ตอนที่ 279 ลงโทษ ตอนที่ 280 การอบรมสั่งสอนรวม

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 279 ลงโทษ

คนของหมู่บ้านซิ่งฮวาต่างไม่กล้าเอ่ยปากพูดจาใดๆ

วันนี้มากันหลายสิบคน มีตัวแทนตระกูลซ่ง ตัวแทนตระกูลหลี่ ตระกูลหนิว ตระกูลหวังและตระกูลเปา…

ซ่งอิงเป็นผู้ถูกกระทำแน่นอนว่าต้องมาด้วยเช่นกัน โดยมีซ่งเหล่าเกินและซ่งสวินมาเป็นเพื่อน

บิดาเขารวมไปถึงลุงและอาก็อยากมาเช่นกัน แต่ถูกซ่งเหล่าเกินห้ามไว้ เรื่องระดับนี้ หัวหน้าตระกูลอยู่ก็ใช้ได้แล้ว ส่วนซ่งสวิน เพราะเรียนหนังสืออยู่ในตัวอำเภอพอดี ดังนั้นไม่ต้องนั่งรถลามาให้ยาก ซ่งเหล่าเกินสงสารลาของซ่งอิงเช่นกัน

คนของครอบครัวหลี่ บัดนี้เงยหน้าไม่ขึ้น ใบหน้าแต่ละคนมีแต่ความอับอายลุกลน

วันนี้หลี่ซานก็อยู่ที่นี่เช่นกัน แต่หลังจากกระอักเลือดไปเมื่อวาน ร่างกายก็ย่ำแย่มาก มึนงงลืมตาไม่ขึ้น คนตระกูลหลี่จึงไม่ไยดีเขาแล้ว

ด้านใน นายอำเภอพาตัวผู้กระทำผิดมาทีละคนจนครบ

คนที่ปลอมตัวเป็นผู้คุ้มกันประจำบ้านผ่านการไต่สวนแล้ว เป็นความจริงที่พวกเขาไม่รู้เบื้องหลังเรื่องราว แต่ละคนจึงถูกลงไม้โบยไปสามสิบทีก่อนปล่อยตัวไป แน่นอนว่าเป็นอุทาหรณ์ได้อย่างดีว่า ต่อให้ขาดแคลนเงินสักเท่าไร ยามรับงานก็ต้องถามไถ่ให้ชัดเจนเสียก่อน

เมื่อหลักฐานชัดเจน สุดท้ายจึงประกาศคำตัดสิน

คนต้นคิดอย่างหลี่จิ้นเป่าตลอดจนหูจ่านและชุยเหนียงจือ ลักพาตัวคนไปขายเป็นข้าทาส ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องโทษแขวนคอ

จะตบรางวัลให้ดำเนินการช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ส่วนการลงทัณฑ์กำหนดให้ดำเนินการในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว

โบราณมีคำกล่าวว่า ช่วงคาบเกี่ยวระหว่างฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาว ทุกสิ่งในโลกเริ่มเหี่ยวเฉาและมีแต่ความหนาวเหน็บ กลิ่นอายแห่งความตายมาเยือน จึงสามารถลงโทษขั้นเด็ดขาดได้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการลงทัณฑ์ตามชะตาฟ้าลิขิต ดังนั้นนอกจากอาชญากรที่ประพฤติขัดต่อกฎหมายซึ่งๆ หน้า ผู้ที่ต้องโทษประหารชีวิตจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกช่วงหนึ่ง…

หลี่จิ้นเป่าแม้รู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว แต่หลังมีคำตัดสินลงมาจริงๆ ก็ยังคงตกใจจนเป็นลมล้มพับไปอีกครั้ง

ส่วนหลิวซื่อบ้าไปแล้วก็ไม่ปาน

ก้มลงโขกศีรษะกับพื้น ณ ตรงนั้น อ้อนวอนไม่หยุดหย่อน ถึงขั้นพุ่งไปทางซ่งอิงและด่าทอไม่หยุดหย่อน ดูน่าเวทน่าถึงที่สุด

ซ่งอิงออกปากโต้แย้ง อย่างไรเสียเรื่องการพิจารณาลงโทษนางก็ไม่อาจยื่นมือไปข้องเกี่ยวได้อยู่แล้ว อีกอย่าง เพราะถูกจับตัวจึงรับผิด แต่หากไม่ถูกจับล่ะ ป่านนี้คงแอบหัวเราะเยาะอยู่กระมัง?

