“ท่านอาจารย์! ” ศิษย์ทั้งสามคนของฝานเชียวได้ตะโกนออกมาพร้อมๆ กัน สีหน้าของพวกเขาทั้งสามต่างก็ตกตะลึง ฝานเชียวชายผู้ใช้พลังร่างอวตารดอกบัว 5 กลีบได้ตอนนี้ถูกยิงร่วงลงมาด้วยธนู!
‘ช่างเป็นฝีมือการยิงที่ร้ายกาจอะไรขนาดนี้! ‘
‘ยอดฝีมือจากพระราชวังอยู่ที่นี่แล้วอย่างงั้นหรอ? ‘
ทุกคนมองไปรอบๆ ตัวเพื่อที่จะหาผู้มาเยือนคนใหม่
ลู่โจวมองไปยังทิศทางที่ลูกธนูลอยมา แม้ว่าการมองเห็นของเขาจะยังถูกบดบังอยู่ แต่เขาก็สามารถมองเห็นรถม้าคันหนึ่งที่ลอยอยู่บนขอบฟ้าได้
รถม้าบินได้สีแดงกำลังลอยล่องเหนือท้องฟ้า รูปทรงของมันดูคล้ายกับนกนางแอ่น แต่ละมุมของรถม้าได้รับการสนับสนุนมาจากเด็กหญิงชุดแดง ใบหน้าของพวกเธอถูกแต่งหน้าอย่างหนักจนไม่สามารถที่จะมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน
‘นั่นมันจะต้องเป็นกองกำลังเสริมจากพระราชวังแน่ ดูเหมือนว่าเจ้าพวกนั้นจะมีมากกว่าหนึ่ง การ์ดการโจมตีของเพรชฆาตใบเดียวคงไม่พอสำหรับเจ้าพวกนี้’
ในตอนนั้นเองมือธนูคนเดียวกันก็ได้ปรากฏตัวขึ้น เขาคนนั้นสวมเสื้อคลุมและหมวกไม้ไผ่ปิดบังใบหน้าเอาไว้ ชายคนนั้นได้กระโดดลงจากรถม้าก่อนที่จะถึงพื้นดินอย่างรวดเร็ว
นี่จะต้องเป็นมือธนูผู้มีพลังร่างอวตารดอกบัวหกกลีบเป็นอย่างน้อยแน่! ชายคนนี้จะต้องเป็นเฉินซู่ ชายผู้ที่เป็นหนึ่งในสามเทพมือธนูจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์!
“ท่านเฉิน! “
มือธนูผู้มีพลังวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้เหลือบมองไปที่ลู่โจวและคนอื่นๆ เขาไม่แม้แต่จะสนใจเหล่าทหาร เฉินซู่ได้เดินมาหาลู่โจว เมื่อเฉินซู่เดินมาใกล้มากขึ้น ในตอนนั้นลู่โจวก็สามารถมองเห็นชายคนนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเมื่ออยู่ห่างกันหลายสิบเมตร เฉินซู่ก็ได้ถอดหมวกไม้ไผ่ของเขาออกมาก่อนจะโยนทิ้งไป ใบหน้าของเฉินซู่เต็มไปด้วยพลังไอแห่งความความเย็นชา
ชื่อ: เฉินซู่
เผ่า: ไตรเวอร์โซ่
[หมายเหตุนักแปล: ไตรเวอร์โซ่ / Triverso ในที่นี่คือชื่อเผ่าพันธุ์ที่ยังไม่ได้บอกลักษณะ รูปร่าง ผู้แปลจึงขอใช้คำทับศัพท์ไปก่อน ถ้าหากเจอคำที่เหมาะสมหรือความหมายจะเปลี่ยนให้ทันทีนะครับ]
วรยุทธ: มหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์
‘ไตรเวอร์โซ่? ‘ ลู่โจวประหลาดใจเล็กน้อย แต่ถึงแบบนั้นสีหน้าของเขาก็ยังคงไร้อารมณ์เช่นเคย เขาเหลือบมองไปที่รถม้าสีแดงสดอีกครั้งก่อนที่จะมองดูเด็กสาวทั้งสี่ที่กำลังพยุงมัน บางทีด้วยระยะทางที่ไกลเกินไปอาจจะทำให้ลู่โจวมองเห็นร่างของเด็กสาวพวกนั้นเล็กก็เป็นได้ แต่ถึงแบบนั้นเมื่ออ่านพลังของเด็กสาวทั้งหมดจะต้องมีเด็กสาวต่ำๆ สองคนที่มีพลังยุทธระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แน่ แต่ถึงแบบนั้นทั้งสองคนยังไม่มีพลังร่างอวตารที่ผลิกลีบ เพราะแบบนั้นผู้ฝึกยุทธพวกนั้นยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง!
