ตอนที่ 103

My Disciples Are All Villains

น้ำเสียงและท่าทีของลู่โจวทำให้ฝานเชียวชื่อว่าลู่โจวนั่นแหละคือจีเทียนเด๋าตัวจริง ชายผู้เป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายจากศาลาปีศาจลอยฟ้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลู่โจวจะไม่ใช่ปรมาจารย์มหาวายร้ายผู้มีลูกศิษย์จอมวายร้ายทั้งเก้า มีใครที่อยู่ในใต้หล้าบ้างที่ไม่รู้จักชื่อเสียงของจีเทียนเด๋า จะมีใครได้อีกที่สามารถยืนหยัดโดยไม่ได้รับผลจากสุดยอดเวทมนตร์คาถาได้?

สาวกทั้งสองของฝานเชียวกำลังอ้าปากค้าง พวกเขาทั้งคู่ยืนนิ่งราวกับตุ๊กตา ร่างกายของพวกเขาทั้งสองสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวหลังจากที่ได้ยินเสียงหยวนเอ๋อ

ในตอนนั้นเองเฉินซู่ก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามทั้งสาม ดูเหมือนว่าเขากำลังรอคำสั่งจากผู้ที่อยู่บนรถม้า

ความเงียบได้เข้าปกคลุม ในตอนนี้มันเงียบมากจนไม่มีใครกล้าที่จะหายใจแรงๆ ออกมา

ในตอนนี้สุดยอดเวทมนตร์คาถาได้ถูกเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว!

ทหารที่กำลังยืนอยู่ด้านนอกได้เตรียมถือหอกพร้อมสำหรับคำสั่งโจมตีทุกเมื่อ ผู้ฝึกยุทธเองก็เตรียมพร้อมเช่นกัน

‘นี่เป็นสถานการณ์ที่มีแต่ชัยชนะ…นายท่าน ท่านกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ? ‘ เฉินซู่ได้แต่คิดอยู่ในใจ

กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!

เสียงระฆังได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง

ทันทีที่เฉินซู่ได้ยินเสียงระฆัง ตัวเขาก็ขมวดคิ้วในทันที หลังจากนั้นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเล่ห์กลก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ตัวเขาไม่เคยพบใครที่กล้าหาญพอที่จะพูดกับตัวเขาโดยที่ไร้ซึ่งมารยาทแบบนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าขอโทษด้วยนะ สำหรับตัวข้าคนตายน่ะจะรู้คำตอบของคำถามเหล่านี้ไปก็ไม่ได้มีความหมายอะไรหรอก”

ความตายเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนเหล่านี้แล้ว! เฉินซู่ไม่อาจที่จะเก็บลูกธนูพลังลมปราณของเขาได้

เฉินซู่ง้างสายธนูอย่างสุดแรงอีกครั้งก่อนที่จะเปลี่ยนพลังลมปราณให้กลายเป็นลูกธนู ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาก่อนที่จะเอ่ยปากพูดออกมา “จะพูดอะไรเป็นอย่างสุดท้ายไหม? “

ผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์คนนี้เชี่ยวชาญการใช้พลังลมปราณให้เปลี่ยนไปเป็นลูกธนูได้อย่างแท้จริง อันที่จริงแล้วเทพมือธนูทั้งสามเองต่างก็เชี่ยวชาญสิ่งนี้! สายตาของเฉินซู่จับจ้องไปที่สิ่งเดียว ลู่โจวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเฉินซู่คนนี้มีพลังมากกว่าลี่ฉิง มือธนูผู้เป็นหนึ่งในสี่อัศวินดำ

ขณะที่เฉินซู่จ้องมองลู่โจวที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ เฉิงซู่ได้ง้างธนูให้ไกลขึ้นกว่าเดิม

ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับมา “เคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่าค่าโง่รึเปล่าล่ะ ค่าของมันน่ะสูงเกินกว่าที่เจ้าจะหยั่งถึงซะอีก” ในตอนนั้นมือของลู่โจวก็ได้ถือการ์ดเอาไว้ มันไม่ใช่การ์ดเพียงใบเดียวแต่เป็นการ์ดถึง 5 ใบด้วยกัน ลู่โจวได้ซื้อการ์ดทั้ง 4 ใบภายในใจ