หลี่ผัวจื่อและหลิวซื่อไม่มีส่วนรู้เห็นในแผนการนี้ แต่เพราะไม่ได้เลี้ยงดูอบรมสั่งสอนให้ดีๆ จึงถูกตัดสินโทษให้จ่ายเงินหนึ่งร้อยตำลึง ครึ่งหนึ่งถูกยึด ครึ่งหนึ่งชดใช้ให้ซ่งอิงผู้เป็นเหยื่อ

คนกลางค้ามนุษย์แน่นอนว่าได้รับการชดใช้ด้วยเช่นกัน โดยนำเงินที่หูจ่านได้รับส่งคืนไปทั้งหมด

นั่นเป็นคนกลางค้ามนุษย์อย่างถูกต้อง ทางการหลวงให้การรับรองจึงแตกต่างกับหัวขโมยลักพาตัวเด็ก

หลี่จิ้นเป่าถูกลากตัวออกไป

ไม่รู้เหตุใดหลี่ผัวจื่อจึงไม่ส่งเสียงโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น ถึงขั้นว่ามองเห็นซ่งอิงก็ยังไม่พูดจาอะไรทั้งนั้น

คนในหมู่บ้านรู้สึกว่าหลี่จิ้นเป่าทำตัวเองแท้ๆ แต่จะร้ายจะดีก็เป็นเด็กที่เห็นมาจนเติบใหญ่ ดังนั้นเมื่อได้ฟังการพิจารณาคดีความแล้วจึงหดหู่ใจชั่วขณะ ไม่ใช่เพราะเห็นใจ ส่วนใหญ่เป็น…

ความกระสับกระส่ายไม่สบายใจ

ก่อนหน้านี้คิดว่าเพียงลูกๆ ในครอบครัวไม่ต้องเผชิญความหนาวเหน็บและหิวจนท้องกิ่ว ก็คงเติบโตขึ้นมาได้ แต่งภรรยาแล้วให้กำเนิดบุตร สืบทอดกิจการครอบครัว เลี้ยงดูผู้เฒ่าจนวาระสุดท้ายของชีวิต แต่ตอนนี้กลับพบว่าแท้จริงแล้วเด็กก็เดินทางผิดได้เช่นกัน!

มารู้เอาตอนนี้ ก็สายไปเสียแล้ว!

เมื่อก่อนหลิวซื่อเป็นคนกระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่าใคร บัดนี้ทรุดอยู่บนพื้น ดวงตาบวมเปล่งจนเป็นก้อนขนาดใหญ่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง น่าอนาจไม่แพ้กัน!

แต่ละคนล้วนรู้สึกหวาดกลัวในจิตใจขึ้นมาไม่น้อย

นี่หากเป็นเด็กๆ ในครอบครัวตัวเองจะทำอย่างไร

หัวหน้าหมู่บ้านพูดถูก ได้เงินได้ทองไปมากมายเพียงใด หากเด็กๆ ไม่รู้จักแยกแยะ ก็สูญเปล่าอยู่ดี!

เรื่องชดใช้เงินนี้มีทางการขุนนางเป็นฝ่ายจัดการ ในวันที่พิจารณาคดีความก็ส่งคนมุ่งหน้าไปค้นบ้านหลี่ซาน พลิกค้นหาไปทั่วในบ้านทั้งหม้อไหเศษอิฐเศษปูนจนเละเทะไปหมด ท้ายที่สุดเจอเงินสิบแปดตำลึงเงิน ซึ่งถือว่าไม่น้อยทีเดียว

หลี่ซานผู้นั้นล้มป่วยมาเนิ่นนานขนาดนี้ ค่าใช้จ่ายปกติแต่ละวันมากมายอย่าบอกใคร

ทว่าครอบครัวหลี่ซานยังมีที่ดิน โดยมีที่นาอุดมสมบูรณ์สิบหมู่ ที่นาแห้งแล้งสิบหมู่ หลี่ซานเพิ่งแยกครอบครัว การมีสมบัติตกทอดในครอบครัวเช่นนี้ตามจริงนับว่ามั่งคั่งเช่นกัน อย่างไรเสียครอบครัวบุตรลำดับที่สามของตระกูลหลี่ก็ยังได้บ้านมาด้วย ขณะที่อีกสองครอบครัวที่เหลือล้วนถูกขับไล่

