ตอนที่ 126 กวาดล้างทั้งตระกูล

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 126 กวาดล้างทั้งตระกูล
บุตรอนุของท่านอารองผู้นั้นเป็นคนปลิ้นปล้อน ไม่ว่าเขาจะสร้างปัญหาหรือทำเรื่องเลวร้ายอันใด นางต้องทราบเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดก่อนจึงจะหาวิธีรับมือได้ ตระกูลไป๋จะได้ไม่โดนผู้อื่นใช้เรื่องนี้เป็นจุดอ่อน และถูกโจมตีโดยที่รับมือไม่ทัน

บัดนี้บ่าวรับใช้ที่ไปรับคนจากหมู่บ้านล้วนหายตัวไปหมด แสดงว่าเกิดเรื่องขึ้นที่หมู่บ้านแล้วมีคนต้องการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ ยิ่งเป็นเช่นนี้นางจะทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วปล่อยให้เรื่องผ่านไปเช่นนี้ไม่ได้

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองถงหมัวมัว “เจี่ยงหมัวมัวยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่หรือไม่”

“หากเมื่อครู่คุณหนูใหญ่ไม่มิใช้ชุนซิ่งไปตามบ่าว บ่าวเตรียมจะไปถามเจี่ยงหมัวมัวที่เรือนฉางโซ่วแล้วเจ้าค่ะ การที่คุณหนูใหญ่เป็นห่วงท่านย่าถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” ถงหมัวมัวกล่าวเสียงเบา

“หมัวมัวไปเถิด! ไม่ว่าเจี่ยงหมัวมัวจะกล่าวอันใด หมัวมัวจงจำ และมารายงานข้าให้มิให้ตกหล่นเลยนะ”

“เจ้าค่ะ!”

เมื่อเห็นถงหมัวมัวเดินออกไปแล้ว หญิงสาวจึงวางตะเกียบลง พยายามรวบรวมสติให้ได้มากที่สุด

“ชุนเถาหยิบเสื้อคลุมมาให้ข้า ข้าจะไปหาภรรยาของจี้ถิงอวี๋”

ในเมื่อตระกูลจี้พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับบุตรอนุผู้นั้น ภรรยาของจี้ถิงอวี๋ต้องทราบอย่างแน่นอนว่าที่หมู่บ้านเกิดเรื่องอันใดขึ้น ที่ให้ถงหมัวมัวจดจำทุกถ้อยคำของเจี่ยงหมัวมัวเพราะต้องการรู้ว่าภรรยาของจี้ถิงอวี๋ยืนอยู่ฝ่ายใดกันแน่

หากคำกล่าวของเจี่ยงหมัวมัว และภรรยาของจี้ถิงอวี๋เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน เช่นนั้นก็แสดงว่าทั้งสองเตรียมถ้อยคำไว้ก่อนหน้านี้ และท่องได้อย่างขึ้นใจเพื่อเตรียมไว้รับมือกับนาง หากเป็นเช่นนั้น นางคงต้องส่งคนไปสืบเรื่องราวในหมู่บ้านเอง

“คุณหนูใหญ่!” ชุนเถาตาแดง

ไป๋ชิงเหยียนหมุนตัวกลับมาก็เห็นชุนเถาเม้มปากแน่น ยืนกอดเสื้อคลุมขนจิ้งจอกของนางนิ่งอยู่ตรงนั้น นางยื่นมือไปรับเสื้อคลุมขนจิ้งจอกพลางเอ่ยถามเสียงเบา “เป็นอันใดไป”

“คุณหนูใหญ่!” จู่ๆ ชุนเถาก็คุกเข่าลงบนพื้น น้ำตาไหลพราก เปล่งเสียงร้องไห้ออกมา

“ที่จริงอาการของจี้ถิงอวี๋ไม่ดีเจ้าค่ะ! วันนี้ก่อนที่ภรรยาของจี้ถิงอวี๋จะมา จู่ๆ จี๋ถิงอวี๋ก็สลบไป เรียกอย่างไรก็มิฟื้นเจ้าค่ะ! ถงหมัวมัวสั่งให้คนไปตามท่านหมอหงแล้วเจ้าค่ะ ถงหมัวมัวเห็นว่าคุณหนูใหญ่เหนื่อยมาหลายวันแล้ว นางกลัวว่าคุณหนูใหญ่จะเป็นกังวลจึงสั่งไม่ให้บ่าวรายงานคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่านไปทั้งร่าง ร่างแข็งทื่อไปชั่วขณะ เดินฝ่าลมหนาวออกจากเรือนชิงฮุยไปอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูใหญ่!” ชุนเถารีบเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปประคองนางไว้ ร้องไห้ออกมาอย่างสำนึกผิด

“บ่าวไม่ดีเองเจ้าค่ะ บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวไม่ควรปิดบังคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่เดินช้าลงหน่อยนะเจ้าคะ!”

