ตอนที่ 281 ผลกรรมที่สร้างความทุกข์กายทุกข์ใจ ตอนที่ 282 ซ่านไฉนี่ว์ถง

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 281 ผลกรรมที่สร้างความทุกข์กายทุกข์ใจ

หนิวซานซานรู้สึกคล้ายฟ้าจะถล่ม

บิดาเขาเปลี่ยนไป ท่านปู่ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แม้แต่มารดาเขาก็ไม่ปกป้องเขาแล้ว! ใช่แล้ว พวกเขาพูดอีกว่า เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงพี่หลี่จะต้องตาย!

พี่หลี่เป็นขโมยลักพาตัวเด็ก เป็นนักโทษ!

เรื่องราวดังกล่าวทำเอาหนิวซานซานและเด็กไม่รู้ความอีกกลุ่มถึงกับตะลึงงัน

เจ้าของร่างถือได้ว่าถูกหนิวซานซานพร้อมพรรคพวกทำร้ายจนเสียชีวิต ซ่งอิงไม่อาจลงไม้ลงมือกับเด็กเหล่านี้ได้ เพราะนางรู้เช่นกันว่าพวกเขาไม่ได้รับการสั่งสอนจากผู้ใหญ่ บิดามารดาและญาติๆ ล้วนยุ่งอยู่กับการทำมาหากิน จึงไม่มีคนบอกกล่าวว่าอะไรถูกอะไรผิด

เจ้าของร่างเดิมถึงขั้นค่อนข้างเห็นใจเด็กเหล่านี้ด้วยซ้ำ อย่างไรเสียก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเคยเห็นตั้งแต่ยังแบเบาะ โดยเฉพาะยามที่เพิ่งกลับจากเมืองหลวง แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าของหมู่บ้านซิ่งฮวา เจ้าของร่างล้วนคุ้นเคยเป็นอย่างดี แล้วนับประสาอะไรกับเด็กๆ พวกนี้

ดังนั้นจะให้ทุบตีหรือเข่นฆ่านั้นคงเป็นไปไม่ได้

ซ่งอิงถามตัวเอง นางทำไม่ได้เช่นกัน

เป็นอย่างตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน ถูกตีหลายทีหน่อย ต่อไปพวกเขาเติบใหญ่แล้วก็จะได้ไม่ลืมเรื่องโง่เขลาที่หลี่จิ้นเป่ายุให้ทำเหล่านั้น

จำใส่ใจเอาไว้ชั่วชีวิตจะได้มีสติอยู่เสมอ

เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กๆ ในหมู่บ้าน ความเคืองโกรธในใจซ่งอิงก็มลายหายไป

ในเมื่อหลี่จิ้นเป่าถูกตัดสินโทษแล้ว ฮั่วหลินก็ควรกลับมาได้แล้วเช่นกัน

คงไม่ดีนักหากมัวให้เจ้าหน้าที่ขุนนางช่วยตามหาตัว

วันรุ่งขึ้น ซ่งอิงไปดูนาข้าว รอกระทั่งตกเย็นบุตรชายของนางก็ถูกเจอตัวและพากลับมา

ซ่งอิงไม่ได้โง่เขลา ให้ภูตโสมเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แล้วคอยอยู่ในป่าใกล้กับทางเข้าหมู่บ้านซิ่งฮวา พอเห็นคนของทางการขุนนางก็โผล่หน้าออกมา จากนั้นจึงถูกพาตัวกลับมาตามแผนที่วางไว้อย่างแนบเนียน

เพื่อทำให้ดูเหมือนเผชิญความยากลำบากมา จึงทำให้เสื้อผ้าบนตัวภูตโสมขาดเล็กน้อยและใบหน้าสกปรกมอมแมม ดูน่าสงสารเป็นพิเศษ

ตอนกลับมาซ่งอิงโอบกอดบุตรชายเอาไว้อย่างมารดาผู้แสนดี บีบน้ำตาสองหยด จากนั้นกล่าวขอบคุณคนของหยาเหมินยกใหญ่

หลิวซื่อเดิมทีก็สภาพอารมณ์และจิตใจไม่มั่นคงอยู่แล้ว เมื่อเห็นลูกของซ่งอิงกลับมาก็ยิ่งรู้สึกว่างโหวงในใจ!

บุตรชายของนางจะต้องตาย ทว่าซ่งอิงตามตัวบุตรชายกลับมาได้แล้ว!

