บทที่ 159 กลิ้งไปตามเถาไม้เลื้อย 6 (2)

พื้นที่สั่นสะเทือนเริ่มทรุดตัวลงและขยายลงลึกไปเรื่อยๆ คาร์ลกระโดดลงจากโต๊ะและเริ่มออกสำรวจพื้นใต้ดินที่ทรุดตัวลง

พื้นใต้ดินนี้อาจเรียกว่าถ้ำขนาดเล็กก็เป็นได้ เพดานทั้งแคบและต่ำจนศีรษะของคาร์ลเกือบชนเข้ากับมันและผนังโดยรอบก็ไม่ได้ราบเรียบ สายตาของคาร์ลพุ่งไปยังสิ่งที่วางอยู่ในถ้ำแคบๆนี้

‘จะมีโลงศพตั้งอยู่ในนั้น’

คาร์ลมองเห็นโลงศพ 10 โลงตั้งเรียงรายกันอยู่

‘นักบวชผู้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงถูกตราหน้าว่าเป็นคนนอกรีตและถูกฝังร่างอยู่ที่นั่น’

นับเป็นเวลาหลายร้อยปีเพื่อเป็นการรักษาและสืบทอดฐานอำนาจของพระประมุขแห่งคริสตจักร อดีตประสันตะปาปาได้มีคำสั่งให้นักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีตให้เดินทางไปรับโทษยังสถานที่ห่างไกล พวกเขาอ้างว่านักบวชนอกรีตทั้งหมดถูกส่งตัวไปสำนึกผิดในสถานที่ที่เป็นอันตรายเพื่อทำงานเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือชาวบ้านผู้ตกยาก

อย่างไรก็ตามนักบวชนอกรีตเหล่านั้นไม่ได้หวนกลับคืนมา

พวกเขาไม่เคยถูกส่งตัวไปยังพื้นที่อันตรายแต่พวกเขาถูกฆ่าตายทั้งหมด

‘ครั้งแรกที่พระสันตะปาปาพาข้ากับฮันนาห์ออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า..เขาพาข้ากับฮันนาห์มาอยู่ในถ้ำแคบๆแห่งนี้..เขาสั่งให้พวกเราเชื่อฟังเขาหากไม่อยากตายเหมือนคนอื่นๆ’

ในชีวิตวัยเด็กของฝาแฝดคู่นี้ถูกเลี้ยงดูมาข้างๆโลงศพที่มีซากศพอายุหลายร้อยปีอยู่ด้านใน วิธีการเลี้ยงดูเช่นนี้ทำให้คาร์ลเข้าใจได้ว่าทำไมฮันนาห์จึงมีความคิดที่บิดเบี้ยวคล้ายกับคนโรคจิตเช่นนั้น

“น..นายน้อยคาร์ล..นั่นมัน..โลงศพนี่ขอรับ?”

คาร์ลได้ยินเสียงกระวนกระวายของโคราลอดเข้ามาในหู

“ใช่..มันคือโลงศพ”

คาร์ลเดินตรงไปที่โลงศพที่10ทันที

‘ไม่มีซากศพใดๆอยู่ในโลงที่10..พระสันตะปาปาบอกว่าโลงศพนั่นเป็นโลงศพของข้าหากข้าคิดเป็นศัตรูกับเขา..เขาบอกกับฮันนาห์ว่าพี่ชายของนางจะลงเอยด้วยการเป็นศพหากฮันนาห์คิดก่อกบฏกับเขา..ช่างเป็นพระสันตะปาปาที่ชั่วร้ายยิ่งนัก’

‘อย่างไรก็ตาม..โลงศพนั่นคือสิ่งที่เป็นความลับของวิหารแห่งนี้..มันเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด’

ใช่แล้ว! มันคือส่วนที่สำคัญที่สุด

“นายน้อยคาร์ล!”

โครารีบวิ่งไปหาคาร์ลด้วยความตกใจเมื่อเห็นเขาเปิดฝาโลงศพที่10ออก อย่างไรก็ตามคาร์ลได้เปิดออกก่อนที่โคราจะได้ทำอะไร

‘นายน้อยคาร์ล..สมบัติทั้งหมดของพระสันตะปาปาอยู่ในโลงศพที่10’

พวกมันเป็นสมบัติที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อผู้นำคนอื่นๆของของคริสตจักรได้

โอ้!

ราอนอ้าปากค้างซึ่งมีอาการเดียวกับโคราไม่มีผิด

“…โอ้!พระเจ้า”

โครามองเห็นสิ่งของห้าชิ้นอยู่ในโลงศพ บางอย่างก็ถูกห่อด้วยกระดาษและบางอย่างก็ปิดผนึกด้วยกล่องแก้ว พวกมันทั้งหมดต่างดูสวยงามและมีราคาแพง ดาร์กเอลฟฺผู้รู้ถึงอัตลักษณ์ของหนึ่งในสิ่งของเหล่านั้นเริ่มแสดงความคิดเห็นออกมาด้วยความตกใจ

“โอ้พระเจ้า!..น้ำตาพระอาทิตย์อยู่ที่นี่!”