เมื่อไป๋ชิงเหยียนมาถึงเรือนที่จี้ถิงอวี๋พักรักษาตัวอยู่ นางไม่เห็นท่านหมอหง เห็นเพียงหมอแปลกหน้าคนหนึ่งนั่งงีบหลับอยู่ตรงโต๊ะสี่เหลี่ยมภายใต้ตะเกียงน้ำมัน

มองเห็นจี้ถิงอวี๋ซึ่งนอนหลับตานิ่งใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดอยู่บนเตียง หญิงสาวเดือดดาลถึงขีดสุด รู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง

“คนล่ะ ท่านหมอหงอยู่ที่ใด คนที่อยู่เฝ้าจี้ถิงอวี๋อยู่ที่ใด!”

หมอผู้นั้นตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นจนเกือบล้มลงบนพื้น เมื่อมองเห็นสตรีที่สวมชุดไว้อาลัยยืนหน้าเคร่งขรึมอยู่ตรงหน้าก็รู้ทันทีว่านางคือเจ้านายจึงรีบทำความเคารพ

สตรีสาวผู้หนึ่งเดินถือยาที่เพิ่งต้มเสร็จเข้ามาด้านในอย่างรีบร้อน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มองไปยังไป๋ชิงเหยียนอย่างทำตัวไม่ถูก

ไป๋ชิงเหยียนหมุนตัวกลับมา เห็นสตรีสาวผู้หนึ่งถือยาอยู่ในมือพลางมองมาที่นางอย่างหวาดกลัว หญิงสาวควบคุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ได้

“เจ้าคือภรรยาของจี้ถิงอวี๋เช่นนั้นหรือ”

“เรียนคุณหนูใหญ่ ข้าคือจี้หลิ่วซื่อเจ้าค่ะ” สตรีสาวผู้นั้นรีบย่อกายทำความเคารพ ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาไป๋ชิงเหยียน

“ท่านหมอหงอยู่ที่ใด” หญิงสาวข่มความโกรธแล้วเอ่ยถามออกไป

“ได้ยินว่าถูกเชิญไปแล้วเจ้าค่ะ…” สตรีสาวกล่าวตอบ

ดวงตาคมกริบของไป๋ชิงเหยียนจ้องนิ่งไปยังจี้หลิ่วซื่อที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาตน แววตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง

“ชุนเถา เจ้ารีบไปที่เรือนของท่านแม่ข้า แล้วสั่งให้คนรีบนำบัตรเชิญของท่านแม่ข้าไปเชิญท่านหมอหลวงหวงมา!”

“เจ้าค่ะ!” ชุนเถารีบวิ่งออกจากเรือนไปอย่างรวดเร็ว

“จี้ถิงอวี๋เป็นอย่างไรบ้าง” หญิงสาวพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ หันไปถามหมอ

“คือ…คือว่า ชายผู้นี้เสียเลือดมาก รักษาไม่ทันการขอรับ…”

ถ้อยคำของหมอเถื่อนผู้นี้แตกต่างกับถ้อยคำที่ท่านหมอหงกล่าวลิบลับ นางไม่มีอารมณ์ฟังอีกต่อไป แหวกม่านเดินออกไปด้านนอกพลางตะโกนเสียงดัง “ผู้ใดก็ได้มาที่นี่หน่อย!” หญิงรับใช้ชราที่เฝ้าอยู่นอกเรือนรีบวิ่งเข้ามา “คุณหนูใหญ่!”

หลูผิงกำลังเดินตรวจเวรตอนกลางคืน นึกไม่ถึงว่าจะเจอกับชุนเถาที่วิ่งอย่างบ้าคลั่งไปยังเรือนของต่งซื่อ เมื่อทราบเรื่องของจี้ถิงอวี๋จึงรีบมาที่เรือน ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงตวาดอย่างโมโหของไป๋ชิงเหยียน เขารีบเข้าไปในเรือน ทำความเคารพ “คุณหนูใหญ่!”

