บทที่ 141 จู่ๆก็อยากเรียกเธอว่า ถางถาง

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

เมื่อเห็นสือเพ่ยหลินออกไปแล้ว สือมูเฉินจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง : “เสี่ยวถาง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอะไรขึ้น คุณรอฟังข่าวฉันอยู่ที่คฤหาสน์นะ”

หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “โอเค คุณก็ต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยด้วยนะ”

และโจวเหวินซิ่วที่นอนหลับอยู่ชั้นสอง ได้ยินการเคลื่อนไหวจึงตามออกมา แต่สือมูเฉินก็ออกไปแล้ว

หลานเสี่ยวถางเห็นเธอลงมา ก็รู้สึกไม่สบายใจ แทบจะเป็นสัญชาตญาณ เธอหันไปข้างๆเพื่อหลบเลี่ยงสายตาของโจวเหวินซิ่ว

เธอไม่อยากอยู่ตามลำพังกับเธอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนอย่างวันนี้

ดังนั้นหลานเสี่ยวถางจึงโทรศัพท์ ให้คนที่รักษาความปลอดภัยในคฤหาสน์ช่วยเรียกรถให้เธอ แล้วก็ออกจากบ้านไป

หลานเสี่ยวถางค่อนข้างไร้จุดหมาย ถึงอย่างไรเธอไม่คิดจะไปหาสือเพ่ยหลิน แล้วก็ไม่สามารถไปหาหลานเล่อซินได้

เพียงแต่เมืองทางตอนใต้ของฟลอริดานี้ เธอยังไม่เคยไปเที่ยวชมเลยจริงๆ

ดังนั้นเธอเลยถือโอกาสให้คนขับรถไปส่งเธอที่สะพานข้ามทะเล หลังจากลงจากรถก็ส่งข้อความไปให้สือมูเฉิน แล้วก็ไปเดินเล่นริมสะพาน

วันนี้แดดไม่แรงมาก ลมทะเลพัดมามีความชื้นเล็กน้อย หลานเสี่ยวถางเปิดเพลงในมือถือ เดินเล่นไปด้วยฟังเพลงไปด้วย

เนื่องจากไม่ใช่วันหยุด อีกทั้งเวลานี้เป็นเวลาทำงาน ฉะนั้นทั้งสองข้างของสะพานจึงมีรถไม่มาก

แต่เวลานี้ก็เกิดเสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นจากไกลๆ ดูเหมือนว่าจะดังมาจากเหนือศีรษะ

หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นมองโดยจิตใต้สำนึก

เห็นรถเก๋งสีบลอนด์คันหนึ่งพุ่งชนรั้วกั้นข้างๆ จากนั้นก็ลอยข้ามสะพานแล้วก็ตกลงมาจากกลางอากาศ!

แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปไกล แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หลานเสี่ยวถางเห็นฉากอย่างนี้ เธอตกใจจนรีบวิ่งถอยหลังไปโดยสัญชาตญาณ

และเมื่อรถคันนั้นตกลงมาที่พื้น บังเอิญไปกระแทกเข้ากับรถออฟโรดสีดำคันหนึ่ง เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น

รถทั้งสองคันที่อยู่บนพื้น เพราะแรงเฉื่อย ยังคงพุ่งไปข้างหน้าระยะหนึ่งจึงได้หยุดลง ท่ามกลางความวุ่นวายโกลาหล รถได้เสียรูปไปจนแทบจะจำรูปร่างเดิมไม่ได้

ในภาพเหมือนภาพยนตร์เรื่อง 《Fast&Furious》เลย หลานเสี่ยวถางมองรถสองคันนั้นที่ซ้อนทับกันอยู่ ก็รู้สึกกระวนกระวายใจจนพูดไม่ออก

ชนกันอย่างรุนแรงขนาดนี้ ถึงแม้จะเป็นรถหรู คาดว่าคนข้างในก็อาจจะไม่รอด

หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ จึงพบว่าบริเวณโดยรอบไม่มีคนเดินอยู่เลย และเวลานี้รถที่ผ่านไปผ่านมา ก็เหมือนจะขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดิมทีไม่มีใครจอดรถเพื่อช่วยเหลือเลย!

ลังเลใจอยู่สองวินาที หลานเสี่ยวถางก็รีบวิ่งเข้าไป

วิ่งไปด้วย โทรเรียกกู้ภัยไปด้วย

โทรศัพท์ถูกรับสายอย่างรวดเร็ว หลานเสี่ยวถางรายงานที่อยู่แล้ว จากนั้นก็วิ่งมายังรถที่ชนกัน

เมื่อเธอหยุดฝีเท้าลง จู่ๆก็เห็นว่าข้างในรถออฟโรดสีดำที่อยู่ด้านล่าง มีมือเปื้อนเลือดข้างหนึ่งยื่นออกมา!