นี่คือเพชรขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์ซึ่งเคยปรากฏในงานประมูลแบบลับๆของอาณาจักรคาโรเมื่อ50ปีก่อน มันถูกเรียกว่าน้ำตาพระอาทิตย์เพราะส่องแสงสีทองออกมาแม้จะเป็นเพชรสีขาวสะอาดตาก็ตาม

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าใครคือผู้ชนะการประมูลแต่มันก็สามารถขายได้กว่าหมื่นล้านแกลลอน

น้ำตาพระอาทิตย์ถูกซ่อนอยู่ในโลงศพนี้

“นายน้อยคาร์ล..แค่ของชิ้นนี้ชิ้นเดียวก็น่าทึ่งขนาดนี้แล้ว!..ข้าน้อยเชื่อว่าสิ่งของพวกนี้ต้องมีมูลค่าใกล้เคียงกันอย่างแน่นอน!”

โคราไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ได้

เขาอาจไม่เป็นเช่นนี้หากสิ่งที่เจอเป็นเพียงทองคำหรืออัญมณีอื่นๆ อย่างไรก็ตามการที่พบสิ่งของเพียง5ชิ้นมันต้องดูพิเศษในเรื่องของมูลค่าเกินกว่าที่จะประเมินได้

‘มีโลงศพทั้งหมด10โลงนี่นา’

โคราถามคาร์ลด้วยความตื่นเต้น

“นายน้อยคาร์ล..เราควรเปิดโลงศพโลงอื่นดูหรือไม่?”

“ดูท่าจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่”

“อะไรนะ?”

“โลงศพอื่นๆ..ล้วนมีเพียงแค่ซากศพ”

“อ่า…”

โคราอ้าปากค้างก่อนจะหยุดฝีเท้าที่กำลังจะเดินไปยังโลงศพอื่นทันที จากนั้นเขาก็พึมพำออกมาเบาๆเมื่อมองไปยังโลงศพอีก9โลง

“อืม..ของห้าชิ้นนี้ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน”

‘น่าจะเป็นเช่นนั้น’

คาร์ลพยักหน้าให้กับสิ่งที่โคราเอ่ยแต่เขารู้ดีว่าโลงศพพวกนี้เป็นกุญแจชิ้นสำคัญ

“แล้วเราจะทำอย่างไรกับโลงศพพวกนี้ขอรับ?”

“นักบวชที่ข้ารู้จักบอกว่าซากศพเหล่านี้เป็นนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง..พวกเขาพากันต่อต้านการกระทำที่ชั่วร้ายของคริสตจักรเลยถูกสังหาร”

“ห๊ะ!?”

โคราไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ยินเรื่องเช่นนี้ เขาหันไปมองหน้าคาร์ลพร้อมใบหน้าขมขื่น

“บุคคลที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้กลับต้องมาจบชีวิตลงที่นี่”

“ใช่..ตอนนี้เรายังไม่สามารถทำอะไรได้..เราควรกลับกันได้แล้วล่ะ”

“ขอรับ”

โครามองไปที่โลงศพพลางขมวดคิ้วมุ่น เขารู้สึกไม่ดีที่ต้องปล่อยให้โลงศพเหล่านี้อยู่ในถ้ำเล็กๆที่ทั้งเก่าและทรุดโทรม

ตอนนั้นเองที่มีมือข้างหนึ่งมาตบที่ไหล่เขาเบาๆ

มันเป็นมือของคาร์ล

“โครา..ข้าเองก็รู้สึกแบบเดียวกับเจ้าแต่มันจะต้องมีวันที่พวกเขาจะได้รับการยกย่องอย่างแน่นอน..มันย่อมมีทางเกิดขึ้นได้หากเราเปิดโปงความชั่วของจักรวรรดิ..เจ้าไม่คิดเช่นนั้นรึ?.ตอนนี้เราควรให้ความสำคัญกับงานของเราก่อนและอีกไม่นานโอกาสนั้นจะเข้ามาเยือนเอง”

“ขอรับ!..ข้าเข้าใจแล้ว!”

โคราเก็บคำพูดของคาร์ลไว้ในใจก่อนจะหยิบสมบัติที่พบเก็บไว้ในกระเป๋าเวทย์

‘เขาไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ’

โคราจำสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของคาร์ลได้ คาร์ลปลอบเขาด้วยน้ำเสียง ท่าทางและแววตาที่มั่นใจว่าวันนั้นจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน

คาร์ลมองโคราที่เก็บสมบัติเข้ากระเป๋าเวทย์และเริ่มคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

อนาคตอันใกล้นี้

เหล่านักบวชที่อยู่ในโลงศพจะกลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ศักดิ์สิทธิ์ตัวจริงของคริสตจักรพระเจ้าแห่งแสงตะวันที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่

~ เจ้าต้องช่วยพวกเขาให้ได้นะ! ถ้ำแคบๆแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ไม่ควรอยู่เลยสักนิด!~

คาร์ลไม่ตอบสนองต่อคำสั่งของคาร์ลเพราะนั่นคือแผนต่อไปของเขา

.

