ตอนที่ 171 หมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี

เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ

บัดซบ เจ้าว่านี่ยังวุ่นวายไม่พออีกหรือไง?

ฉินจิ่วเกออยากจะไปขอความช่วยเหลือจากพรรคโลหิตนภาเต็มแก่ แล้วฆ่าล้างบางพวกนี้เสียให้หมด

ผู้ฝึกวิชาปีศาจต้องการเลือดและวิญญาณ ส่วนแหวนมิติก็ตกเป็นของมัน

มาคิดดูแล้ว วิธีนี้ก็ดูเข้าท่าไม่น้อย หรือจะเอาเลยดี?

อันหยางเซื่องซื่อไปสักหน่อย แต่ตัวมันเองก็รู้สึกว่าการทำเช่นนี้ออกจะปัญญาอ่อนอยู่บ้าง

ดูท่าใกล้ๆ นี้คงจะมีพลังชั่วร้ายขุมใหญ่อยู่แน่ๆ ระดับสติปัญญาของข้าถึงได้มีปัญหา “ก็เจ้าบอกให้ข้าบีบเองนี่”

ฉินจิ่วเกอส่งสัญญาณเสียงสืบต่อ “ปู่น้อยคนนี้ขอขอบพระคุณบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรเจ้า! ”

“พวกมนุษย์ไร้ยางอายนั่นเรียกกำลังเสริม ช่างมัน เรื่องสำคัญตอนนี้คือเข้าไปรับมรดกของมหาจักรพรรดิทะเลมรณะต่างหาก! ”

จอมทรราชร้อนใจยิ่ง ตะปบมือคว้าชายเสื้อของสี่พี่น้องตระกูลเถี่ยเอาไว้ ตั้งใจจะโยนพวกมันเข้าไป

ชัดเจนว่า เทียบกับการวิ่งไปบนพื้นราบ การเหินบินยังจะรวดเร็วกว่า

“ใครกล้าขวาง จะถือว่าเป็นศัตรูกับเผ่าอสูรและพรรคทรราชเรา หากพบเห็นตายสถานเดียว! ” สามอาวุโสสูงสุดแห่งพรรคทรราช พลังฝีมือเก้าดวงธาตุสูงสุด

กระทั่งยังมีผู้บำเพ็ญพรตชุดขาวผมยาวสองท่าน ไม่คาดกลับบรรลุชั้นแหวกชำระกายา

ไพ่ตายทั้งหมดของพรรคทรราชล้วนถูกหงายออกมาจนหมดหน้าตัก ช่างน่าพรั่นพรึงถึงเพียงไหน

สี่ดวงธาตุสูงสุดและสองแหวกชำระกายา ขุมกำลังรบระดับนี้ กอปรกับมหายุทธ์กลั่นดวงธาตุขั้นเจ็ดขึ้นไปย่างสิบคน ประกายรัศมีช่างแจ่มจรัสบาดตา

“จะเล่นไม้แข็งว่างั้น? ”

ตระกูลเล็กๆ รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์อิสระต่างก็หวาดกลัวพรรคทรราช แต่เขาพิรุณเซียนไม่กลัว

เจ้าสำนักสะบัดมือ ทางด้านหลังก็ปรากฏผู้เฒ่าชุดขาวที่เป็นชนชั้นแหวกชำระกายาขึ้นมาคนหนึ่ง ด้านหลังสะพายกระบี่ยาวเอาไว้

“ค่ายพรรคเดชมารระดมพล! ” ประมุขพรรคเลือกแล้ว ค่ายพรรคเดชมารที่ไร้การเคลื่อนไหวมานานพลันอวดกำปั้นเขื่องโขออกมา

พรึบ!