ตอนที่ 280 การอบรมสั่งสอนรวม

ที่นาอุดสมบูรณ์ไม่ได้ได้มากันง่ายๆ จึงไม่สามารถเอามาชดใช้แทนเงินได้แน่ ท้ายที่สุดหลี่ผัวจื่อจึงเอ่ยปาก นำที่ดินแห้งแล้งกับเงินสิบแปดตำลึงที่มีจ่ายเป็นค่าชดใช้ทั้งหมด ซึ่งซ่งอิงได้รับไปครึ่งหนึ่ง

เงินนี้ไม่ใช่เงินที่ได้มาจากเรื่องที่ดี รับเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน

บัดนี้เพิ่งเกิดเรื่อง ทุกคนจะตำหนิว่าหลี่จิ้นเป่าเป็นคนชั่วช้า

แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า โดยเฉพาะหลังจากที่เขาถูกลงโทษแล้ว ความรู้สึกที่ทุกคนมีต่อคนชั่วก็จะจางลง

ถึงเวลาบุตรชายนางได้เข้าเรียนอย่างมีความสุขดี หลี่จิ้นเป่าคงเสียชีวิตแล้ว หนำซ้ำนางยังครอบครองที่นาของครอบครัวเขาอีก คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนไม่สบายใจ

แน่นอนว่านางครอบครองอย่างมีเหตุมีผล จึงไม่เกรงกลัวแต่อย่างใดเช่นกัน

“ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน ที่นานี้…ข้าจะบากหน้ารับเอาไว้แล้วกันเจ้าค่ะ เพียงแต่ตอนนี้ยังไร้ร่องรอยลูกชายข้า ดังนั้นข้ายินดียกผลผลิตที่ได้จากการเก็บเกี่ยวเป็นเวลาห้าปีให้เพื่อเป็นการอุทิศแก่เขา ในหมู่บ้านมีเด็กที่ไร้บิดามารดาอยู่หลายคนไม่ใช่หรือเจ้าคะ ใช้เป็นอาหารเลี้ยงปากท้องให้พวกเขา ท่านว่าดีหรือไม่เจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าว

ที่นางได้มา คือที่ดินแห้งแล้งเจ็ดหมู่

ด้วยน้ำพักน้ำแรงของนางเองก็หาเงินซื้อได้เช่นกัน นางจึงมอบที่นาให้หมู่บ้านเสียสิ้นเรื่อง แต่จะโยนให้คราวเดียวเลย คนอื่นก็จะจำได้เพียงประเดี๋ยวเท่านั้น แต่หากแบ่งให้ห้าปี ทำเช่นนี้ไปทุกๆ ปี นานวันไป คนจะจดจำนางได้อย่างดี

ทำความดีไม่หวังสิ่งตอบแทน? นั่นเป็นแนวคิดของเซียนสวรรค์ต่างหากเล่า การเป็นเซียนคือความฝัน ในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง นางต้องเห็นผลประโยชน์ส่วนตนเป็นอันดับแรกจึงจะถูก

“ตกลง ข้าขอบคุณเจ้าแทนเด็กๆ เหล่านั้นด้วย! เรื่องราววันนี้เป็นการตัดสินของท่านนายอำเภอ เจ้าก็อย่าได้ใจเสียหรือรู้สึกผิดไปเล่า หลี่จิ้นเป่ากระทำเรื่องไม่ถูกต้องย่อมได้รับการลงโทษเป็นธรรมดา จากนี้ใครริอาจพูดจาเหลวไหลต่อหน้าเจ้า เจ้ามาบอกกับข้า ข้าจะไปลงโทษเขาเอง!” หัวหน้าหมู่บ้านซ่งเข้าใจเรื่องราวเป็นอย่างดี

คนเราน่ะ ลืมง่าย

ตอนนี้ซ่งอิงไม่มีบุตรแล้ว นางกลายเป็นเหยื่อผู้อ่อนแอ ดังนั้นหลี่จิ้นเป่าจึงสมควรตาย

แต่ในวันข้างหน้าเมื่อหลิวซื่อไม่มีบุตรแล้ว นางเป็นฝ่ายที่น่าเห็นใจ ก็ไม่แน่ว่าจะมีคนคิดว่าซ่งอิงหาเรื่องให้หลี่จิ้นเป่า

