บทที่ 161 เด็กคนนี้นิสัยเสียนิดหน่อย

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 161 เด็กคนนี้นิสัยเสียนิดหน่อย

บทที่ 161 เด็กคนนี้นิสัยเสียนิดหน่อย

“อะไรทำให้ท่านคิดว่า ขอเพียงยึดมั่นในเส้นทางของตนเอง แล้วคนอื่นจะไม่เล่นสกปรก?”

ลู่หยวนจ้องตรงเข้าไปในดวงตาของหลิงอวิ๋น “การแข่งขันภายในสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมลับหลังได้ เจ้าคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำอะไรเชียวหรือ?”

นางเปิดปากกำลังจะพูด แต่ก็รู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งมาอุดลำคอไว้

ใช่แล้ว ปกป้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ไปจะมีประโยชน์อะไร?

ไม่มีประโยชน์…

นางเพิ่งได้รับข่าวว่า ยอดฝีมือที่อยู่กับสำนักบรรพชนเสวียนเริ่มแทรกซึมเข้ามาในยอดเขาของสำนักแต่ละแห่งแล้ว

ขอเพียงมีโอกาส พวกเขาย่อมฆ่าลู่หยวนแน่นอน!

การแข่งขันภายในครั้งนี้ สำหรับพวกเขานั้นนับว่าเป็นโอกาสที่ดี

“เฮ้อ”

ลู่หยวนแสยะยิ้ม กล่าวคำพูดเหน็บแนม “ข้าจำได้ ท่านเคยพูดเอาไว้ว่า ที่ข้ามาถึงวันนี้ได้เพราะพึ่งพาตระกูล”

“ตอนนี้ข้าขอคืนคำพูดเหล่านั้นกลับไปบ้าง หลิงอวิ๋น ท่านมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะพึ่งพาตระกูลเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลท่านยิ่งใหญ่ในแดนมัชฌิม คนอย่างท่าน เกรงว่าคงถูกโค่นล้มไปนานแล้ว”

“เจ้า!”

อีกฝ่ายจ้องชายหนุ่มอย่างเกรี้ยวกราด นางมาที่นี่เพื่อจะสั่งสอนเขา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นฝ่ายถูกสั่งสอนแทนงั้นหรือ?!

ลู่หยวนลุกยืนพลางหยิบยันต์ขึ้นมา ก่อนจะเขียนอักขระมากมายลงไปโดยใช้มือแทนพู่กัน จากนั้นส่งให้กับคู่สนทนา “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะเข้าร่วม แทนที่อาจารย์สำนักจะมาเกลี้ยกล่อมให้ถอนตัว ทำไมไม่เตรียมของให้ข้าแทนเสียล่ะ”

นางรับแผ่นยันต์จากคนตรงหน้า ยามสายตากวาดมองอักขระบนยันต์ หัวใจพลันรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา

สิ่งที่ถูกเขียนไว้คือสมุนไพรวิญญาณเก้าสิบสามชนิด ซึ่งล้วนมีพิษร้ายแรงทั้งสิ้น!

หลิงอวิ๋นบีบยันต์ในมือ “เจ้าจะเอาพิษพวกนี้ไปทำอะไร?”

คนถูกถามตอบอย่างเป็นธรรมชาติ “ฆ่าคน… ข้าจะเอาพิษที่ฆ่าคนไม่ได้ไปใช้ทำอะไรเล่า?”

“ถ้าท่านไม่อยากเตรียมก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรข้าก็หามันได้ผ่านประกาศิตรุ่งอรุณอยู่แล้ว”

อาจารย์สำนักครุ่นคิดสักพักก่อนตอบ “เข้าใจแล้ว มีอะไรที่ต้องเตรียมอีกหรือไม่?”

เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายยินยอม ชายหนุ่มก็อดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้

เขาคิดว่านางจะจุกจิก คาดไม่ถึงว่าจะยอมง่ายขนาดนี้ เห็นดังนั้นลู่หยวนจึงเขียนชื่อคัมภีร์โบราณบางส่วนให้นางไปตระเตรียม

หลิงอวิ๋นกำลังจะไปหยิบให้ตามคำสั่ง ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายขัดจังหวะ “ระวังหยางอวิ๋นเอาไว้ด้วย”

คนฟังขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าลู่หยวนหมายความว่าอะไร

ชายหนุ่มถือถ้วยชา เปลือกตาขยับ “เด็กคนนี้นิสัยเสียนิดหน่อย เขาชอบหาเรื่องใส่ตัว ท่านลองดูตรงมุมเสื้อผ้าตนเองแล้วจะพบจุดสีดำเจ็ดถึงแปดจุด นั่นใช้สำหรับสะกดรอย”

คนถูกทักก้มหน้ามองเสื้อผ้าตามคำเตือน เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็พบว่าที่มุมเสื้อผ้าตนเองมีจุดสีดำที่คู่สนทนาพูดถึงจริง

หลิงอวิ๋นสวมชุดสีแดงมาโดยตลอด จุดสีดำนี้จึงดูไม่สะดุดตา หากไม่ตั้งใจมองดี ๆ ย่อมไม่มีทางเห็นได้

ลู่หยวนยกมือขึ้นจับมุมเสื้อผ้าของนาง ก่อนเศษผ้าที่มีจุดสีดำจะถูกฉีกออกและตกลงมาอยู่ในมือ ทันใดนั้นเปลวเพลิงพลันพวยพุ่งออกมาจากมือของเขา ผ่านไปหลายอึดใจ มุมเสื้อผ้าที่ไหม้ก็ถูกแทนที่ด้วยยันต์มายา

กลิ่นอายเลือนรางแผ่ออกมาจากยันต์ จากนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าและแผ่ซ่านไปทั่วห้อง

เมื่อเจ้าของเสื้อผ้ารู้สึกถึงกลิ่นอายดังกล่าว สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นี่เป็นกลิ่นอายของหยางอวิ๋น

จุดสีดำเหล่านี้ เป็นฝีมือของหยางอวิ๋นจริงหรือ?!

เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?

ชายหนุ่มเห็นความสงสัยของนาง จึงกล่าวตามตรง “จะอะไรเสียอีกเล่า เรื่องวิตถารทั้งนั้น จุดสีดำเหล่านี้ไม่มีความสามารถอื่น พวกมันทำได้เพียงระบุตำแหน่งที่ท่านอยู่เท่านั้น ถึงจะไม่มีความแม่นยำมากนัก แต่ก็สามารถทำให้รู้คร่าว ๆ ได้ว่าท่านออกจากแดนมัชฌิมไปแล้วหรือยัง”

“สิ่งนี้ไม่ค่อยมีความสามารถอะไรนัก มันมีประโยชน์เพียงอย่างเดียว คือไม่ทิ้งร่องรอยความผันผวนของพลังวิญญาณ ต่อให้ท่านสังเกตเห็นก็คงไม่คิดใส่ใจอะไร คิดแค่ว่าเสื้อผ้าเพียงสกปรกก็เท่านั้น”

“ข้าลองดูสีของจุดดำแล้ว เกรงว่าคงติดอยู่กับชุดของท่านมาหลายวัน อย่างน้อย ๆ ก็สามเดือน”

อาจารย์สำนักพลันรู้สึกเย็นยะเยือกจากด้านหลัง ภายในใจครุ่นคิด มีหลายครั้งที่นางไม่ได้บอกหยางอวิ๋นก่อนออกจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์

หลิงอวิ๋นจำได้ว่าหากตนไม่ได้ออกจากแดนมัชฌิม ศิษย์เอกคนนี้จะทำตัวเหมือนเดิม ด้วยการถามนางเรื่องขนมอบมาฝากเท่านั้น

แต่ถ้าออกจากแดนมัชฌิม พอนางกลับมา หยางอวิ๋นก็มักจะจงใจถามว่าครั้งนี้นางไปไหน และไม่ได้ถามถึงขนมอบแต่อย่างใด

บางทีเขาอาจจะทำแบบนี้มานานแล้ว

ไอเย็นยะเยือกยังคงเกาะกุมอยู่ในใจของหลิงอวิ๋น…

ถึงอย่างไรนางก็อุทิศตนเองสอนสั่งศิษย์คนนี้ ต่อสู้แทบเป็นแทบตายเพื่อให้ได้ทรัพยากรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในแต่ละวันก็ให้ความเอาใจใส่เขาเป็นอย่างดี

น่าเสียดายที่อีกฝ่ายเสแสร้งเป็นคนดี ทำทีให้ความเคารพ คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลับหลัง!

