บทที่ 183 ภาพลักษณ์

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 183 ภาพลักษณ์

เมื่อได้ฟังคำพูดของจ้าวเลี่ยงแล้ว ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อก็เริ่มมั่นใจขึ้นมาทันที แค่พวกเขาเริ่มกิจการในจิ้นซีคนยังล้นหลามขนาดนี้ แล้วถ้าพวกเขายึดพื้นที่ตลาดทั่วประเทศได้คงจะสุดยอดมากแน่ๆ

การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพด้วย แค่คุมระบบในเมืองไท่หยวนเมืองเดียวก็เป็นเรื่องค่อนข้างยากแล้ว การจะขยับขยายพื้นที่ออกไปทั่วทั้งมณฑลจึงต้องอาศัยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

แต่ถ้าหากเป็นการขยายออกไปยังระดับประเทศล่ะก็ การดำเนินงานคงไม่ง่าย หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทและองค์กรขนาดใหญ่!

ผ่านไปราวๆ สิบนาที จู่ๆ ก็มีชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปีเดินเข้ามาในห้อง ถึงเขาจะดูธรรมดาแต่เขาก็ดูภูมิฐานพอสมควร

เขายื่นมือออกมาทักทายไป๋เยี่ยและพ่างจื่อโดยไม่สนใจเรื่องอายุ “สวัสดีครับ ผมอันเยี่ยนจวิน”

หลังจากทั้งสองฝ่ายแนะนำตัวกันแล้ว อันเยี่ยนจวินก็พูดต่อ “ผมเป็นรองประธานบริษัทซิโนฟาร์ม ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของคณะกรรมการวางแผนสุขภาพและครอบครัวแห่งชาติ ผมมาที่นี่วันนี้โดยหวังว่าจะได้ร่วมมือกับบริษัทของคุณ”

ซิโนฟาร์มงั้นเหรอ

เป็นรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินธุรกิจด้านการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์เป็นหลัก และมีอิทธิพลครอบคลุมไปทั่วทั้งประเทศ

“แอปเฮลท์ตี้จิ้นซีเป็นแอปพลิเคชั่นที่ดีมาก แนวคิดของการสร้างแอปถือว่าดีมากจริงๆ ครับ คณะกรรมการวางแผนสุขภาพและครอบครัวแห่งชาติจึงหวังว่าจะได้ทดลองใช้งานแอปตัวนี้ในมณฑลและเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ดังนั้นจุดประสงค์ของผมในวันนี้ก็คือเปลี่ยนแอปเฮลท์ตี้จิ้นซีเป็นเฮลท์ตี้ไชน่าแทน ซึ่งจะกลายเป็นแอปที่ใช้ได้ในทุกพื้นที่ของประเทศ”

ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อรู้ว่าควรจะถามอะไรต่อไป “เป็นการร่วมมือกันแบบไหนครับ”

อันเยี่ยนจวินยิ้ม “วางใจได้ครับ ผมไม่เอาเปรียบพวกคุณแน่นอน เรื่องความร่วมมืออาจจะฟังดูยุ่งยากนิดหน่อย แต่ผมหวังว่าทางเราจะซื้อแอปพลิเคชั่นของคุณไปเปิดตัวในตลาดอื่นๆ นอกจากในจิ้นซีได้ในราคาสามสิบล้านหยวนนะครับ”

สามสิบล้านเลยเหรอ!

ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อหันมามองหน้ากันก่อนจะหันกลับไปทางอันเยี่ยจวิน “งั้นพวกผมขอเวลาปรึกษากันสักครู่นะครับ”

อันเยี่ยนจวินพยักหน้า “ไม่เป็นไรครับ ตามสบายเลย”

ทันทีที่ออกมาด้านนอก พ่างจื่อก็เดินมาจ้องไป๋เยี่ยตาเขม็ง “เยี่ยจื่อ จะขายไม่ขายขึ้นอยู่กับนายนะ! ยังไงนายก็เป็นคนสร้างแอปนี่ขึ้นมา ไม่ว่านายจะตัดสินใจยังไง ฉันก็พร้อมสนับสนุนทั้งนั้น”

ไป๋เยี่ยเข้าใจสิ่งที่พ่างจื่อต้องการสื่อดี “ฉันว่าขายไปผลประโยชน์ก็เข้าตัวเราอยู่ดี ด้วยเวลาแค่นี้ เราไม่มีทางตีตลาดอื่นได้หรอก แค่ในจิ้นซี เรายังต้องใช้เวลาสักพักเลย เถิงเย่ว์ยังไม่มีรากฐานที่แน่นพอ ถ้านายอยากพัฒนา นายก็ต้องค่อยๆ ทำไปทีละขั้นตอน…ฉันคิดว่ายังไงทุนก้อนนี้เป็นเป็นผลประโยชน์เน้นๆ”

ไม่กี่นาทีต่อมา ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อก็กลับเข้ามาพร้อมคำตอบ “เราตกลง!”

