“อ่า สุดยอด ดีเลย ฉันจะโทรหาพ่อนายแล้วบอกให้เขามาประกันตัวลูกชายเอง” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ

“ไอ้ ^@$&!”

ทันทีที่มาถึงสถานีตำรวจ เสี่ยวเฉิงก็จับนายน้อยเฉินโยนเข้าไปอยู่หลังลูกกรง “ทำตัวให้ดีล่ะ นายจะต้องถูกควบคุมตัวเป็นเวลาห้าวัน ข้อหาล่วงละเมิด! ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็เซ็นชื่อของตัวเองเอาไว้ตรงนี้ด้วย”

“ให้ฉันเซ็นชื่อแม่แกลงไปแทนไหมล่ะ?!” นายน้อยเฉินพลันพุ่งเข้ามาจับกรงเหล็กและตะโกนเสียงดัง และในตอนนั้นเอง ทันทีที่เห็นว่าภายในสถานีมีเจ้าหน้าที่อยู่ประมาณสามคน เขาก็พลันตะโกนขึ้นมา “ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ! เร็วเข้าสิโว๊ย! พวกแกกันบ้างไหมว่าพ่อฉันเป็นใคร? เจ้าของอสังหาริมทรัพย์จ้าวหมิงเลยนะเว๊ย!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังนั่งทำงานอยู่สามนายต่างมองหน้ากัน พวกเขาอยากจะลองคุยกับเสี่ยวเฉิงดูสักสองสามคำ แต่แล้ว พอคิดย้อนกลับไปว่าเสี่ยวเฉิงเคยทำอะไรไปบ้างเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั้งสามจึงตัดสินใจที่จะรายงานเรื่องนี้ให้กับผู้กองทราบก่อน

ทว่า ทันทีที่ผู้กองเดินออกมาจากห้องทำงานและเห็นนายน้อยเฉินยืนเกาะลูกกรงอยู่ เขาก็พลันตกใจไม่น้อย ไม่ช้า ผู้กองก็รีบเดินไปหาเสี่ยวเฉิงพร้อมกระซิบข้างหู “ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

“โดนข้อหาล่วงละเมิดน่ะ”

“แล้วมีหลักฐานไหม?” ผู้กองพลันถาม

“หมอนั่นถูกจับได้คาหนังคาเขาเลยล่ะครับ” หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันถามขึ้น “ผู้กองครับ คุณเป็นคนสั่งให้ผมไปคุ้มกันหลินจื้อซือเมื่อเช้าใช่ไหม?”

ผู้กองพลันพยักหน้า “อ่า ก็ใช่”

หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันชี้นิ้วไปยังชายที่ยืนอยู่หลังลูกกรง “ไอ้หมอนั่นแหละที่เพิ่งจะลวนลามหลินจื้อซือไป อีกอย่าง ถ้าผู้กองไม่อยากให้หลินจื้อซือฟ้องว่าสถานีของเราทำงานกันได้ไม่ดี ผมว่าเราก็ควรจะขังเขาเอาไว้สักหน่อยนะครับ ตามกฎตามระเบียบที่เหมาะสม”

ทว่า ผู้กองเองก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี ให้ตายเถอะ! อันที่จริง ผู้กองเองก็ไม่ต้องการที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อย… คนหนึ่งก็เป็นถึงบุคคลสาธารณะที่มีแฟนคลับอยู่มากมาย อีกทั้ง เธอยังสามารถใช้อิทธิพลทางสังคมกดดันทางสถานีตำรวจได้ตลอดเวลาด้วย ส่วนอีกคนก็เป็นถึงลูกชายคนโตของหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมือง…

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้กองก็พลันจ้องไปยังเจ้าหน้าที่อีกสามคนที่กำลังนั่งทำงานอยู่ อันที่จริง ถ้าผู้กองรู้ว่าเรื่องทุกอย่างเป็นยังไงตั้งแต่แรก เขาก็คงไม่เดินออกมาจากห้องทำงาน และก็คงปล่อยให้เสี่ยวเฉิงรับผิดชอบเรื่องนี้ไปคนเดียว แต่ยังไงเสีย นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสี่ยวเฉิงลากตัวพวกลูกเศรษฐีเข้าคุกแบบนี้

