๆตอนนอนหลับมาหลายปี เหมือนกับว่าในที่สุดจะมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการแก้ไข!
เธอพยักหน้า
ผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าเธอเห็นด้วย ในดวงตาก็ยิ้มอย่างปล่อยวาง เธอยกมือขึ้นมา ยื่นไปยังเสี่ยวถางแล้วกล่าวว่า: “เสี่ยวถาง ให้ฉันได้รู้สึกอีกสักครั้ง”
หลานเสี่ยวถางลังเลใจอยู่ชั่วขณะ แล้วจึงค่อยๆยื่นมือของตนเองมาวางในมือของผู้หญิงคนนั้น
เวลานี้ ท้องฟ้าด้านนอกค่อยๆมืดลงแล้ว แต่ภายในห้องเหมือนกับสว่างไสวขึ้นมาในชั่วพริบตา
คนทั้งสองไม่ได้พูดจา จับมือกันอยู่แบบนั้น มุมปากของหลานเสี่ยวถางค่อยๆยกยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข
ผ่านไปเป็นเวลานาน จู่ๆเธอก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงกล่าวกับผู้หญิงคนนั้นว่า: “ชื่อของคุณ คือเหยาเหยาใช่ไหมคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นมองหลานเสี่ยวถางอย่างตกตะลึง: “คุณรู้ได้อย่างไร?”
นี่คือชื่อเล่นของเธอ อันที่จริงหลังจากโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอก็แทบจะไม่ได้ใช้เลย
หลานเสี่ยวถางดึงมือของตนเองออกมา ล้วงไปในกระเป๋าที่อยู่ข้างกาย ดึงถุงเล็กๆออกมาใบหนึ่ง เธอเปิดถุงออก แล้วหยิบต่างหูมรกตคู่หนึ่งออกมา
เหยาเหยามองไปยังต่างหู คนก็ดูเหมือนจะตกตะลึง ริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย มองไปยังแววตาของหลานเสี่ยวถาง ก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
“มีครั้งหนึ่ง ฉันไปเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง มีคุณยายคนหนึ่งเห็นฉัน แล้วบอกว่าฉันรูปร่างหน้าตาเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นที่เคยมาอาศัยอยู่ที่บ้านของเธอเมื่อยี่สิบปีก่อน ผู้หญิงคนนั้นชื่อเหยาเหยา เธอได้ให้ต่างหูมรกตคู่หนึ่งกับพวกเขา” หลานเสี่ยวถางกล่าว: “ฉันหาพ่อแม่ของตนเองไม่เจอมาโดยตลอด ได้ฟังคำพูดของเธอ จึงคิดว่าไม่แน่ผู้หญิงในเรื่องเล่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับฉัน ดังนั้นจึงได้ขอซื้อต่างหูต่อ”
ผู้หญิงคนนั้นรับต่างหูจากในฝ่ามือของหลานเสี่ยวถาง นิ้วมือของเธอสั่นเล็กน้อย เมื่อลูบคลำต่างหูมรกตที่เย็นเฉียบ ก็รู้สึกว่าเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต ปรากฏขึ้นในสมองทีละน้อยๆอย่างเลือนราง
เธอกล่าวกับหลานเสี่ยวถางว่า: “ใช่แล้ว ฉันคือเหยาเหยาในเรื่องเล่าของเธอ ตอนนั้นที่ฉันตั้งท้องได้พักอยู่ที่บ้านของเธอ แต่ต่อมาพบว่าพ่อของฉันกำลังตามหาฉัน ดังนั้น จึงจำใจที่จะต้องจากไปอีกครั้ง”
หวนรำลึกถึงเรื่องราวในอดีต เธอก็ทอดถอนใจเบาๆ: “พ่อของฉันต่อต้านฉันและสามีของฉัน ดังนั้น ตั้งแต่รู้ว่าฉันตั้งท้อง ก็ออกมาจากบ้าน……ต่อมา ฉันคลอดแล้ว เห็นคนของพ่อได้เข้ามาที่ตำบลเล็กๆของฉัน ไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงวางลูกที่เพิ่งเกิดไว้ที่หน้าประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้ววางแผนว่าหลังจากฉันหนีออกมาได้แล้ว ค่อยกลับไปรับเธออีกที แต่คาดไม่ถึงว่า ฉันจะไม่สามารถหนีออกมาได้ แล้วยังถูกพ่อพาตัวกลับไปอีกด้วย และลูกของฉัน เมื่อตอนที่ฉันมีความสามารถที่จะกลับไปหาเธอได้ แต่กลับตรวจสอบพบว่าไฟไหม้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอไม่อยู่แล้ว…….”