เธอตกใจจนพูดอะไรไม่ออก รีบวิ่งเข้าไปแล้วพูดว่า : “เอาล่ะ ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะหาทางช่วยเหลือคุณเดี๋ยวนี้!”

พูดจบเธอก็พยายามระงับความกลัวและความประหม่าต่อเลือดที่แดงฉานนั้น แล้วยื่นมือไปดึงประตู

แต่รถเปลี่ยนรูปร่างไปแล้ว จะเปิดออกได้อย่างไรกัน?!

สายตาของหลานเสี่ยวถางก็กวาดไปเห็นหน้าต่างรถ

กระจกหน้าต่างรถแตกละเอียด ดูเหมือนว่าจะสามารถตีให้ทะลุได้

เธอรีบปลอบขวัญคนข้างใน : “คุณไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะทุบหน้าต่างรถออกเพื่อช่วยคุณเดี๋ยวนี้!”

พูดจบเธอมองซ้ายมองขวา พบว่าไม่มีเครื่องมืออะไรเลย จึงถอดรองเท้าของตนเองออกมา จากนั้นก็ยกรองเท้าหนังขึ้นแล้วออกแรงทุบไปที่กระจก

เดิมทีกระจกแตกละเอียดจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่เพราะมีฟิล์มติดอยู่ จึงยังสามารถอยู่บนตัวรถได้

เมื่อถูกหลานเสี่ยวถางทุบแบบนี้ ชั่วขณะก็แตกออกเป็นรูโหว่ เธอทุบตามช่องทางไปเรื่อยๆ จนในที่สุดกระจกก็แตกออกจนหมด

“คุณปีนออกมาไหวไหม?” หลานเสี่ยวถางเห็นว่าคนในรถออฟโรดมีอยู่แค่คนเดียว ร่างกายของเธอติดอยู่ระหว่างถุงลมนิรภัยและที่นั่งคนขับ เนื่องจากด้านหน้ารถผิดรูปไป ดูเหมือนว่าเธอจะออกมาลำบาก

คนด้านในได้ยินเสียงของหลานเสี่ยวถาง ก็ออกแรงหันหน้ามา

เมื่อหลานเสี่ยวถางเห็นใบหน้าของเธอ รูม่านตาก็ขยายกว้างขึ้น ทั้งตัวราวกับถูกแช่แข็ง ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ แม้แต่จะพูดก็พูดไม่ออก

หัวของผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนว่าจะถูกกระแทกจนเกิดบาดแผล บนแก้มมีเลือดไหลอาบ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดเค้าโครงใบหน้าเดิมไว้ได้เลย

หลานเสี่ยวถางเห็นว่าหน้าตาของเธอมีส่วนคล้ายคลึงกับตนเองมาก เพียงแต่ดูมีอายุมากกว่าก็เท่านั้น

หน้าอกของเธอแปรปรวนขึ้นมา มองไปยังผู้หญิงในรถที่เต็มไปด้วยเลือด ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา

ดูเหมือนว่าเธอก็มองเห็นหลานเสี่ยวทางอย่างชัดเจน จึงยิ้มเบาๆให้เธอ

แต่เวลานี้เธอก็ได้กลิ่นน้ำมันเบนซินที่รุนแรงมาก นอกจากนี้ยังมีเสียงน้ำมันหยดจากถังน้ำมันที่ชำรุดของรถด้านบนศีรษะคันนั้นด้วย!

หลานเสี่ยวถางจึงได้สติแล้วรีบพูดกับเธอว่า : “คุณไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะช่วยคุณออกมาเอง!”

พูดจบเธอก็ไม่ได้สนใจเลยว่าตนเองนั้นเป็นคนกลัวเลือด รีบปีนเข้าไปทางหน้าต่างรถคันนั้น

เธอตรวจสอบร่างกายของผู้หญิงคนนั้นอย่างตื่นตระหนก แล้วจึงพบว่า ต้นขาของเธอถูกหนีบติดอยู่ บนขามีบาดแผลจึงขยับเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก

“ไม่ต้องกลัว ฉันจะคิดหาวิธีให้!” หลานเสี่ยวถางพูดจบ ก็เอื้อมมือไปดึงเบาะที่นั่งของผู้หญิงคนนั้น

เบาะนั่งเป็นเบาะไฟฟ้า เนื่องจากว่ารถเกิดความเสียหาย จึงขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ตามเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสี่ยวถางก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ลมหายใจของผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับยิ่งอ่อนลง ไม่มีวิธีที่จะช่วยเหลือได้

หัวใจของเธอสับสนวุ่นวาย จึงถอดเสื้อเชิ้ตของตนเองออก จากนั้นใช้ฟันกัดฉีกแขนเสื้อออก แล้วพันบาดแผลที่ขาของผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ เพื่อห้ามเลือด