.

.

“โอ้..นายน้อยคาร์ล..เจ้าช่างดูดียิ่งนัก!”

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ..พระองค์ก็เป็นดาวเด่นของงานวันนี้เช่นกัน”

อัลเบิร์กหัวเราะให้กับคำตอบของคาร์ลและยกนิ้วชมเชยเขาทันที

“วันนี้เจ้าก็เป็นดาวเด่นเช่นกัน!..ยอดเยี่ยมจริงๆ!”

คาร์ลก็เริ่มหัวเราะออกมาเช่นกัน

~ เจ้ามนุษย์กับองค์ชายรัชทายาทช่างแปลกจริงๆ?~

ราอนที่ยังคงใช้เวทย์ล่องหนบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ

แม้แต่เบ็นและฮิลส์แมนที่ถูกางตัวให้เป็นคนอารักขาพวกเขาในวันนี้ก็มองคนทั้งคู่ด้วยสายตาแปลกๆเช่นกัน

อย่างไรก็ตามคาร์ลและอัลเบิร์กไม่ได้สนใจ

พวกเขาทั้งคู่ต่างพูดคุยกันผ่านสายตา

‘ถ้าเราขายพวกมันทั้งหมดได้..เราจะทำเงินได้หลายหมื่นล้านแกลลอน…ทั้งอาร์มและจักรวรรดิจะต้องกระอักเป็นเลือดหากรู้ความจริงข้อนี้..ฮ่าฮ่าฮา’

‘หม่อมฉันเห็นด้วยพะย่ะค่ะ..สาแก่ใจยิ่งนัก!’

พวกเขาจะสร้างรายได้มากกว่าหมื่นล้านแกลลอนได้อย่างง่ายดาย

ตอนนี้สมบัติที่ถูกหยิบออกมาจากโลงศพอยู่กับเชวฮันในห้องของคาร์ล

องค์ชายรัชทายาทกล่าวว่าพวกเขาควรทิ้งสมบัติไว้กับนักดาบเชวฮัน มันคงไม่ดีกับพวกเขาหากต้องพกไว้เองในขณะที่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงฉลอง

คาร์ลเห็นด้วยกับอัลเบิร์กเช่นกัน เขาจำสิ่งที่อูฮาเบ็นบอกไว้ได้

‘เจ้าโสโครกนั่นหายไปแล้ว’

ตัวแทนจากอาณาจักรโรมันจะออกเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้นหลังจากพิธีพบปะแบบทางการเสร็จสิ้น นั่นคือเหตุผลที่นักฆ่าซึ่งถูกส่งตัวมาสอดแนมคาร์ลได้หายตัวไป

‘พวกเขาอาจสอดแนมอยู่รอบๆวิหารเพราะได้รับภารกิจให้จัดการในบางสิ่ง’

พวกเขาอาจถูกเรียกตัวให้ไปสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับพลังเวทย์ที่ตายไปแล้วซึ่งคาร์ลให้เชวฮันแพร่กระจายไปทั่วสวนหย่อม คาร์ลตัดสินใจปัดเรื่องนี้ทิ้งเมื่อมีสิ่งที่ต้องทำในวันนี้

“นายน้อยคาร์ล..เราไปกันเถอะ”

“พะย่ะค่ะองค์ชาย”

อัลเบิร์กออกเดินนำทันทีและคาร์ลก็เดินตามหลังไปช้าๆ คาร์ลแต้มรอยยิ้มหนาบนใบหน้า ดูเหมือนเขาจะรู้สึกตื่นเต้นกว่าตอนที่หัวเราะกับอัลเบิร์กเมื่อสักครู่เสียอีก

ฟิ้ววววววว!!!!

อัลเบิร์กหันหลังกลับไปมองเมื่อรู้สึกถึงลมพัดจากด้านหลัง

“หืม?..หน้าต่างยังไม่ได้ปิดงั้นหรือ?..เบ็นไปดูหน่อยสิ”

“พะย่ะค่ะองค์ชาย..หม่อมฉันจะรีบไปปิดเดี๋ยวนี้”

เบ็นรีบวิ่งไปปิดหน้าต่างสองบานที่เปิดอยู่และเริ่มนำทางพวกเขาอีกครั้ง คาร์ลสาวเท้าตามหลังพวกเขาไปช้าๆในขณะที่ราอนเริ่มพูดเข้ามาในหัวของคาร์ล

~ มนุษย์!ลมเมื่อกี้เป็นฝีมือของเจ้าใช่มั้ย??~

แน่นอนว่าลมที่พัดผ่านหลังของอัลเบิร์กไปเมื่อสักครู่เกิดจากเสียงเรียกของวายุ

ทั้งเสียงเรียกของวายุและคาร์ลต่างตื่นเต้นที่จะได้ไปค้นหาเครื่องมือพระเจ้า