หนึ่งแหวกชำระกายาและสองเก้าดวงธาตุสูงสุด

หากผนึกกำลังกับเขาพิรุณเซียน พวกมันย่อมสามารถสยบพรรคทรราชได้ ทันใดนั้น จอมทรราชและอาวุโสสูงสุดทั้งสามก็ต้องหน้าเปลี่ยนสี

คาดไม่ถึง ยอดฝีมือของสมาพันธ์อู่ซิ่งจะมายืนอยู่หลังพรรคทรราช ชัดเจนว่าต้องการสนับสนุน

“อาวุโสที่เจ้าว่าเก่งกล้าปานยอดมนุษย์คนนั้น จำต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะมาถึงที่นี่? ”

ฉินจิ่วเกอที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนนี้ร่างชาเหน็บไปหมดด้วยคลื่นพลังของกลั่นดวงธาตุ

อันหยางเองก็กำลังต้านรับพลังกดดันนี้อยู่ “เกรงว่าคงต้องใช้เวลาสักพัก”

“ไพ่ตายของสี่ขุมอำนาจสูงสุดต่างก็เผยออกมาหมดแล้ว ทั้งแหวกชำระกายาทั้งเก้าดวงธาตุสูงสุด อาวุโสที่เจ้าพูดถึง น่ากลัวว่าจะรับมือไม่ไหว”

เอาแค่เขาพิรุณเซียนค่ายพรรคเดชมารและพรรคทรราชก็ปาเข้าไปสี่แหวกชำระกายาแล้ว ไหนจะยังเก้าดวงธาตุสูงสุดอันเป็นขอบเขตสุดสูงนั่นอีก

หากไม่ใช่สัตว์ประหลาดเฒ่ากฎสรรพสิ่ง คงยากที่จะสยบพวกมันลงได้

“ไม่มีทาง ขอเพียงอาวุโสท่านนั้นยอมมา จำต้องสยบความวุ่นวายนี้ได้แน่! ” อันหยางเคยรับชมความยิ่งใหญ่ของอาวุโสท่านนั้นมาแล้ว

ว่ากันว่าอาวุโสท่านนั้นรูปโฉมเหนือธรรมชาติ บารมีสูงส่ง มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นยอดคนเหนือโลกา

ในดวงตาเปี่ยมศรัทธาร้อนแรงคู่นั้น คล้ายกำลังส่งเสียงออกมาว่า: ก็ไม่มีอะไรมาก แต่พวกที่อยู่ตรงหน้าล้วนเป็นได้แค่ขยะกองหนึ่งเท่านั้นแหละ

การที่เจ้าสามารถทำหน้าทำตาเช่นนั้นออกมาได้โดยที่ไม่ถูกใครทุบตีปางตายไปก่อนก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าอาวุโสผู้นั้นของเจ้าต้องมีดีอยู่บ้างจริงๆ

ต่อให้นำอาวุโสท่านนั้นเข้าไปเผาในเตาอบ ที่เหลือออกมานั้นไม่ใช่เถ้ากระดูก แต่เป็นพระธาตุ

“เอาเถอะ ข้าจะคอยดูแล้วกันว่าอาวุโสที่เจ้าว่าแท้ที่จริงคลอดออกมาก็แก่เลยหรือไม่”

ฉินจิ่วเกอได้แต่ต้องเชื่อสายตาของอันหยางไปก่อนเท่านั้น คงต้องขัดแข้งขัดขาเหล่ายอดฝีมืออารมณ์วัยรุ่นพวกนี้ไปก่อน

จอมทรราชร้อนใจจะแย่แล้ว แต่ที่แย่กว่าคือสี่พี่น้องตระกูลเถี่ยที่ถูกบีบคอเป็นไก่ เตรียมถูกโยนลงหลุมเข้าไปได้ทุกเมื่อ

มือซ้ายถือไก่ตัวหนึ่ง มือขวาถือเป็ดตัวหนึ่ง ในอกตะกองทารกอวบอ้วนไว้อีกหน่อ

เขาพิรุณเซียนและค่ายพรรคทรราชกดดันรุกไล่ สมาพันธ์อู่ซิ่งแม้จะยืนอยู่หลังพวกตน แต่พวกมันก็ไม่ได้ส่งยอดฝีมือที่แท้จริงออกมาเช่นกัน