ตอนนี้ขั้นของหยางอวิ๋นต่ำกว่านาง ดังนั้นจึงพอจะมองข้ามเรื่องเล็กน้อยนี้ไปได้ แต่หากในอนาคตอีกฝ่ายจะมองว่าการล่วงเกินใช้พลังสังเกตการณ์อาจารย์เป็นเรื่องปกติอยู่หรือไม่ หากคิดเช่นนั้นในคราที่รากฐานการบ่มเพาะของอีกฝ่ายสูงกว่าจะเกิดอะไรขึ้น?!

ใบหน้าของบรรพชนหอกศักดิ์สิทธิ์เย็นยะเยือก นางสูดหายใจเข้าหลายครั้ง กวัดแกว่งหอกในมือจนจุดสีดำตามมุมเสื้อผ้าทั้งหมดฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนตกลงสู่พื้น

หลิงอวิ๋นระงับโทสะ แต่ก็ยังคงมีไอเย็นยะเยือกผิดปกติตรงหว่างคิ้ว นางถือหอกไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องโถงหลักของลู่หยวน

[ระบบแจ้งเตือน ความหลงใหลของหลิงอวิ๋นที่มีต่อบุตรแห่งโชคชะตาหยางอวิ๋นลดลง! ค่าชะตาของหยางอวิ๋นลดลง 4,000 แต้ม! เหลือค่าชะตา 10,000 แต้ม!]

[ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 8,000 แต้ม! ค่าชะตาวายร้ายปัจจุบันคือ 46,000 แต้ม!]

หลังจากกระดิกนิ้ว ลู่หยวนก็หยิบเศษชุดสีแดงที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาพลางแอบลอบยิ้มอยู่ในใจ

บุตรแห่งโชคชะตาคนนี้โชคไม่ดีจริง ๆ แต่นั่นก็ช่วยให้เขาได้รับผลประโยชน์อย่างสมบูรณ์!

ชายหนุ่มเก็บเศษชุดสีแดงที่เต็มไปด้วยจุดสีดำเข้าไปในแหวนเก็บของ ก่อนจะเริ่มทำการฝึกฝนต่อ

กลิ่นอายรอบข้างยังคงกวาดผ่านห้องที่ลู่หยวนอยู่ ขณะที่เขาทำการฝึกฝน กลิ่นอายทั่วทั้งยอดเขาหอกถึงกับก่อตัวเป็นวังวนเหนือห้องโถงหลัก

หยางอวิ๋นที่อยู่ห่างไกลออกไปสัมผัสได้ว่า พลังวิญญาณของตนเองน้อยลงขณะฝึกฝน หลังก้าวออกจากห้อง เขาก็เห็นทิศทางที่พลังวิญญาณกำลังรวมตัวจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก

รากฐานการบ่มเพาะของเขาไม่ได้ดีไปกว่าลู่หยวน เป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถคว้ากลิ่นอายนี้ไว้ได้!

นี่ช่างน่าเบื่อหน่าย ตั้งแต่ลู่หยวนมายอดเขาหอก ทุกสิ่งก็ไม่ราบรื่นอีกต่อไป

อาจารย์สำนักไม่สนใจเขา ไม่ใจดีเหมือนอย่างทุกที

เหอะ! ต้องเป็นฝีมือลู่หยวนที่ไปบอกบางอย่างกับนางเป็นแน่!

หยางอวิ๋นเดือดดาลยิ่ง ตอนนี้กลิ่นอายทั้งหมดถูกคู่แข่งยับยั้งไว้ ดังนั้นแทนที่จะอยู่ที่นี่เพื่อทำการฝึกฝน สู้เขาออกไปหาสถานที่ใหม่ดีกว่า!

บุตรแห่งโชคชะตาสะบัดแขนเสื้อก่อนออกไปจากที่นี่

เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบ ลู่หยวนลืมตาขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับพลังอัดแน่นในทะเลลมปราณ