ตอนที่ 48: กวนประสาทจนตายกันไปข้างหนึ่ง

ภายในวิลล่าที่ตั้งอยู่ในย่านมั่งคั่งของเมืองซ่างเฉิง นักธุรกิจอาวุโสผู้มีอำนาจทั้งสี่คนกำลังนั่งสูบซิการ์และดื่มไวน์อยู่ข้างสระว่ายน้ำใหญ่ยักษ์ ด้านข้างของพวกเขาพลันเต็มไปด้วยหญิงสาวมากหน้าหลายตาที่กำลังคอยเสิร์ฟเครื่องดื่มและบริการนวดให้อยู่

ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนก็พลันเดินเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดหลายคนข้างกาย ไม่ช้า เขาก็หยุดเดินและก้มโค้งเพื่อแสดงความเคารพให้กับนักธุรกิจอาวุโสทั้งสี่ตรงหน้า

หนึ่งในสี่เผยให้เห็นรอยสักของสัตว์ในตำนานที่อยู่ข้างแขน นั่นก็คือ “มังกรฟ้า”

เขาพลันมองไปยังชายวัยกลางคนด้วยหางตา ทั้งนี้ ชายคนนั้นเองก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากท่านซาน คนที่มอบชิปหนึ่งร้อนหยวนให้กับเสี่ยวเฉิง

ไม่นานนัก ชายแก่ที่มีรอยสักมังกรฟ้าก็พลันกล่าวคำพูดออกมา “แล้วตอนนี้ฉินอู๋เว่ยเป็นยังไงบ้างล่ะ?”

“ดั้งหักครับ ตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่เลย” ท่านซานพลันรายงาน

ทั้งนี้ ชายแก่อีกสามคนก็มีรอยสักเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรอยสักรูปหงส์แดง เสือขาวหรือเต่าดำ

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ชายแก่รอยสักมังกรฟ้าก็พลันหยิบซิการ์ขึ้นมาสูบและกล่าวคำพูด “พอลองนึกย้อนกลับไปครั้นอดีต ตอนที่คาสิโนของเราถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาตรวจเช็ค ฉันไม่เคยเห็นจะมีใครต้องถูกหามเข้าโรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อไม่นานมานี้… แค่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนเดียว พวกแกยังหยุดเอาไว้ไม่ได้เลย! แถมมันยังก้าวเท้าเข้ามาเหยียบคาสิโนตั้งสองครั้งด้วย! คิดว่ามันน่าเห็นใจไหมล่ะ?”

ทันทีที่พูดจบ ชายแก่มังกรฟ้าก็พลันโยนซิการ์ที่ยังติดไฟใส่ท่านซานด้วยความโกรธ

“ภาพลักษณ์เดิมของเราถูกทำลายจนเละไปหมดแล้ว!” ชายแก่พลันกระแทกกำปั้นลงบนโต๊ะไม้สีแดงจนทำให้แก้วไวน์กระเด็นตกแตกกระจาย

“ตอนนี้ พวกคาสิโนอื่นต่างก็กำลังเยาะเย้ยเรา จำได้ไหมว่าเราเคยเป็นอะไรมาก่อน? แก๊งสี่จตุรเทพยังไงล่ะ! แต่เมื่อคืนก่อน กลับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาทำให้พวกเราเสียหน้าแล้วก็เจ็บตัวจนต้องไปนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล! ตอนนั้นพวกแกกำลังทำบ้าอะไรกันอยู่?! แค่ชายคนเดียวก็ล้มมันไม่ได้เลยงั้นรึ? เลี้ยงเสียข้าวสุกเสียจริง! ไอ้พวกโง่เอ๊ย!“

ท่านซานพลันเหงื่อท่วมตัวในระหว่างที่กำลังก้มศีรษะลง เขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมาเลยสักนิด

“แล้วรู้ไหมว่ามันเป็นใคร?” หนึ่งในชายชราทั้งสี่ที่ดูจะใจเย็นกว่าพลันถามขึ้น

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ท่านซานก็รีบตอบกลับทันที “เราลองหาข้อมูลแล้วก็ประวัติของมันดูแล้วครับ ไอ้หมอนั่นไม่มีประวัติหรือภูมิหลังอะไรเลย มันเป็นแค่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนที่เพิ่งออกมาจากกองทัพครับ”

ชายแก่มังกรฟ้าพลันหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “แล้วแกได้ส่งคนไปจัดการมันหรือเปล่า?”

ท่านซานพลันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป “ผมจ้างพวกคนจากแก๊งเต่าดำไปจัดการมันแล้วครับ แต่ตอนนี้พวกนั้นยังไม่ติดต่อกลับมาเลย ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง…”

ในปัจจุบัน แก๊งเต่าดำถือเป็นแก๊งที่โหดร้ายและดำมืดที่สุด พวกเขายังคงรับจ้างทำงานสกปรกเช่นเดิมเหมือนแต่ก่อน และด้วยการคุ้มกันจากอีกสามแก๊งที่เหลือ แก๊งเต่าดำจึงเปรียบเสมือนเป็นกรงเล็บและเขี้ยวของแก๊งสี่จตุรเทพแห่งเมืองซ่างเฉิง พวกเขากลายเป็นแก๊งที่คอยรับผิดชอบในการดูแลและจัดการทุกอย่างที่สกปรกอยู่เบื้องหลัง

ทันใดนั้น ชายแก่มังกรฟ้าก็พลันกระดิกนิ้วและกล่าวคำพูดออกมา “ถ้าเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นอีก พวกแกทุกคนก็เตรียมตัวไปเป็นอาหารฉลามได้เลย!”

“แกไปได้แล้ว แต่ก่อนอื่น ฝากไปบอกฉินอู๋เว่ยด้วยนะว่าถ้ามันออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ ให้มาที่ห้องโถงใหญ่เพื่อรับโทษของตัวเองด้วย!”

“รับทราบครับ” ทันทีที่พูดจบ ท่านซานก็พลันก้มโค้งและเดินจากไป หลังจากเข้าไปในรถเบนซ์ของตนเองแล้ว ท่านซานก็พลันชี้นิ้วและสั่งให้คนขับสตาร์ทรถ ในระหว่างนั้น เขาก็พลันหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาชายหัวโจกที่ชื่อว่าเสือจากแก๊งเต่าดำ

ทว่า ในตอนนี้ เสือกำลังนอนโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพราะเหตุนั้น ผู้ช่วยที่กำลังเฝ้าดูแลอยู่ข้างกายจึงเป็นคนรับสายแทน

“ท่านซาน?”

“เป็นยังไงบ้าง? จัดการไอ้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นไปแล้วรึยัง?” ท่านซานถามขึ้น

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ผู้ช่วยก็พลันเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้ง “หมอนั่นโหดมากเลยครับท่าน”

ท่านซานพลันขมวดคิ้ว “แล้วตอนนี้ไอ้เสืออยู่ที่ไหนกัน?”

“สลบอยู่ครับ ยังไม่ได้สติเลย”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ท่านซานก็พลันเบิกตากว้าง “เกิดอะไรขึ้น?”

ผู้ช่วยพลันรู้สึกหวาดหวั่น “ผมว่าผู้ชายคนนั้นน่าจะต้องเป็นนักสู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างแน่นอนเลยครับท่าน ขนาดนักสู้ที่เก่งกาจที่สุดของเราทั้งสามสิบคนยังทำอะไรมันไม่ได้เลย ท่านซานครับ… ผมเกรงว่าเราจะช่วยคุณเรื่องนี้อีกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”

ท่านซานพลันกัดฟัน “อ่า ฉันเข้าใจแล้ว”