กังวลว่าศัตรูคู่อาฆาตจะนำปัญหายุ่งยากมาให้ จอมทรราชจึงต้องส่งสัญญาณเสียงให้อาวุโสสูงสุดเข้ายื้อยุดพวกเขาพิรุณเซียนไว้ก่อน

ส่วนตัวมันก็อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครตั้งตัว จับเจ้าสี่พี่น้องตระกูลเถี่ยนี้โยนเข้าไปซะ

แม้วิธีการจะดูไม่ค่อยเหมาะสมแถมยังเสื่อมเสียความเป็นอสูรของพวกมัน แต่ถ้าสามารถชิงของรางวัลภายในนั้นได้ก่อน เชื่อว่ามรดกของมหาจักรพรรดิทะเลมรณะคงไม่ตกเป็นของใครไปได้

ฉินจิ่วเกอผู้มากเล่ห์ มีหรือจะพลาดการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของจอมทรราชนี้ไป มันถอนใจคราหนึ่งสืบเท้าเข้าหา

ฝ่ามือแหงนชี้ฟ้า รีดเค้นพลังเสียงตะโกนออกมา “หยุด หยุดกันให้หมดนั่นแหละ”

ทุกคนมองตามเสียง ที่แท้กลับเป็นพิสุทธิ์ไพศาลที่พวกมันเพียงจามใส่ทีเดียวก็สลายไปจากผิวโลก ฉับพลันแววตาก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย

จอมทรราชตวาดมาประโยคหนึ่ง “เจ้าหนูไปเล่นที่อื่นไป นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า! ”

ช่างปะไรแล้ว จอมทรราชตัดสินใจลงมือขั้นเด็ดขาด สี่พี่น้องตระกูลเถี่ยในมือหมุนคว้างเป็นลูกข่าง ใกล้จะกลายเป็นลูกหนังพุ่งเข้าปากหลุมไปอยู่รอมร่อ แต่ในตอนนั้นเอง ฉินจิ่วเกอที่ยังปิดคลุมโฉมหน้ากึ่งหนึ่ง พร้อมสลัดผ้าคลุมหนาออกจากตัว แล้วปลดเอาหน้ากากเงินออกจากใบหน้า

เจ้าสำนักล่วงรู้ถึงฐานะของฉินจิ่วเกอก่อนแล้ว จึงไม่ได้ประหลาดใจ เพียงแค่สงสัยว่าเหตุใดเจ้าเด็กจอมละโมบถึงได้ยอมทิ้งโอกาสกอบโกยขุมทรัพย์ก้อนโตไปเช่นนี้

ในขณะที่ค่ายพรรคเดชมาร พรรคทรราชรวมถึงระดับสูงของสมาพันธ์อู่ซิ่งต่างก็ต้องเบิ่งตาโง่งม

จอมทรราชที่กำลังจะเหวี่ยงสี่พี่น้องตระกูลเถี่ยเข้าไปนั้น ทันทีที่เห็นฉินจิ่วเกอ ภาพจำฝังลึกก็ผุดวาบ ท่อนแขนจึงกระตุกวูบ

สี่พี่น้องสูญเสียความสมดุล จึงพลาดเป้าไม่เข้าปากหลุม แต่ไปโหม่งเข้ากับศิลาโลกหนักนับแสนจินเข้าก้อนหนึ่ง จนทลายเละเทะไม่เหลือสภาพเดิม

ร่างของจอมทรราชแข็งค้างอยู่ในท่าที่ดูน่ากระอักกระอ่วนไม่น้อย ก่อนจะลดแขนลงด้วยความอับอายระคนฉุนเฉียว ส่งยิ้มกระอักกระอ่วนไปรอบด้าน

ทุกคนสูดลมหายใจหนาวเหน็บ ตามองไปที่สี่พี่น้องตระกูลเถี่ยที่สลบเหมือดอย่างเวทนาจับใจ

ไอหยา สี่พี่น้องนี้ช่างน่าเห็นใจแท้ๆ คาดว่าคงจะฝังใจกับการบินไปตลอดชีวิต

เหตุเกิดยามเหินบิน นับเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ระดับสูงของพรรคทรราชต่างไม่เห็นว่าจะมีอะไร

ที่ทำให้พวกมันตื่นกลัวมากที่สุดคือใบหน้าของฉินจิ่วเกอต่างหาก ช่างเป็นใบหน้าที่แสนคุ้นเคยและกระตุ้นอาการเดจาวูอะไรขนาดนี้!