ซ่งเหล่าเกินเดิมคิดจะเกลี้ยกล่อมนางให้จัดการกับที่นาแปลงนี้อยู่แล้ว เมื่อซ่งอิงเป็นฝ่ายเอ่ยปากเองแบบนี้ จึงทำให้เขาพึงพอใจยิ่งและประหลาดใจเล็กน้อย

เด็กคนนี้ฉลาดเฉลียวกว่าที่เขาคิดไว้จริงๆ

คนจำนวนมากเกาะกลุ่มเดินกลับหมู่บ้านไปพร้อมกัน

ต่างเดินเท้ากลับ บรรดาลุงๆ และผู้เฒ่าเหล่านี้เรี่ยวแรงฝีเท้าดี ทั้งยังเสียดายเงินเกินกว่าจะเช่ารถเกวียนวัวลากจูง อีกทั้งยังมีเวลาเหลือเฟือ จึงเดินเท้าไปอย่างสบายๆ แม้ซ่งอิงมีเงิน แต่ผู้อาวุโสจำนวนมากอยู่ตรงหน้า ต้องวางตนให้อ่อนน้อมเสียหน่อย จึงคอยเดินประคองผู้เฒ่าตระกูลตนอยู่ข้างๆ

หลี่ผัวจื่อและหลิวซื่อเดินกลับบ้านเช่นกัน

ทว่าหลิวซื่อถูกหลี่ผัวจื่อลากอยู่ นี่คือภรรยาของบุตรชายนาง ต่อให้หลานชายตายแล้ว นางก็ยังมีบุตรชายอยู่นี่!

ขืนลูกสะใภ้ไม่ดูแลครอบครัว แล้วใครจะดูแลบุตรชายนางล่ะ!

ทุกคนไม่สนใจพวกเขา ไม่แม้แต่จะเหลียวตามองด้วยซ้ำ

หลังกลับไป หัวหน้าครอบครัวแต่ละครัวเรือนไปประชุมกันที่หอบรรพบุรุษ หัวหน้าหมู่บ้านซ่งพูดอย่างมีหลักการและเหตุผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะเริ่มดำเนินการอบรมสั่งสอนด้วยคำพูดบ้านๆ

หลังอบรมสั่งสอนเป็นที่เรียบร้อย แต่ละตระกูลแต่ละครอบครัวล้วนเคร่งครัดมากกว่าเมื่อก่อน

เด็กโตเด็กเล็กแต่ละครอบครัวมายืนต่อแถวกันในลานบ้าน จากนั้นหัวหน้าครอบครัวเริ่มตรวจสอบว่าเด็กๆ เหล่านี้ได้กระทำเรื่องไม่ดีในช่วงไม่กี่ปีมานี้บ้างหรือไม่

เด็กที่รู้ความได้รับการเชยชม เด็กที่กระทำเรื่องแย่ๆ ต้องถูกทำโทษ

แต่ก็มีบางครอบครัวที่ให้ท้ายเด็กๆ มากหน่อย ต่างก็ถูกเอ่ยถึงและรับการอบรมชุดใหญ่ ดังนั้นเมื่อคนเหล่านี้กลับบ้านไป ก็อบรมสั่งสอนและลงโทษเด็กๆ ครอบครัวตัวเองชุดใหญ่โดย ที่ไม่มีใครกล้าห้าม

ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้ลูกหลานตัวเองกลายเป็นแบบหลี่จิ้นเป่า

ซ่งอิงอยู่ในลานบ้าน เงี่ยหูฟังอย่างถี่ถ้วน

ทักษะการฟังนางดีเยี่ยม เสียงเด็กร้องไห้ก็ค่อนข้างแหลมทั้งนั้น ดังนั้นจึงได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องห่มร้องไห้ดังมาจากหลายบ้านทีเดียว

หากเอ่ยว่าในหมู่บ้านนี้ เด็กครอบครัวใดน่าเวทนาที่สุดในเวลานี้ คงหนีไม่พ้นครอบครัวหนิว

เมื่อก่อนหนิวซานซานเป็นลูกสมุนมือหนึ่งข้างกายหลี่จิ้นเป่า ก่อนหน้านี้ก็ถูกบิดาเฆี่ยนตีไปแล้ว วันนี้ครอบครัวหนิวถูกหัวหน้าหมู่บ้านซ่งเอ่ยนามอีก ดังนั้นหัวหน้าครอบครัวหนิวจึงทำการอบรมสั่งสอนก่อนจะลงโทษอีกครั้ง