“แล้วนายจะทำยังไงกับเขาล่ะ?” ผู้กองพลันถาม

ในระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังบันทึกข้อมูลลงในระบบ เขาก็พลันกล่าวคำพูดขึ้น “ก็ทำตามขั้นตามตอนให้เหมาะสมนั้นแหละครับ แล้วเดี๋ยวอีกห้าวัน ผมก็จะปล่อยตัวหมอนั่นออกไปเอง”

ผู้กองพลันกระแอมทันทีที่ได้เช่นนั้น เขาพลันตบไหล่พร้อมกับดึงตัวเสี่ยวเฉิงไปด้านข้าง “เสี่ยวเฉิง… นายก็รู้ใช่ไหมว่าทางสถานีของเราไม่ได้มีอำนาจอะไรเลย? เราสู้กับพวกคนใหญ่คนโตแบบนี้ไม่ได้หรอก…”

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าผู้กองพูดถึงเรื่องอะไร “ผมว่ามันก็ใหญ่อยู่นะ… ลูกกรงน่ะ! ยัดคนเข้าไปได้ตั้งอย่างน้อยสิบสองคนแหนะ ยังไงก็เถอะ ตำรวจอย่างเราเองก็คงจะปล่อยให้ลูกกรงว่างไปตลอดไม่ได้หรอกใช่ไหมครับ? เพราะถ้าวันดีคืนดีเบื้องบนมาตรวจเข้า เขาจะต้องคิดว่าพวกเราอู้งานแน่”

“ฉันรู้จักหมอนั่นดี ยังไงก็เถอะ ช่วยหน่อยได้ไหม? ฉันว่าขังเขาเอาไว้แค่ครึ่งวันก็พอแล้ว” ผู้กองร้องขอ

อันที่จริง เสี่ยวเฉิงต้องการที่จะขังชายตรงหน้าให้อยู่แค่ในคุกเท่านั้น เขาไม่อยากให้นายน้อยเฉินไปยุ่งวุ่นวายกับหลินจื้อซือในงานแจกลายเซ็นเลยแม้แต่น้อย ทั้งนี้ หากเวลาผ่านไปครึ่งวัน งานแจกลายเซ็นก็คงจะจบลงเช่นกัน ถ้าเวลานั้นมาถึง บางทีเสี่ยวเฉิงก็อาจจะทำตามที่ผู้กองร้องขอก็ได้

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันเผยหน้ามุ่ยออกมาทันที เขาต้องแสร้งทำเป็นเห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจ “เฮ้อ ก็ได้ครับ…”

ถึงอย่างไร เหตุการณ์ตรงหน้าก็ทำให้เจ้าหน้าที่อีกสามคนถึงกับต้องอ้าปากค้าง ทั้งสามไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอยากผู้กองจะต้องถามความเห็นและร้องขอเสี่ยวเฉิงที่เป็นลูกน้องแบบนั้น

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพลันลดเสียงต่ำลงพร้อมกับกล่าวคำพูด “พวกนายรู้เรื่องเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นในคาสิโนของพวกแก๊งเสือขาวหรือยัง? หลายคนว่ากันว่ามีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งบุกเข้าไปในคาสิโนแล้วก็ซัดหน้าท่านฉินจนเข้าโรงพยาบาลเลยล่ะ อันที่จริง พี่ฉางเหรินเป็นคนบอกฉันมาน่ะ แถมเขายังบอกอีกด้วยนะว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นก็คือเสี่ยวเฉิงนี่แหละ ทั้งหมดเป็นฝีมือของเขาคนเดียวเลย!”

“บ้าน่า! ถามจริง?” เจ้าหน้าที่อีกสองคนพลันตกใจไม่น้อย

“ใช่ เพราะคืนนั้นพี่ฉางเหรินถูกพวกคนจากแก๊งเสือขาวจับตัวไป เสี่ยวเฉิงนี่แหละที่เป็นคนเข้าไปในคาสิโนแล้วก็พาเขาออกมา อีกอย่าง เพื่อนฉันที่เป็นนักพนันก็มาเล่าให้ฟังด้วยนะว่าเห็นเสี่ยวเฉิงไปที่คาสิโนตั้งสองครั้ง และในทุกครั้ง เขาก็ซัดพวกแก๊งเสือขาวจนหน้าแหกหมดเลยล่ะ แต่ยังไงเสีย การที่เสี่ยวเฉิงทำไปถึงขนาดนั้น ฉันกลัวว่าเขาจะเหลือเวลาชีวิตอยู่อีกไม่มากนี่สิ…”