ต่อจากนั้น เธอเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นจะออกมาจากที่นั่งคนขับคงลำบากเกินไป ด้วยเหตุนี้ จึงทุบกระจกที่นั่งคนขับ แล้วออกแรงดึงร่างของผู้หญิงคนนั้นออกมาจากตำแหน่งที่นั่ง

เธอก็ไม่รู้ว่าตนเองเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอออกแรงนำผู้หญิงคนนั้นออกมาจากรถก่อน จากนั้น ตนเองจึงปีนตามออกมา

เมื่อตกลงบนพื้น หลานเสี่ยวถางก็ได้ยินรถตำรวจมาจากไกลๆ ทันใดหัวใจของเธอก็ผ่อนคลายลง จึงหันไปมองใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง

สายตาของเธอจ้องเขม็งไปบนใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น รู้สึกเพียงว่าร่างกายและจิตใจสั่นไปหมด

แต่ในเวลานี้ ทันใดเสียงหวูดของรถตำรวจก็เข้ามาใกล้พวกเธอ จากนั้น ก็มีคำพูดภาษาอังกฤษสไตล์อเมริกันตามมาตรฐานดังขึ้น: “ระวัง รีบออกมา จะระเบิดแล้ว!”

หลานเสี่ยวถางตกใจ กำลังจะวิ่งออกไป ในทันใดก็คิดอะไรขึ้นได้

เธอพุ่งไปยังผู้หญิงคนนั้น จากนั้นก็โน้มตัวลงไปดึงแขนของเธอขึ้นมา พาดที่ไหล่ของตนเอง จากนั้น ก็ออกแรงแบกเธอออกมาจากสถานที่เกิดเหตุ

เพราะแบกคนอยู่ บวกกับผู้หญิงคนนั้นมีท่าทีกึ่งหมดสติ ดังนั้น ความรวดเร็วของหลานเสี่ยวถางจึงค่อนข้างช้าลง

เมื่อพวกเขาวิ่งออกมาได้สองสามก้าว ก็มีตำรวจพุ่งเข้ามา คว้าคนทั้งสอง ออกไปจากเขตอันตรายอย่างรวดเร็ว

“ตูม!” เสียงดังสนั่นมาจากด้านหลัง ด้วยพลังความร้อนและแรงผลักที่รุนแรง หลานเสี่ยวถางจึงยืนได้ไม่มั่นคง ล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับผู้หญิงคนนั้น

เธอหันหน้ากลับไปมอง ในดวงตาคือแสงเพลิงที่ลุกโชน

แต่ข้างๆกาย จู่ๆก็มีเสียงอันแผ่วเบาดังเข้ามาในหู เธอได้ยินไม่ค่อยชัดเจนนัก

ได้ยินเพียงเสียงผู้หญิงที่อ่อนโยนดังขึ้นมา ประหนึ่งเสียงร้องเรียกของแม่: “ถางถาง”

หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะหันหน้ากลับไป แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆได้สลบไปแล้ว

รถพยาบาลมาถึง ก็หามผู้หญิงคนนั้นขึ้นไปทันที แต่ทางด้านตำรวจหยิบอุปกรณ์การดับเพลิง ไปยังรถที่เกิดอุบัติเหตุสองคันนั้น เพื่อไปตรวจสอบดูว่ายังมีผู้รอดชีวิตอยู่ในนั้นอีกหรือไม่

ในรถพยาบาล คุณหมอทำการเย็บแผลเพื่อห้ามเลือดให้ผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่สังเกตอาการผู้หญิงคนนั้นไปพลาง ผู้ช่วยก็กล่าวไปพลางว่า: “จำเป็นต้องให้เลือด”

“โอเค” ผู้ช่วยตรวจกรุ๊ปเลือดของผู้หญิงคนนั้น แล้วกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า: “ผู้บาดเจ็บกรุ๊ปAB ในรถของพวกเราไม่มีทำอย่างไรดี?”

คุณหมอส่ายหน้า: “ปริมาณเลือดของผู้ป่วยลดต่ำลงกว่าเส้นเตือนมาก หากเลือดที่ต้องให้ไม่มีล่ะก็ ต้องใช้กรุ๊ปOแทน!”

“ฉันกรุ๊ปAB!” หลานเสี่ยวถางลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว: “ฉันบริจาคให้ได้!”