มีเจ้าหน้าที่กลับไปที่บริษัทกับไป๋เยี่ยเพื่อนำแผนดำเนินการต่างๆ และรายละเอียดไปให้อันเยี่ยนจวิน ฝ่ายอันเยี่ยนจวินก็เงินหนาพอที่จะโอนเงินทั้งหมดให้ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อทันที

หลังจากที่ได้รับเงินก้อนโต พ่างจื่อก็ตื่นเต้นมาก ทว่าเขาก็ตัดสินใจมอบเงินจำนวนยี่สิบล้านให้ไป๋เยี่ย ส่วนตัวเขาเองเก็บไว้แค่สิบล้าน อย่างไรเสีย เขาก็มองว่าไป๋เยี่ยคือคนริเริ่มแอปเฮลท์ตี้จิ้นซีที่แท้จริง

ไป๋เยี่ยปฏิเสธเงินก้อนนั้นไปทั้งรอยยิ้ม เขาบอกพ่างจื่อว่าต่อไปแผนพัฒนาของบริษัทล้วนขึ้นอยู่กับการจัดการของพ่างจื่อทั้งนั้น เพราะสักวันตัวเขาก็ต้องไปทำงานที่เมืองหลวงอยู่แล้ว

ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อลงทุนคนละห้าล้านไปกับการดำเนินงานในบริษัท ทั้งยังจัดงานเลี้ยงให้ทุกคนในบริษัทด้วย

ขณะที่กำลังกินเลี้ยงกันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น จู่ๆ ฉินเจิ้งก็พูดจาติดตลกขึ้นมา “คุณหวัง ไหนๆ คุณก็เป็นหน้าเป็นตาให้กับบริษัทเรา คุณต้องซื้อรถได้แล้วนะ”

พ่างจื่อชะงักไปก่อนจะเบิกตากว้าง

ปกติพ่างจื่อเป็นคนใช้เงินแบบไม่ค่อยคิดอะไร เพราะครอบครัวของเขามีฐานะดี จึงมีเงินไม่ขาดมือ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยคิดอยากซื้อรถเลย

ทว่าคำพูดของฉินเจิ้นกลับไปกระตุกใจพ่างจื่อเข้าเสียได้ เมื่อกลับมาถึงหอพัก พ่างจื่อก็เอาแต่ศึกษาเรื่องรถทั้งคืน พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็พาไป๋เยี่ยไปที่โชว์รูมรถบีเอ็มดับเบิลยูโฟร์เอส

ซึ่งชายที่มารับพ่างจื่อก็น่าจะเป็นคนรู้จักของพ่างจื่อเอง

“พ่างจื่อ เมื่อวานพ่อเอ็งโทรมาบอกลุงว่าให้จับตาดูเอ็งดีๆ อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินไปล่ะ” ชายคนนั้นกล่าวยิ้มๆ

พ่างจื่อเม้มริมฝีปากแน่น “ลุงเฉียน อย่าไปฟังพ่อมากเลย นี่ผมซื้อรถด้วยเงินผมเองเลยนะ”

ชายคนนั้นเลือกที่จะเมินคำพูดของพ่างจื่อและพาเขาเดินเข้าไปในโชว์รูม ทุกครั้งที่มีรถสวยๆ เขาก็จะหยุดเดินและหันมาอธิบาย “บีเอ็มเอ็กซ์ไฟฟ์รุ่นสิบแปดออกมาแล้ว แต่รุ่นสิบเจ็ดก็ยังใช้ได้ดีอยู่ แถมยังถูกกว่ามากด้วย…คันนี้ราคาเจ็ดแสนห้า เอ็งไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไรก็ขับๆ มันไปเถอะ”

ไป๋เยี่ยและพ่างจื่อมองรถบีเอ็มดับเบิลยูเอ็กซ์ไฟฟ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น โดยเฉพาะพ่างจื่อที่ดีใจจนแทบจะกระโดดขึ้นไปบนรถ

รถบีเอ็มดับเบิลยูเอ็กซ์ไฟฟ์เป็นรถยนต์ขนาดใหญ่ระดับไฮเอนด์ที่ขายดีที่สุด แม้แต่ยอดขายของเมอร์เซเดส-เบนซ์จีแอล ออดี้คิวเซเว่น และวอลโว่ซีรวมกันยังไม่เท่ายอดขายของบีเอ็มดับเบิลยูเอ็กซ์ไฟฟ์เลย

ตั้งแต่ที่พ่างจื่อเริ่มมีความคิดอยากซื้อรถ สิ่งแรกที่แล่นเข้ามาในหัวของเขาก็คือบีเอ็มดับเบิลยูเอ็กซ์ไฟฟ์ เมื่อคืนเขาจึงโทรไปบอกที่บ้าน และได้มาลงเอยที่โชว์รูมรถแห่งนี้