ลู่โจวโบกมือขึ้นมาอย่างเบาๆ ในตอนนั้นเองกระแสคลื่นพลังทั้งห้าสายก็ได้ปรากฏขึ้นจากบนมือ พลังกระแสน้ำวนได้หมุนวนทวนเข็มนาฬิกา! ในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นกระแสคลื่นพลังทั้งห้าก็ได้ไหลพุ่งออกมาจากมือของลู่โจว

พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!

เฉินซู่ปล่อยธนูพลังลมปราณออกมาเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่พลังพวกนั้นถูกกระแสคลื่นพลังของลู่โจวกลืนกินไปซะก่อน

กระแสคลื่นพลังได้พุ่งลอยตรงไปที่เฉินซู่ผ่านสุดยอดเวทมนตร์คาถาไป ถึงแม้ว่าพลังจากสุดยอดเวทมนตร์คาถาจะพยายามยับยั้งคลื่นพลังนั้น แต่กระแสคลื่นพลังก็ยังคงพุ่งต่อไปได้

“อะไรกัน…” เฉินซู่ขมวดคิ้ว

ในตอนนั้นเองกระแสคลื่นพลังสีทองก็ได้ปกคลุมทุกๆ คน ทุกอย่างในตอนนี้ดูเหมือนจะหมุนตามกระแสคลื่นพลังไป

นี่คือเคล็ดวิชาแห่งเต๋า คลื่นพลังมุทรา เมื่อคลื่นมุทราได้ถูกปล่อยออกไปทุกสอ่งทุกอย่างก็ได้แปรเปลี่ยนไป!

‘นี่มันอันตราย! ‘ เฉินซู่รีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ตัวเขาไม่เคยเห็นเคล็ดวิชาแบบนี้มาก่อน ในระหว่างที่ใช้ความคิดอยู่ คลื่นกระแสพลังทั้งห้าก็ได้ขยายตัวใหญ่มากขึ้น

คลื่นพลังเส้นหนึ่งได้แยกออกมาจนกลายเป็นแสงสีทอง แสงสว่างของมันส่องระยิบระยับไปทั่วทั้งสนามการต่อสู้ ในตอนนี้มันได้ขยายใหญ่จนดูเหมือนกับผังแปดทิศหยินหยาง

“คลื่นมุทรา! นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน? ” เฉินซู่ไม่สามารถถอยหนีไปได้ทัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ยิงลูกธนูพลังลมปราณออกมาทั้งสามดอกพร้อมกัน

พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!

เฉินซู่ไม่หยุดแค่นั้น เขาได้ยินลูกธนูพลังลมปราณออกไปอีกสามดอก

แต่ถึงแบบนั้นผังแปดทิศหยินหยางก็ไม่ได้เสียหายอะไร มันได้กลืนกินลูกธนูพลังลมปราณทั้งหมดไป

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถทำอะไรได้ ดวงตาของเฉินซู่ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวในทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหม่า มือไม้ที่ถือคันธนูเองก็สั่นเล็กน้อยเช่นกัน เฉินซู่ได้เริ่มยิงธนูออกมารัวๆ

น่าเสียดายที่ลูกธนูพลังลมปราณใช้ไม่ได้ผลกับผังแปดทิศหยินหยางอย่างสมบูรณ์แบบ สัญลักษณ์สีทองตรงใจกลางตอนนี้ขยายใหญ่จนควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้แล้ว

เฉินซู่ในตอนนี้อยู่ใกล้กับสัญลักษณ์สีทองมากเกินไป ไม่มีทางที่ตัวเขาจะหนีได้อีกต่อไป ‘จะมีคลื่นพลังมุทราที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไงกัน? หรือว่าที่แห่งนี้จะมีคลื่นพลังมุทราที่ใหญ่แบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว? ‘

แผงแปดทิศหยิงหยางได้ก่อตัวกันจนกลายเป็นกำแพงที่สูงถึง 10 ฟุต

ตู๊ม!