‘ฉันประเมินสถานการณ์ตรงหน้าประมาทไปอย่างงั้นหรอ? ฉันจะต้องใช้การ์ดป้องกันไร้ที่ติดเพื่อที่จะหนีเลยดีไหม? ‘
ลู่โจวกำลังคิดหาวิธีทางหนีอยู่ ในตอนนั้นเองน้ำเสียงของเฉินซู่ก็ได้ดังขึ้น “ทหารทั้งหลายข้าขอสั่งให้พวกเจ้าจับกุมคนเหล่านี้รวมไปถึงคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าซะ”
ทหารและเหล่าผู้ฝึกยุทธที่ได้ยินแบบนั้นได้โค้งคำนับก่อนที่จะตอบกลับไปในทันที “รับทราบ! “
สาวกสามคนของฝานเชียวหน้าซีดไปในทันที พวกเขาที่หมดหนทางแล้วได้ทยอยพูดออกมาทีละคน
“พวกเราไม่ใช่คนของศาลาปีศาจลอยฟ้า! พวกเจ้าผิดแล้ว! “
“พวกเรามันก็แค่ตัวปลอม! “
แต่ถึงแบบนั้นเฉินซู่ที่ได้ฟังก็ไม่ได้มีท่าทีตอบกลับอะไร ตัวเขาได้หยิบคันธนูรวมไปถึงลูกธนูออกมาก่อนที่จะเริ่มพูดอีกครั้ง “และเพราะพวกเจ้าเป็น ตัวปลอม ดังนั้นพวกเราจะจัดการกับพวกเจ้าตรงนี้! “
“…”
พระราชวังอาจจะเก็บตัวพวกเขาไว้ถ้าหากมาจากศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่ถึงแบบนั้นเนื่องจากพวกเขาเป็นตัวปลอม ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยจะต้องเก็บตัวผู้แอบอ้างเอาไว้แบบนี้
เมื่อได้ยินแบบนั้นสาวกทั้งสามของฝานเชียวก็ล้มลงกับพื้น
อาวุธที่เฉินซู่กำลังใช้อยู่ดูเหมือนจะเป็นอาวุธระดับโลก มันคล้ายกับธนูของลี่ฉิงมาก เฉินซู่ที่หยิบธนูขึ้นมาไม่ได้ง้างลูกธนูขึ้น เขายิ้มก่อนที่จะเก็บลูกธนูที่มีไป เฉินซี่เริ่มง้างธนูอีกครั้ง ในตอนนั้นเองพลังลมปราณของเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นลูกธนู
เสียงของพลังลมปราณที่รวมตัวกันเป็นลูกธนูฟังดูฉวัดเฉวียนไปในอากาศ ในตอนนั้นเองสายธนูก็ถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง
เป้าหมาย: สาวกหญิงเพียงคนเดียวของฝานเชียว
พรึ๊บ!
