ทันทีที่ผู้ช่วยวางสาย พี่เสือก็พลันลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย

“พี่เสือ บอกท่านซานไปแบบนั้นจะดีเหรอ?”

พี่เสือพลันมองมายังผู้ช่วย “ถ้านายยังอยากมีชีวิตอยู่ ก็ทำตามที่บอก แล้วถ้าเรากลับไปยุ่งกับเรื่องนี้อีก พวกเราได้ตายจริงแน่ อีกอย่าง ไม่ว่าสุดท้ายผลจะเป็นยังไง พวกเราก็จะโดนตราหน้าและถูกตั้งข้อหาว่าไปฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ดี ความซวยทุกอย่างจะมาตกอยู่ที่พวกเรา แต่เท่าที่ดู หมอนั่นไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ยังไงก็เถอะ บอกให้คนของเราอ้างไปเลยว่ากำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ไปบอกทุกคนในแก๊งเต่าดำนั้นแหละ”

ผู้ช่วยพลันพยักหน้า

ทันทีที่วางสายไป ท่านซานก็พลันกล่าวคำถามกับผู้ช่วยที่เป็นคนขับรถ “นายมีวิธีที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นถูกไล่ออกแล้วก็ฆ่ามันทิ้งไหม?”

“แค่ทำลายชื่อเสียงของมันก็พอครับ ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารถูกเผยแพร่ไปได้รวดเร็วขนาดนี้ การเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวของใครสักคนถือเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เราก็แค่ต้องหาข้อมูลเบื้องหลังบางอย่างของมันให้เจอ แล้วก็โจมตีเข้าไปที่จุดบอดตรงนั้น” คนขับรถเผยเสียงหัวเราะออกมาทันใด

“หมอนั่นเป็นเด็กกำพร้า แถมแฟนก็ไม่มีด้วย นอกจากสหายในกองทัพ มันก็ไม่มีเพื่อนในเมืองนี้เลยด้วยมั้ง แล้วเราจะไปหาจุดบอดของมันได้จากที่ไหนกันล่ะ?”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น คนชับก็พลันเงียบไป

ในตอนนี้ นายน้อยเฉินที่กำลังยืนเกาะลูกกรงอยู่ก็พลันเกรี้ยวโกรธไม่น้อย เดิมที แผนการของเขาก็คือการโน้มน้าวให้หลินจื้อซือแต่งกายด้วยและมีอะไรกับเธอในห้องแต่งตัว แต่แล้ว เขาในตอนนี้กลับต้องมาองเอยอยู่ที่สถานีตำรวจ

ถึงกระนั้น ไม่ว่าเขาจะตะโกนสบถหรือเผยท่าทีสุดโกรธเกรี้ยวอะไรออกมา เจ้าหน้าที่ทั้งหลายก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย ยิ่งนายน้อยเฉินโอดครวญมากเท่าไหร่ เขาก็เหมือนกับเด็กขี้แยมากขึ้นเท่านั้น

ทันใดนั้น นายน้อยเฉินก็พลันกัดฟันและมองไปยังเสี่ยวเฉิง “ฉันจะจำหน้าของแกเอาไว้! แล้วก็ขอเตือนไว้ก่อนเลยนะ อย่าออกจากบ้านหลังสี่ทุ่มก็แล้วกัน!”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเฉิงก็เผยยิ้มออกมา “ขอโทษด้วยก็แล้วกัน ยังไงเสีย ฉันก็ต้องทำงานกะกลางคืนทุกวันอยู่แล้ว”

“แบบนั้นสิดี!” ทันทีที่นายน้อยเฉินพูดจบ แสงไฟเย็นวาบก็พลันผ่านสายตาของเขาไป

ท้ายที่สุดแล้ว นายน้อยเฉินก็มีคนมารับและถูกปล่อยตัวออกมา

ทันทีที่นายน้อยเฉินจากไป ฉางเหรินที่เพิ่งจะออกมาจากโรงพยายาบาลก็พลันเดินเข้ามาหาเสี่ยวเฉิงและเตือนสติ “เสี่ยวเฉิง นายน้อยเฉินคนนี้มีเส้นสายเยอะแยะมากมายเลยนะ เวลาไม่มีอะไรทำ เขาก็มักจะชอบไปแข่งรถซิ่งตอนกลางคืน หลายต่อหลายคนที่โดนนายน้อยฉินชนเข้าก็ต่างไปฟ้องศาลและทำการร้องเรียน แต่สุดท้าย เขาก็มักจะมีวิธีการหลบหนีข้อกล่าวหาหรือไม่ก็หาแพะรับบาปมารับโทษแทนตัวเองได้ตลอดเลยล่ะ นายเองก็ระวังตัวเองเอาไว้หน่อยก็แล้วกัน อีกอย่าง ชายคนนี้ก็หลับนอนกับคนดังในวงการบันเทิงมาแล้วนับไม่ถ้วนอีกด้วย เขาเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่นเลยล่ะ ทั้งหมดก็เพราะเขาเป็นคนที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยแล้วก็มีอำนาจยังไงล่ะ”

เสี่ยวเฉิงพลันมองไปยังฉางเหรินและถามขึ้น “แล้วตอนนี้อาการบาดเจ็บของนายดีขึ้นบ้างไหม?”

“อ่า แต่ก็ยังเจ็บซี่โครงข้างขวาอยู่เลย” ฉางเหรินเผยยิ้มอย่างขมขื่น ไม่ช้า เขาก็พลันกล่าวคำพูดกับเสี่ยวเฉิงอย่างจริงใจ “ยังไงก็เถอะ ฉันขอบคุณนายมากนะ”

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ยังไงเสีย เราจะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นอีกแน่” เสี่ยวเฉิงพลันตบไหล่ฉางเหรินและกล่าวคำพูด “ธรรมะย่อมชนะอธรรมอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็ว คนพวกนั้นจะต้องได้พบกับจุดจบของตัวเองแน่”

“อ่า ยังไงก็เถอะ นายเองก็ระวังตัวเอาไว้หน่อยก็แล้วกัน คนพวกนั้นเป็นถึงแก๊งสี่จตุรเทพเชียวนะ ไม่ใช่แก๊งอันธพาลไก่กาตามท้องถนนสักหน่อย” ฉางเหรินพลันหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “แต่ฉันเองก็ขอโทษด้วยนะ นายต้องเข้าไปพัวพันกับคนพวกนั้นก็เพราะฉัน…”

“พูดบ้าอะไรของนายกัน? นายโดนพวกมันจับตัวไปก็เพราะฉัน เรื่องทั้งหมดที่ฉันเป็นคนเริ่ม ฉันก็จะต้องจบมันเอง แต่ก็นั้นแหละ ฉันเองก็ขอโทษนายเหมือนกัน” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ

“ช่างมันเถอะ ทุกอย่างมันเป็นอดีตไปแล้ว”

“ยังหรอก มันยังไม่จบแค่นี้แน่“ เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคำพูดออกมาอย่างหนักแน่น “ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าเรากลัวพวกมัน เราก็จะกลายเป็นผู้แพ้ไปโดยปริยาย ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะทำตัวเหมือนรู้ดีไปหมดทุกอย่างหรอกนะ แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเราต้องกลัวที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยล่ะ? อันที่จริง อาชญากรจะต้องเป็นพวกที่กลัวตำรวจสิ ทำไมตอนนี้มันถึงกลับกันล่ะ? แต่ไม่ว่ายังไง ขอบอกไว้ก่อน ฉันจะไปหาเรื่องพวกมันทุกวัน และฉันก็จะกวนประสาทพวกมันจนตายกันไปข้างหนึ่งเลย!”