ดูสิดู ทั้งปากที่แหลมเปี๊ยว ทั้งแก้มที่ตอบเหมือนลิง ทั่วหน้าปรากฏลักษณ์ความชั่วร้ายพาดผ่าน

รูปร่างที่จะว่าสูงก็ไม่สูง จะว่าเตี้ยก็ไม่เตี้ย เห็นแล้วอยากเข้าไปสหบาทาสักสองสามเท้า เป็นคนที่สวมบทผู้ฝึกวิชาปีศาจได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องแต่งหน้าอะไรทำนองนั้น

“ดูเหมือนทุกคนจะยังจำข้าได้สินะ ผู้น้อยฉินจิ่วเกอ กาลก่อนมีวาสนาได้พบปะกับท่านทั้งสี่”

“เป็นเจ้า! ” วันนั้นในเมืองเทียนเอิน จอมทรราชถูกอาวุโสใหญ่ทุบตีจนแทบทุพพลภาพ ฉินจิ่วเกอจึงพลอยถูกมันเคียดแค้นหมายหัวไปด้วย

“เจ้าเด็กนั่นเป็นใคร? ” มีคนตามไม่ทัน ถึงอย่างไรเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นก็ถูกสี่ขุมอำนาจสูงสุดจงใจเก็บงำไว้

ความจริงย่อมถูกเปิดเผย มียอดฝีมือคนหนึ่งเอ่ยตอบด้วยเสียงสั่นเครือ “มันคือคนที่ได้ผลอู๋เลี่ยงสดไปครอง! ”

“อะไรนะ? ”

เฒ่าเรืองปัญญาบังคับนาวาเรืองปัญญาออกจากเมืองเทียนเอิน

แต่ก่อนหน้านั้น กลับมีคนทำลายกฎเหล็กหมื่นปี และได้รับผลอู๋เลี่ยงสดไปครองในที่สุด

หัวหอกของสี่ขุมอำนาจสูงสุดล้วนมากันพร้อมหน้า พร้อมด้วยศาสตราศักดิ์สิทธิ์ระดับกลาง แต่กลับต้องพ่ายอย่างหมดรูป

ความทรงจำส่วนลึกในสมองของทุกคนพลันถูกปลุกกระตุ้น แววตาที่ใช้มองฉินจิ่วเกอเปลี่ยนเป็นเลื่อมใส กระทั่งสอดแทรกความละโมบร้อนแรง

เป็นมัน?

คำสนทนาเหล่านี้แน่นอนไม่อาจพ้นหูพ้นตาไป๋หลี่ชิงเฉิงไปได้

หากเอ่ยถึงอัจฉริยะระดับโลก ตัวไป๋หลี่ชิงเฉิงเองคิดว่าผู้เยาว์ของทั้งสามเผ่าก็คงเป็นได้แค่นั้น

กลับเป็นผู้ลึกลับที่ได้ผลอู๋เลี่ยงสดไปครอง จึงจะเป็นบุคคลที่โดดเด่นอย่างแท้จริง และคู่ควรที่จะพาเข้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์

นึกไม่ถึง บุคคลที่ตนเองชื่นชมนักหนา กระทั่งได้รับความสนใจจากอาวุโสลัทธิศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ จะกลับกลายเป็นคุณชายฉินผู้มีพฤติการณ์ชั่วช้าสารเลว ต่างจากภาพลักษณ์วีรชนกู้โลกอย่างที่เคยวาดภาพเอาไว้อย่างลิบลับ

มองดูรอยยิ้มยียวนของอีกฝ่ายแล้วก็ต้องทบทวนอีกครั้งว่านี่คือจอมปีศาจที่ช่วงชิงผลอู๋เลี่ยงสดมาได้จริงๆ?