ซ่งอิงไม่สูญเสียอะไรทั้งนั้น แต่บุตรชายนางกลับต้องชดใช้ด้วยชีวิต!

นี่ไม่ยุติธรรมเลย!

น่าเสียดาย หลิวซื่อไม่มีโอกาสได้วิ่งมาพูดจาเหลวไหลต่อหน้าซ่งอิง

เพราะหลี่ผัวจื่อไม่ยอมปล่อยให้นางไป

หลี่ผัวจื่อมีชีวิตอยู่มาปูนนี้แล้ว ถือว่าที่มีไหวพริบเช่นกัน หลังรู้ทันหลานชาย นางพลันเข้าใจอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น การพัวพันกับซ่งอิงไม่เลิกราไม่ใช่เรื่องดีแน่

อีกอย่างเมื่อไม่มีหลานชายแล้ว หลิวซื่อจะเอะอะโวยวายให้ได้อะไรขึ้นมา การอยู่บ้านดูแลบุตรชายของนางให้ดีต่างหากจึงจะถูกต้องเหมาะสม!

ร่างกายของหลิวซื่อไม่แข็งแรง ไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้อีกตั้งนานแล้ว ดังนั้นหลี่ผัวจื่อจึงวางแผนไว้ดิบดีเช่นกันว่า รอบุตรชายร่างกายหายดีเป็นปลิดทิ้งเมื่อไรค่อยให้หย่าร้างภรรยา จากนั้นซื้อที่ดินอุดมสมบูรณ์สักสองหมู่แล้วซื้อหญิงจากครอบครัวยากจนสักคนมาให้กำเนิดทายาทให้แก่บุตรชาย

นางและบุตรชายลำดับที่สามต่างถูกตัดออกจากตระกูล ส่วนลูกชายอกตัญญูทั้งสองคนก็ถือว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก

นางต้องดำเนินชีวิตให้รอบคอบเข้าไว้!

หลี่ผัวจื่อกัดฟันแน่น คว้าตัวหลิวซื่อเอาไว้และออกแรงบีบ

ในใจถึงขั้นเกลียดหลิวซื่อที่เคยเป่าหูหลานชายให้ขอซ่งอิงแต่งงาน หากไม่ใช่เพราะหลิวซื่อ หลานชายนางคงไม่มีทางไม่รู้ความขนาดนั้น ซ้ำร้ายยังคิดจะให้คนแก่รับโทษแทนอีกด้วย!

แต่ร่างกายหลี่ซานก็ไม่ได้ฟื้นตัวได้ง่ายขนาดนั้น หลังรับรู้ว่าหลี่จิ้นเป่ากลายเป็นนักโทษประหารชีวิตก็กระอักเลือดอีกสองครั้ง จากนั้นเขาก็ร่างกายทรุดโทรมอ่อนแลลงไปในทันที

อาการป่วยคราวนี้สาหัสกว่าตอนแรกเสียอีก

หลี่ผัวจื่อปิดประตูมิดชิดแล้วเอ่ยปากด่าทอหลิวซื่อ

หลิวซื่อเดิมทีก็เก็บกดความเดือดดาลเอาไว้ในใจ จึงไม่มีความคิดจะปรนนิบัติดูแลสามีเลยสักนิด วันหนึ่งตอนกลางดึกถ่อไปตัวอำเภอเฉกเช่นคนเสียสติ ใช้ชีวิตอย่างไม่สนเหตุผล

ครอบครัวบุตรลำดับที่สามของตระกูลหลี่ถูกผู้คนต่อต้าน เป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ หลี่ผัวจื่อตัวคนเดียวก็ทำอะไรไม่ไหวเช่นกัน ทำได้เพียงยืมมือลูกสะใภ้ทำงานเท่านั้น

แต่ท้ายที่สุดหลี่ซานมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเท่าไร ก็ชิงเสียชีวิตไปก่อนหน้าหลี่จิ้นเป่าเสียแล้ว

ตอนที่ 282 ซ่านไฉนี่ว์ถง

หลี่ผัวจื่อถึงกับงุนงงทำอะไรไม่ถูก

ชีวิตที่เหลือของนางต้องพึ่งพาบุตรชายลำดับที่สาม แต่ตอนนี้? เขาไม่อยู่เสียแล้ว! เสียชีวิตไปแล้ว!

นางจะทำอย่างไรเล่า!