คุณหมอมองไปยังเธอ จึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว: “โอเค เพียงแต่ต้องตรวจสอบสักหน่อยก่อน”

ผ่านไปสองสามนาที หลานเสี่ยวถางก็ตรวจสอบเสร็จ คุณหมอจึงหยิบเข็มขนาดใหญ่มากขึ้นมา แล้วแทงเข้าไปยังเส้นเลือดดำของเธอ

เวลานี้ ตำรวจได้ดับไฟรถสองคันแล้ว หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอื่นๆอยู่ รถพยาบาลก็ขับไปยังโรงพยาบาลใกล้ๆอย่างรวดเร็ว

เมื่อผู้หญิงคนนั้นฟื้นขึ้นมา ก็ตอนพลบค่ำแล้ว เธอลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรง เห็นหลานเสี่ยวถางนอนอยู่ข้างๆ

หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ พูดด้วยเสียงเบาๆกับพยาบาลว่า: “คุณพยาบาลค่ะ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”

“คุณผู้หญิงท่านนี้ช่วยชีวิตคุณเอาไว้ค่ะ” พยาบาลมองไปยังเธอ ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า: “เธอเป็นน้องสาวหรือลูกสาวของคุณเหรอ? พวกคุณหน้าตาเหมือนกันจริงๆ! เพราะเธอให้เลือดคุณไป500 มล. คงอ่อนเพลียทนไม่ไหวจึงหลับไปเมื่อกี้นี้ อีกสักครู่ก็คงจะตื่นขึ้นมาค่ะ”

“เธอบริจาคเลือดให้ฉันเหรอ?!” ผู้หญิงคนนั้นหายใจติดขัดเล็ก

พยาบาลพยักหน้า: “ใช่แล้วค่ะ รถของพวกเราไม่มีเลือดกรุ๊ปAB แต่พอดีคุณผู้หญิงท่านนี้กรุ๊ปเลือดตรงกันกับคุณ ดังนั้น…….”

ผู้หญิงคนนั้นมองไปยังขวดน้ำเกลือที่แขวนอยู่เหนือหัวของหลานเสี่ยวถาง แล้วก็ท่าทีของเธอที่หลับอยู่อย่างสงบ จู่ๆก็มีภาพผ่านเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็ว

หลังจากเห็นผลการตรวจสอบนั้น อารมณ์ของเธอก็หดหู่เป็นพิเศษ

หลังจากแจ้งให้สือเพ่ยหลินทราบแล้ว เธอไม่ได้ให้ลูกน้องไปเป็นเพื่อน ตนเองขับรถออกไปคนเดียว

เธอไม่รู้ว่าตนเองจะไปที่ไหน เพียงแค่ขับไปตามอารมณ์ แล้วก็มาถึงสะพานใหญ่โดยไม่รู้ตัว

เวลานั้น จิตใจของเธอค่อนข้างไม่สงบ คิดว่าคงได้รับผลกระทบจากเรื่องการตรวจสอบ ดังนั้นจึงไม่ได้คิดมาก แต่คาดไม่ถึงว่า จะถูกรถชนอย่างกะทันหัน

ช่วงเวลานั้น เธอเจ็บปวดถึงขีดสุด หัวใจก็อ้างว้างและไม่เต็มใจอย่างมาก

เธออยู่อย่างโดดเดี่ยวเมื่อลูกของตนเองหายไป เธอไม่เต็มใจที่จะตายไปโดยไม่ได้พบหน้าเธอเลยสักครั้ง

เลือดของเธอไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ต่อจากนั้น ความรู้สึกตัวก็ค่อยๆเริ่มจากไป

แต่เวลานั้น เธอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่ง เหมือนกับว่า เป็นเสียงที่ก่อนหน้านี้เธอเฝ้าปรารถนาอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงยื่นมือออกไปหาเธอ

จากนั้น เธอก็รู้สึกได้ว่าตนเองถูกเธอพาออกไป จากที่มืดมิดไปสู่แสงสว่าง สุดท้าย เมื่อเธอหันกลับไปมอง ก็เห็นสถานที่ที่พวกเธอออกมาเมื่อกี้ระเบิดจนไม่เหลือเค้าเดิม

ดังนั้น ตอนที่จะสลบไป เธอจึงเรียกเธอ ถางถาง

จู่ๆก็อยากเรียกเธอแบบนี้

เธอนึกขึ้นได้ว่า เมื่อยี่สิบปีก่อน ลูกของเธอได้หายตัวไป แม้แต่ชื่อก็ไม่ทันได้ตั้ง

ฤดูกาลนั้น ดอกไห่ถางเริ่มเบ่งบานอย่างสวยงาม ชื่อถางถางก็ดีนะ

และเวลานี้ หลานเสี่ยวถางที่อยู่ในความฝันก็คล้ายกับรู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อย เธอยื่นมือออกมา คว้าไปมาแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ปากยังร้องเรียกอะไรบางอย่าง

เสียงสุดท้ายที่ดังขึ้น ผู้หญิงคนนั้นได้ยินชัดเจน

ที่หลานเสี่ยวถางเรียกคือ: “แม่!”