ไป๋หลี่ชิงเฉิงรู้สึกเชื่อไม่ลงอยู่บ้าง กระทั่งเหยียดหยัน หากนางมีโอกาสได้เข้านาวาเรืองปัญญาบ้างละก็ ย่อมต้องไม่แพ้อีกฝ่ายแน่

แต่ตอนนี้อีกฝ่ายควรจะนับเป็นไส้ศึกที่แฝงตัวเข้าสู่ค่ายเผ่ามนุษย์ใช่หรือไม่?

หาคาดไม่ว่า แท้ที่จริงฉินจิ่วเกอไม่ได้เข้าฝักเข้าฝ่ายไหนเลย ทั้งไม่ใช่พวกไม่มีจุดยืนเช่นกัน มันเพียงดำเนินชีวิตตามหลักการของตัวเองเท่านั้น

“เป็นเจ้า? ” หลังชะงักไปครู่หนึ่ง ร่างของจอมทรราชก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นวูบ พลันต้องร่ำร้องออกมา

สามอาวุโสสูงสุดที่ยืนอยู่ข้างกายก็แสดงปฏิกิริยาพร้อมกัน แม้พวกมันจะไม่ได้ถูกอาวุโสใหญ่เล่นงาน แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง

“พี่ฉินถึงกับร้ายกาจปานนี้? ” อันหยางเบิ่งตาโง่งม นั่นเป็นถึงเก้าดวงธาตุสูงสุดเชียวนะ ชนชั้นที่กระทั่งไพ่ศิษย์เอกสายตรงจากหุบเขาเพลิงราชันของมันยังไม่ยอมซื้อหา

“วีรบุรุษในใต้หล้าใครกล้าขัด ไม่มี ข้าก็คือคนผู้นั้น”

ฉินจิ่วเกอกล่าวตอบอย่างโอหัง ด้วยพลังชนชั้นพิสุทธิ์ไพศาล กลับทอดตามองกลั่นดวงธาตุรอบตัวอย่างสุขุม

“เท่เป็นบ้า! ”

อันหยางรู้สึกว่าฉินจิ่วเกอผู้นี้ช่างถูกใจมันจริงๆ คำพูดของอีกฝ่ายเท่านั้นจึงจะสามารถสะท้อนความภาคภูมิของชายชาติบุรุษเผ่ามนุษย์ออกมาได้ ในดวงตาของหลงเฟิงเองก็เกิดประกายดาราแพรวพราว ฉินจิ่วเกอในเวลานี้เรียกได้ว่าแทบจะลุกพรึ่บด้วยเปลวเพลิงแห่งความจ๊าบ

“ข้าก็แค่พูดขำๆ เท่านั้น ทุกท่านอย่าได้ถือสา” ฉินจิ่วเกอประคองมือกล่าวอย่างถ่อมตนไปรอบด้าน

ไอ้บ้า!

ทุกคนลอบก่นด่าอยู่ในใจ คงจะมีแต่คนบ้าเช่นนี้นี่แหละจึงจะสามารถเอาชัยเหนือเฒ่าเสียสตินั่นได้

จอมทรราชนิ่งมองฉินจิ่วเกออยู่ครึ่งค่อนวัน พอไม่เห็นเงาของอาวุโสใหญ่อยู่ใกล้ๆ ก็เกิดใจกล้าขึ้นมาหน่อย “เจ้าเด็กอวดดี เป็นแค่พิสุทธิ์ไพศาล กลับกล้ามายืนอวดเก่งต่อหน้าข้า ไปตายซะไป! ”