ลูกธนูพลังลมปราณได้พุ่งลอยไปตรงใจกลางของเป้าหมาย สาวกหญิงคนนั้นไม่แม้แต่จะมีเวลาอ้อนวอนหรือต่อต้าน เธอถูกลูกธนูแทงเข้ากลางอก ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นก่อนที่จะตายจากไป พลังทั้งหมดในร่างกายของเธอหายไปอย่างสมบูรณ์แบบ
“น้องหญิง! “
“น้องหญิง! “
สาวกอีกสองคนตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองคนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเลย
จะเป็นไปได้ยังไงกันที่ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์จะถูกจัดการไปโดยใช้การโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ฝานเชียวยังคงมองดูเหตุการณ์อยู๋ เขาได้พูดออกมาอย่างแผ่วเบา “เจ้า…”
เฉินซู่หัวเราะเยาะก่อนที่จะใช้มือขวาง้างธนูขึ้นมาอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองลูกธนูพลังลมปราณก็ได้ปรากฏขึ้นบนสายธนู
ทุกคนเข้าใจแผนของเฉินซู่แล้ว เขาจะฆ่าสาวกของฝานเชียวทีละคนด้วยลูกธนูพลังลมปราณ เฉินซู่ได้จ้องไปที่ฝานเชียวก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเย็นชา “จีเทียนเด๋า? “
ฝานเชียวไอออกมาอย่างรุนแรง ตัวเขาได้ยกมือขึ้นก่อนที่จะหักธนูที่ถูกฝังอยู่ภายในร่างกายส่วนนอกออกมา หลังจากนั้นเขาก็ได้เอ่ยปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “เจ้า…เจ้าคือเฉินซู่ หนึ่งในเทพทั้งสามมือธนูผู้ที่ไม่เคยยิงธนูพลาดอย่างงั้นสินะ? “
เฉินซู่ที่ได้ฟังแบบนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นเป็นแค่ชื่อเสียงของข้าเท่านั้น อันที่จริงแล้วข้าเฉินซู่ได้ล่วงเกินท่านไป ข้าหวังว่าท่าจะไม่ถือสา…”
ฝานเชียวปัดผมสีขาวของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “นี่คือวิถีพวกเราชาวศาลาปีศาจลอยฟ้ายึดถือมาโดยตลอด”
เฉินซู่ส่ายหัวก่อนที่จะพูดตอบกลับมา “พอได้แล้ว เจ้าน่ะอาจจะหลอกพวกโง่คนอื่นจากการกระทำได้ แต่เจ้าน่ะไม่สามารถหลอกลวงนายท่านของข้าได้หรอก วรยุทธของเจ้าน่ะมันยังต่ำจนเกินไป! “
ฝานเชียวถึงกับตกตะลึง เขาเหลือบมองรถม้าสีแดงสดที่กำลังลอยอยู๋บนท้องฟ้า หลังจากนั้นสีหน้าของฝานเชียวก็ได้เปลี่ยนไป
เฉินซู่ได้พูดต่ออย่างมั่นใจ “ถ้าหากเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายตัวจริงก็จะต้องยอมรับให้กับความพ่ายแพ้ในวันนี้ นับประสาอะไรกับตัวปลอมอย่างเจ้า เวทมนตร์คาถาน่ะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับคนหยิ่งผยองตาบอดกับเจ้ายังไงล่ะ เจ้าน่ะทำตัวเองทั้งนั้น” ระหว่างที่พูดอยู่เฉินซู่ไม่ได้ปล่อยมือออกจากสายธนูเลย เขามองไปทางซ้ายขวาก่อนที่จะหาเป้าหมายเป้าอื่น ท่าทีของเฉินซู่ดูทะมัดทะแมงเป็นอย่างมาก ต่างจากฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเหมือนกับลูกไก่ในกำมือ
นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเฉินซู่ เขาเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์และเป็นถึงมือธนูชั้นยอด เฉินซู่สามารถยิงลูกธนูพลังลมปราณออกมาได้ 3 ดอกในเวลาเดียวกัน ในตอนนี้ไม่มีใครบอกได้เลยว่าเป้าหมายต่อไปของเขาคือใคร แม้แต่ดวงตาก็ยังไม่อาจจะจ้องความเร็วของลูกธนูที่ถูกยิงออกไปไม่ทัน
ในที่สุดลู่โจวก็เริ่มพูดขึ้น “มือธนูเทพทั้งสามจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์อย่างงั้นหรอ? ” เสียงของเข้านุ่มลึกและฟังดูมีพลังมาก
“เอ๊ะ? ” เฉินซี่เหลือบมองลู่โจวแทนฝานเชียว ตัวเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขาไม่ได้สังเกตเห็นลู่โจวเลยก่อนหน้านี้!
สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังคงดูสงบเยือกเย็นเช่นเคย มือขวาของเขาไขว้อยู่ด้านหลัง ส่วนมือซ้ายเองก็กำลังลูบเคราอยู่ ดูเหมือนว่าลู่โจวจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเวทมนตร์คาถาเลย
เฉินซู่ที่เห็นแบบนั้นตกใจมาก ตัวเขาได้ถามออกไปอย่างสงสัย “เจ้าไม่ได้โดนสุดยอดเวทมนตร์คาถาไปอย่างงั้นหรอ? “
ลู่โจวตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์ “เจ้าน่ะ กำลังคุยกับข้าอยู่อย่างงั้นหรอ? “
เฉินซู่ได้เล็งธนูมาที่ลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้าไม่รู้อย่างงั้นหรอว่ากำลังคุยอยู่กับใคร? “
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับ “ข้าน่ะขอปรบมือให้กับความกล้าของเจ้าเลย”
“เจ้าแก่…เจ้าเป็นใครกัน? ” เฉินซู่ถามออกไปอย่างหยิ่งผยอง
หยวนเอ๋อไม่สามารถเก็บความรู้สึกโกรธได้อีกต่อไป ก่อนที่ลู่โจวจะได้ตอบกลับไปเสียงของเธอก็ได้ดังแทรกขึ้นมาซะก่อน “คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าของเจ้าก็คือเจ้าของศาลาปีศาจลอยฟ้าไงล่ะ! ” เสียงของหยวนเอ๋อเต็มไปด้วยพลังลมปราณ
ฝานเชียว “…”
ศิษย์ทั้งสอง “…”
เฉินซู่ “…”
ฝานเชียวในตอนนี้กำลังสั่นไปทั้งตัว ตัวเขาเริ่มพยายามปะติดปะต่อปริศนาทุกอย่างเข้าด้วยกัน
หลังจากนั้นสีหน้าของฝานเชียวก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง “มิน่า! ข้าเคยคิดมาตลอดว่าสาวน้อยคนนี้เหมือนกับศิษย์คนที่เก้าของศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่มีผิด! ” ในตอนนี้ฝานเชียวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ออกมาดี ทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ฝานเชียวพยายามคิดมาตลอดว่าจะชักชนหยวนเอ๋อให้มาเป็นสาวกของเขา ใครจะไปรู้กันว่าชายชราที่พาเธอมาที่นี่จะเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้น คนที่ตัวเขากำลังแอบอ้างถึง
‘ข้าต้องตายแน่ ข้าต้องตายแน่! ‘
แต่ถึงแบบนั้นเฉินซู่กลับไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร ตัวเขารู้สึกว่ากำลังฟังเรื่องตลกร้ายครั้งใหญ่ในวันนี้อีกครั้ง
“นายท่านของข้าได้สั่งเอาไว้ ถ้าหากข้าพบผู้ที่แอบอ้างเป็นจีเทียนเด๋าให้จัดการมันทิ้งซะ” เฉินซู่ได้ดึงแขนขวากลับและควบคุมพลังลูกธนูลมปราณ
ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพูดขึ้น “ถ้าหากเจ้าตอบคำถามของข้ามาสามข้อ ข้าก็จะทำเป็นไม่เห็นเรื่องในวันนี้ก็แล้วกัน”
เฉินซู่กำลังจะปะทุด้วยความโกรธ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ได้ยินเสียงระฆังดังขึ้นมาซะก่อน มันเป็นเสียงระฆังถ่ายทอดคำสั่งนั่นเอง ตัวเขาที่ได้ยินแบบนั้นจึงได้ถามลู่โจวออกไปด้วยความรำคาญ “มีอะไรบ้าง? “
“ประการแรกเจ้านายของเจ้าเป็นใครกัน? ประการที่สองจุดประสงค์ในการขนศพออกจากแม่น้ำคืออะไรกัน? และประการที่สามใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์กวาดล้างหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์? ถ้าหากเจ้าตอบคำถามทั้งสามข้อมาในวันนี้จะไม่มีคนต้องตาย”