เสียงระเบิดดังขึ้น ในตอนนั้นเองแผงแปดทิศหยินหยางสีทองก็ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ มันระเบิดไปกับสายลมแล้วนั่นเอง

สถานที่แห่งนี้เองได้ตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง ในจุดที่เฉินซู่เคยยืนอยู๋ไม่มีอะไรหลงเหลืออีกต่อไปแม้แต่ร่องรอยเดียว

ในขณะเดียวกันนั้นเองคลื่นพลังทั้งสี่ที่เหลืออยู่ก็ได้พุ่งตรงไปยังสุดขอบฟ้า

ผู้ฝึกยุทธหญิงรอบรถม้าต่างก็ตกตะลึง พวกเธอใช้เวลาสักพักกว่าที่จะดึงสติกลับมาได้ ในตอนนี้พวกเธอทั้งหมดตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบแล้วนั่นเอง

ผู้ฝึกยุทธทั้งสี่ได้ตะโกนขึ้นมา “ป้องกันซะ! “

ผังแปดทิศหยินหยางทองคำที่ระเบิดร่างของเฉินซู่ไปได้กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง สุดยอดเวทมนตร์คาถาที่กำลังอยู่ใต้เท้าของทุกคนได้ถูกแสงสีทองจากแรงระเบิดเข้าปกคลุมแทน

สายตาของฝานเชียวเริ่มสงบลง ในโลกยุทธภพแบบนี้การจะใช้เคล็ดวิชาแห่งเต๋าแบบนั้นได้ผู้ฝึกยุทธคนนั้นจะต้องมีวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างต่ำเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถต้านทานสุดยอดเวทมนตร์คาถาได้อีกด้วย ยอดฝีมือคนนี้มีพลังลึกล้ำไปแค่ไหนกัน?

เมื่อเทียบกับคลื่นพลังมุทราอันใหญ่ยักษ์ตรงหน้า พลังคลื่นมุทราแห่งเต๋าของฝานเชียวไม่ได้ดูเก่งกาจอะไรเลย เขาไม่เคยเห็นคลื่นพลังมุทราที่ใหญ่และทรงพลังจนน่าตกใจขนาดนี้มาก่อน จากความรู้ที่ฝานเชียวมี คนที่สามารถจะใช้เคล็ดวิชาแห่งเต๋าขนาดนี้ได้คนคนนั้นจะต้องเป็นปรมาจารย์แห่งเต๋า! ฝานเชียวอยากจะหัวเราะออกมาหลังจากที่ได้แอบอ้างเป็นคนแบบนี้ไป

ในตอนนั้นผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งสี่ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ได้เปลี่ยนสีหน้าด้วยความมุ่งมั่น พวกเธอทั้งหมดมั่นใจว่าจะสามารถรับมือจากการโจมตีนี้ได้ แต่น่าเสียดายที่พวกเธอทั้งหมดก็จะต้องถูกระเบิดเช่นเดียวกัน กคลื่นพลังทั้งหมดได้ระเบิดระลอกคลื่นออกมา พลังระลอกคลื่นได้กระจายไปทั่วราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

“ปรมาจารย์แห่งเต๋า? ” พวกเธอทั้งหมดได้แต่อุทานออกมาหลังจากที่เห็นผังแปดทิศหยินหยางลอยพุ่งเข้าใส่

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

ในวินาทีนั้นเองผังแปดทิศทองคำทั้งสี่ก็ได้จับพวกเธอเอาไว้ พวกมันได้ระเบิดขึ้นราวกับดอกไม้ไฟก่อนที่จะจางหายไป หลังจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมจบลง เหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงบนท้องฟ้าก็หายไปทิ้งเอาไว้เพียงแค่ควันและสายลมเท่านั้น

“…”

“…”

ทุกๆ คนที่เห็นเหตุการณ์ในตอนนั้นต่างก็ตกตะลึงจนแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