ยังไม่ทันจัดงานศพก็วิ่งแจ้นไปบ้านบุตรชายคนโต เอ่ยปากว่าต้องการให้หลี่ต้าเลี้ยงดูนาง แม้กล่าวได้ว่าผู้อาวุโสตระกูลหลี่จะเป็นตัวแทนพ่อเฒ่าหลี่ในการหย่าร้างหลี่ผัวจื่อผู้นี้แล้ว แต่อย่างไรก็ยังเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดหลี่ต้า จะไม่ดูดำดูดีปล่อยให้นางตายหน้าประตูบ้านคงไม่ได้

บุตรชายทั้งสองคนจึงตกลงกันว่า พวกเขาจะช่วยทำการเพาะปลูกในที่นาของบ้านสามที่ยังเหลืออยู่ โดยพวกเขาไม่ขอรับข้าวสารธัญพืช ให้หลี่ผัวจื่อเอาไว้ใช้เลี้ยงชีพ แต่นางยังต้องอาศัยอยู่ที่บ้านเดิมของตัวเอง

เรื่องอื่น เลิกคิดไปได้เลย

อยากจะให้หลานๆ ตอบแทนคุณ ลูกสะใภ้ปรนนิบัติและเอาอกเอาใจ ได้เป็นที่รัก?

ชั่วชีวิตนี้คงหมดหวังแล้ว

เมื่อหลี่จิ้นเป่าถูกลงโทษหลังฤดูใบไม้ร่วง หลิวซื่อเสียคงได้เสียสติโดยสิ้นเชิง ครอบครัวฝั่งมารดาก็ไม่กล้ารับกลับไปอยู่ด้วย ทำได้เพียงช่วยเหลือเป็นครั้งคราว ไม่ถึงขั้นปล่อยให้เสียชีวิตตามถนน…

แน่นอนว่าเรื่องนี้เอาไว้พูดต่อทีหลัง

ตอนนี้ต้องเอาเรื่องตระกูลหลี่ไว้ก่อน ทั้งหมู่บ้านดูกระตือรือร้นทะเยอทะยานเสียกว่าอะไรดี

โดยฉพาะหลังฮั่วหลินกลับมา ซ่งต๋าและซ่งอู่ล้วนทะนุถนอมหลานชายที่เคยหายตัวไปเป็นพิเศษ ดีต่อเขาเกินบรรยาย อีกทั้งสหายของเด็กๆ ทั้งสามคนก็เพิ่มขึ้นมาก

ที่โรงเรียนในหมู่บ้าน ชั่วพริบตาก็มีเด็กเข้าเรียนเพิ่มหลายสิบคน

อาจารย์ผู้สอนของโรงเรียนทั้งดีใจทั้งลำบากใจ

เมื่อก่อนเด็กน้อยนิด แค่สิบกว่าคนเท่านั้นจึงยังพอสอนไหว

มาตอนนี้เพิ่มขึ้นตั้งมากมายในชั่วพริบตา จึงไม่ง่ายต่อการสอนเลยจริงๆ

หัวหน้าหมู่บ้านซ่งภาคภูมิใจอย่างมาก

เด็กๆ เล่าเรียนหนังสือเป็นเรื่องที่ดี! เรียนหนังสือแล้วจะรู้เหตุและผล ส่วนหลี่จิ้นเป่าที่เคยเรียนหนังสือเช่นกันนั้น…จัดเป็นข้อยกเว้น!

นอกจากภูมิใจ ก็มีความกังวลใจด้วยเช่นกัน การที่เด็กๆ เล่าเรียนหนังสือย่อมมีค่าใช้จ่ายไม่น้อย อาจารย์ประจำโรงเรียนได้รับซู่ซิว[1]ไม่มาก แต่…อุปกรณ์การเรียนอย่างพู่กัน หมึก กระดาษและจานฝนหมึก จะให้อาจารย์ผู้สอนเป็นคนควักเงินจ่ายให้ก็คงไม่ดีกระมัง?