“ท่านหมอหงถูกผู้ใดเชิญตัวไป” หญิงสาวเอ่ยถามหญิงรับใช้ชรา

รอบกายของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยไอสังหาร หญิงรับใช้ชราตกใจจนรีบคุกเข่าลงบนพื้น

“เรียนคุณหนูใหญ่ คุณชายเล็กของจวนหย่งติ้งโหวสะดุดล้มขาหัก สลบไม่ได้สติจนถึงตอนนี้เจ้าค่ะ ฮูหยินของจวนหย่งติ้งโหวได้ยินมาว่าท่านหมอหงเป็นศิษย์พี่ของท่านหมอหลวงหวงจึงไปขอร้ององค์หญิงใหญ่เจ้าค่ะ เดิมทีท่านหมอหงกล่าวว่าจะรีบไปดูอาการแล้วรีบกลับ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุจึงยังไม่กลับมาเสียทีเจ้าค่ะ จวนเราส่งคนไปตามท่านหมอหงแล้ว ทว่า…ทว่าพวกเขากล่าวว่าคุณชายเล็กของจวนหย่งติ้งโหวสูงศักดิ์ ต้องรอให้คุณชายเล็กฟื้นขึ้นมาก่อนจึงจะปล่อยให้ท่านหมอหงกลับมาเจ้าค่ะ!”

ได้ยินเช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น จวนหย่งติ้งโหวช่างบังอาจนัก!

น้ำเสียงของหญิงสาวสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ “หลูผิง ท่านรีบนำองครักษ์สองกองไปพาตัวท่านหมอหงจากจวนหย่งติ้งโหวกลับมาให้ได้ หากท่านหมอหลวงหวงอยู่ที่นั่นก็เชิญมาด้วย! หากจวนหย่งติ้งโหวกล้าขัดขวางจงบอกพวกเขาไปว่า จี้ถิงอวี๋คือทหารกล้าที่สละชีวิตนำม้วนไม้ไผ่บันทึกเหตุการณ์รบกลับมาเพื่อล้างมลทินให้แก่ท่านปู่ ท่านพ่อและทหารนับแสนของกองทัพไป๋! คือผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋ ผู้ใดกล้าแย่งหมอกับจี้ถิงอวี๋เท่ากับต้องการเป็นศัตรูกับตระกูลไป๋ ข้า ไป๋ชิงเหยียนจะอุทิศทั้งชีวิตเพื่อกวาดล้างตระกูลนั้นทั้งตระกูล อย่าว่าแต่คุณชายเล็กเลย…แม้แต่หมาหรือไก่ก็อย่าหวังจะได้มีชีวิตรอด! หากจวนหย่งติ้งโหวยังกล้าขัดขวาง…ไม่ว่าจะต้องชักดาบฆ่าคนหรือทำให้จวนหย่งติ้งโหวเปื้อนเลือดก็จงพาท่านหมอหงกลับมาให้ข้าให้ได้ภายในครึ่งชั่วยาม ไป๋ชิงเหยียจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง!”

“หลูผิงน้อมรับคำสั่งขอรับ! คุณหนูใหญ่วางใจได้ขอรับ หากหลูผิงพาคนกลับมาไม่ได้ภายในครึ่งชั่วยาม หลูผิงจะถือศีรษะมาพบคุณหนูขอรับ!”

หลูผิงทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน จากนั้นหันไปสั่งการกับองครักษ์ที่อยู่ทางด้านหลัง

“อยู่รอฟังคำสั่งจากคุณหนูใหญ่ที่นี่!”

“ขอรับ!” องครักษ์รับคำเสียงดัง

เมื่อครู่พวกเขาได้ยินสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวหมดแล้ว คุณหนูใหญ่ยินดีแตกหักกับจวนหย่งติ้งโหวเพื่อจี้ถิงอวี๋ที่เสียสละชีวิตนำม้วนไม้ไผ่กลับมา กล่าวอย่างหนักแน่นว่าให้แย่งชิงท่านหมอกลับมาให้ได้ จะมีสักกี่ตระกูลในเมืองหลวงที่ทำเช่นนี้กัน พวกเขาจะไม่รู้สึกซาบซึ้งแทนองครักษ์ทุกคนของตระกูลไป๋ได้อย่างไรกัน

ภายในห้อง สตรีสาวยืนตัวสั่นอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง มือที่ถือยาอยู่สั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้

หมอผู้นั้นมองไปยังชายที่นอนหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงอย่างหวั่นวิตก ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง…

ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น เมื่อสงบลงจึงเอ่ยสั่ง

“ยกเก้าอี้มาให้ข้า! พาตัวจี้หลิ่วซื่อและหมอที่อยู่ในห้องออกมาด้วย!”

จี้หลิ่วซื่อและหมอโดนพาตัวออกมาด้านนอก ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่ตรงระเบียงทางเดิน องครักษ์ถือมีดดาบยืนเรียงแถวแบ่งเป็นสองฝั่งอยู่กลางลานหญ้า ช่างดูน่าหวาดกลัวมาก