“ติ้ง! คุณได้สังหารผู้ฝึกยุทธมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ 3 คน และผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์อีก 2 คน คุณได้รับ 3,700 แต้มบุญ”

‘โชคดีที่ฉันไม่ต้องเสียแต้มบุญไปอย่างเปล่าประโยชน์’ หลังตจากที่คำนวณแล้วลู่โจวก็พบว่าเฉินซู่เพียงคนเดียวทำให้ตัวเขาได้รับแต้มบุญถึง 1,500 แต้ม แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้อะไรตอบแทนมามากนัก ลู่โจวได้ใช้แต้มบุญไปทั้งหมด 2,000 แต้มก่อนหน้านี้ ตัวเขาลูบเคราตัวเองก่อนที่จะจ้องมองรอบๆ ตัว ‘ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีเขานะ แต่…’

เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์อย่างเฉินซู่ที่จะยิงลูกธนูทั้งสามดอกติดต่อกันได้ ถ้าหากลู่โจวไม่ได้ใช้การ์ดการโจมตีของเพรชฆาตไป ตัวเขาอาจจะต้องใช้การ์ดประกันชีวิตเพื่อป้องกันการโจมตี ยิ่งไปกว่านั้นบางทีตัวเขาอาจจะต้องใช้การ์ดสุดยอดป้องกันเพื่อรับการโจมตีต่อไป แต่แทนที่จะเสียการ์ดไปอย่างไร้ค่าลู่โจวสามารถโต้ตอบกลับไปด้วยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดได้

โลกแห่งนี้ไม่มีที่สำหรับชนเผ่าอื่นๆ ทั้งไตรเวอร์โซ่และมนุษย์เผือกต่างก็ได้แยกตัวออกจากโลกแห่งนี้ไปหลายช่วงอายุคนแล้ว แล้วทำไมผู้ที่มาจากชนเผ่าอื่นคนนี้ถึงได้เลือกที่จะกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของทางพระราชวังไป เผ่าไตรเวอร์โซ่ และเผ่าพันธุ์อื่นล้วนแต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่สืบทอดมาตั้งแต่ในอดีต

‘ทำไมองค์จักรพรรดิถึงได้เลือกคนแบบนี้ให้อยู่ใกล้ตัวกัน? หรือว่าเขาจะไม่รู้ว่าจะมีชนเผ่าอื่นแทรกซึมเข้าไปในพระราชวังได้? ถ้าหากมีเฉินซู่ คนอื่นๆ เองก็อาจจะแทรกซึมไปได้เช่นกัน…’

น่าเสียดายที่เหล่าชนชั้นสูงทั้งหลายไม่ได้มีความสามารถในการดูแลจัดการผู้คน

และเพราะเฉินซู่ถูกจัดการไป สุดยอดเวทมนตร์คาถาตรงนี้จึงเริ่มอ่อนแรงลง

รถม้าสีแดงเริ่มตกลงมาสู่พื้นดิน ในตอนนี้มันไม่ได้ถูกผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งสี่ประคองเอาไว้อีกต่อไป

สถานการณ์บนพื้นดินในตอนนี้วุ่นวายมากขึ้น เหล่าทหารทั้งหลายต่างก็พยายามหลบหนีอย่างเมามัน

‘ยอดฝีมือจากพระราชวังตายอย่างง่ายดายแบบนี้น่ะหรอ? ‘ ทหารทั้งหลายต่างรู้สึกตื่นตกใจจนยากที่จะยอมรับได้

จนถึงตอนนี้ลู่โจวก็ยังคงจับจ้องไปที่รถม้า ใครกันที่เป็นเจ้านายของเทพมือธนูทั้งสามเฉินซู่ได้ เจ้านายของเขาคนนั้นคงจะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!

ตู๊ม!

รถม้าได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ในตอนนั้นเองฝุ่นก็ได้คลุ้งไปทั่วพื้นที่

หลังจากที่สุดยอดเวทมนตร์คาถาอ่อนแรงลง ทัศนวิสัยทั้งหมดก็เริ่มกลับมาชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้ทุกคนต่างก็จับจ้องไปยังรถม้าสีแดงคันนั้น