มีคนส่งเด็กไปเข้าเรียนมากขนาดนี้ ก็หมายความว่าคนในครอบครัวจะต้องดำเนินชีวิตกันอย่างประหยัดมัธยัสถ์สุดๆ เสียแล้ว

“ความหมายของหัวหน้าหมู่บ้านคือ เอ้อร์ยาเจ้าพบเห็นโลกภายนอกมามากมาย จึงอยากถามไถ่เจ้าว่าพอจะมีวิธีการอันใดทำให้ผู้คนในหมู่บ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นหน่อยหรือไม่ แน่นอนว่าเจ้าก็ไม่ต้องคิดมากไป เขาไม่ได้ต้องการยาสระชิงซือของเจ้า เพียงแค่คิดว่าในหมู่บ้านเรามีเจ้าที่เคยห่างบ้านไปไกล ได้พบเห็นอะไรต่อมิอะไรมากมาย…” พ่อเฒ่ากล่าวอธิบายไม่หยุด

เขากลัวว่าซ่งอิงจะคิดเป็นอื่นไป

ซ่งอิงขมวดคิ้ว

วิธีการหาเงิน…

ยาสระชิงซือย่อมไม่ได้เป็นแน่ ต่อให้นางยอมสละเงินแบ่งให้คนอื่นใช้จ่ายด้วย แต่พวกเขาก็ต้องรู้จักหาเงินด้วยจึงจะถูก

หากแต่ละคนรับรู้กันถ้วนหน้าแล้วยังจะขายได้อีกหรือ อีกอย่างยาสระชิงซือขนย้ายลำบาก ขายได้ไกลสุดในเมืองยงก็ใช้ได้แล้ว และหากทำออกมามากเกินไปก็ขายไม่หมดเช่นกันน่ะสิ

ซ่งอิงขบคิดชั่วขณะ “ท่านปู่วางใจได้เจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนเช่นไร”

“เขาจนปัญญาแล้วเช่นกัน หลายครอบครัวส่งเด็กเข้าเรียนทั้งที่คุณภาพชีวิตก็ไม่ค่อยสุขสบายกันทั้งนั้น อีกทั้งเขาคิดว่าเกิดเด็กๆ เล่าเรียนได้ดีจนมีหน้ามีตาขึ้นมา ภายภาคหน้าเงินที่ต้องใช้จ่ายก็จะยิ่งมากขึ้นอีก ไม่มีเงินแล้วจะทำอย่างไร จะขายที่ทางก็คงไม่ได้กระมัง นั่นเป็นถึงรากฐานของชีวิตเชียว” ซ่งเหล่าเกินทอดถอนใจ

เขารู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย ตอนแรกน่าจะส่งเด็กๆ ในครอบครัวไปเรียนหนังสือกันให้หมด

แน่นอนว่าแค่คิดเท่านั้น หากทำเช่นนั้นจริง ครอบครัวเป็นอันต้องสิ้นเนื้อประดาตัวไม่มีแม้แต่ข้าวให้กินด้วยซ้ำ

ก็ดูอย่างครอบครัวบุตรชายคนรองสิ ซ่งสวินตอนนี้เข้าไปเรียนในตัวอำเภอ บ้านที่อยู่ก็ยังยืมซ่งอิง สองสามีภรรยาคู่นั้นตอนนี้ต่างก็ประหยัดอดออมกันสุดๆ ไม่ใช่หรือ

การไม่รับผลประโยชน์ที่เอ้อร์ยามอบให้ก็ถือเป็นสิ่งที่สมควรเช่นกัน ตระกูลซ่งไม่สามารถสูบเลือดเด็กสาวที่ออกเรือนไปแล้วมาจุนเจือบุตรชายได้

“จะว่ามีก็มีอยู่เจ้าค่ะ แต่…ไม่แน่นอนว่าจะทำเงินก้อนโตได้” ซ่งอิงกล่าวขึ้นหลังครุ่นคิด

“เอามาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ก็ดีโขแล้ว จะหวังให้เจ้าพาทุกคนกลายเป็นเศรษฐี ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ซ่านไฉนี่ว์ถง[2]ยังไม่สุรุ่ยสุร่ายขนาดนั้นเลย” ซ่งเหล่าเกินรีบกล่าวขึ้นทันควัน

————————–

[1] ซู่ซิว (束脩) ในสมัยโบราณเมื่อนักเรียนและครูพบกันครั้งแรกจะต้องให้ของขวัญเพื่อแสดงความเคารพซึ่งเรียกว่า ‘ซู่ซิว’ มีการปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยขงจื๊อ

[2] ซ่านไฉนี่ว์ถง (散财童女) เป็นธิดาเด็กสาวตัวน้อยตามภาพวาดจีนโบราณตามช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ มีถ่วงท่าโปรยเหรียญทอง สื่อถึงความหมายการให้โชคลาภ ความเจริญรุ่งเรืองร่ำรวย