มีคนรู้จัก อะไรๆ ก็ง่ายไปหมด บ่ายวันนั้นพ่างจื่อจึงได้ขับรถคันใหม่ออกมาจากโชว์รูม รถรุ่นนี้มีราคาเพียงเจ็ดถึงแปดแสนหยวนเท่านั้น ถือว่าไม่แพงจนเกินไป บวกกับเขาเพิ่งได้รับเงินก้อนใหญ่มาด้วย จึงไม่ลังเลที่จะจ่ายเต็มจำนวน

หลังจากซื้อรถใหม่ พ่างจื่อก็รู้สึกดีกับตัวเองมาก เขาจึงแวะเติมน้ำมันและขับพาไป๋เยี่ยกลับไปที่มหาวิทยาลัยดฮณ๊ฯดฯฌซ,

ลุงยามที่หน้าประตูถึงกับตะลึงเมื่อเห็นรถของพ่างจื่อ “รถใครเนี่ย เสี่ยวพ่างจื่อ”

พ่างจื่อหัวเราะ “รถผมเองครับ เพิ่งซื้อมาเลย เห็นว่าราคาไม่แพงมาก แค่เจ็ดแปดแสนหยวนก็เลยจ่ายเต็มแล้วขับมาเลย”

ลุงยามเห็นท่าทีหยอกล้อของพ่างจื่อก็หัวเราะออกมา “ดูเจ้าเด็กนั่นสิ ขับบีเอ็มมาเชียวนะ คันนี้น่าจะหรูที่สุดในมหา’ลัยแล้วมั้ง”

พ่างจื่อรู้ดีว่าเขาควรทำอะไรต่อจึงหยิบบุหรี่ฝูหรงหวังออกมาให้ยามด้วยรอยยิ้ม “นี่ลุง สูบนี่หน่อยไหม จะได้ขำออก ฮ่าๆ”

พ่างจื่อได้คุยกับลุงยามอยู่บ่อยครั้ง เพราะเขามักจะกลับมาถึงมหาวิทยาลัยในเวลาดึก จึงต้องขอให้ลุงยามช่วยเปิดประตูให้ พอบ่อยเข้าก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากที่ลุงยามเปิดประตูให้ พ่างจื่อก็ขับรถคันหรูเข้าไปในมหาวิทยาลัย

ต้วนเย่ว์และลู่เผยอี้มองพ่างจื่อและไป๋เยี่ยที่กำลังก้าวขาออกมาจากรถบีเอ็มดับเบิลยูเอ็กซ์ไฟฟ์คันใหม่ ที่ไม่มีแม้แต่ป้ายทะเบียนด้วยซ้ำ พร้อมกับพากันเบิกตากว้างด้วยความอึ้ง

ต้วนเย่ว์พูดขึ้น “เมื่อคืนฉันคิดว่านายแค่ล้อเล่น ก็ว่าทำไมถึงมาขอคำแนะนำ พอเช้าก็ขับรถใหม่มาเชียวนะ ออร่าคนรวยกระแทกตามาเลยว่ะ!”

พ่างจื่อหัวเราะเบาๆ “ใช่แล้ว ก็เพราะตอนนี้ฉันเป็นประธานบริษัทหน้าใหม่แล้วไงล่ะ ก็ต้องมีรถคู่ใจสักคันสิ”

ลู่เผยอี้ได้แต่ยืนยิ้มและพูดออกมาแค่ ‘เจ๋งเป้ง’ คำเดียว

พ่างจื่อพูดขึ้น “คืนนี้เดี๋ยวจะพาพวกนายออกไปเที่ยวดีไหม ไปกินไหตี่เลา แล้วก็ไปหาที่นวดหรือแช่น้ำหลังกินข้าว คิดว่าไง”

จู่ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินตัดหน้าพ่างจื่อมา พร้อมกับแซวด้วยน้ำเสียงเชิงเหน็บแนมนิดๆ “พ่างจื่อมีเงินแล้วเหรอ ขับบีเอ็มซะด้วย!”

เมื่อพ่างจื่อเห็นว่าเป็นหัวหน้าห้องของเขา หยางเล่อ ก็หัวเราะออกมา “ก็นิดหน่อยน่า แค่หาเงินได้นิดหน่อยเอง”

ช่วงนี้ข่าวเรื่องไป๋เยี่ยและพ่างจื่อกำลังเริ่มต้นกิจการถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ซึ่งแอปพลิเคชั่นเฮลท์ตี้จิ้นซีที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทเย่ว์เถิงเทคก็ได้รับความนิยมอย่างมากในแวดวงการแพทย์เช่นกัน ทั้งนักศึกษาปริญญาตรีหรือโทที่ต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาลต่างเคยได้ยินเรื่องนี้กันทั้งนั้น