“ช้าก่อน” สุภาพบุรุษฉินผู้ไม่เคยคิดที่จะเป็นจุดเด่นเอ่ยขึ้น หากไม่ใช่เพราะต้องทำเพื่อความสงบสุขของปวงประชา มันย่อมไม่มีทางส่งตัวเองออกมายืนเด่นเป็นสง่าอยู่แล้ว

เพราะมันรู้ดีว่ามีคนมากมายคอยสาปแช่งให้มันไปที่ชอบๆ อยู่ลับๆ

ยกตัวอย่างเช่นจอมทรราชและอาวุโสสูงสุดหลายท่านที่ด้านหลังของมันนั่นอย่างไรเล่า

“เจ้ามีวาจาล้ำค่าใดคิดกล่าว?” สามารถเอ่ยวาจาสุภาพชนออกมาต่อหนอนแมลงพิสุทธิ์ไพศาลกระจ้อยร่อยได้เช่นนี้ จอมทรราชคิดว่าตัวมันช่างทรงคุณธรรมล้ำเลิศ เป็นตัวอย่างแก่อสูรในเผ่าของมันได้เลยทีเดียว

“ข้ายังอยากอยู่ไปอีกห้าร้อยปีจริงๆ”

“ข้าอยู่มานานพันปีแล้ว เจ้าก็ไปตายซะเถอะ” จอมทรราชเอ่ยอย่างไร้น้ำใจ เจ้าคนต่ำช้ายาจกที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน

ฉินจิ่วเกอเอ่ยด้วยความเคารพสูงสุด “ข้าเพิ่งอยู่มายี่สิบกว่าปี ขอถามอาวุโสเคล็ดลับอายุยืนของท่านคืออันใด”

“อายุขัยมาจากการออกกำลังกาย” จอมทรราชเอ่ยอย่างเรียบง่าย มันออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ค้นหาตัวตนอันจริงแท้ จึงสามารถบรรลุสู่ชั้นเก้าดวงธาตุสูงสุดเช่นทุกวันนี้

กวาดตามองไปทั่วทวีป นับว่าสดใหม่ไร้คู่เปรียบโดยแท้

“จอมทรราชท่านคือสัตว์อสูร? ขอถามท่านคือสัตว์อสูรใด?”

“คือเต่าเทวะปรโลก!”

“อา ชีวิตที่แท้สงบนิ่งมั่นคง ท่านดู พวกเราสองสมควรนั่งลงสนทนาอย่างสงบสุข สันติถึงเพียงไหน”

สองมือฉินจิ่วเกอทำรูปหัวใจ แผ่เมตตาไปให้ผู้คนโดยรอบ

“วาจาล้ำค่ากล่าวจบแล้ว เจ้าตายได้แล้ว”

จอมทรราชอดรนทนไม่ไหว ขอสังหารเด็กน้อยนี้ก่อน ค่อยสับเนื้อมันให้เละ

“ช้าก่อน”

“อะไรอีก?”

“ข้าคือศิษย์พี่ใหญ่ของพระเอก เจ้ากล้าแตะต้องข้า?” ฉินจิ่วเกอใคร่ครวญอย่างละเอียด ตนเองทั้งไม่เคยขโมยอาหารบ้านช่องมัน ทั้งไม่เคยล่อลวงสตรีในหอห้องของมัน

ส่วนเรื่องก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นในเมืองเทียนเอิน คนที่ตบมันอันที่จริงคืออาวุโสใหญ่ หากเก่งกล้าสามารถก็ไปคิดบัญชีเอากับท่านอาจารย์เองสิ

“เจ้าในวันนี้ต่อให้มีผู้เฒ่าสวรรค์มาเอง ก็ไม่มีประโยชน์!” เก้าดวงธาตุสูงสุด คิดสังหารพิสุทธิ์ไพศาลตัวจ้อย ไม่ต่างจากบี้มด

ทว่าฉินจิ่วเกอทาบ ตนเองไม่อาจตายได้ เนื่องเพราะยอดฝีมือที่อันหยางอัญเชิญมา ที่จริงมาถึงแล้ว!