บทที่ 231 ความลับ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 231 ความลับ

บทที่ 231 ความลับ

“วันนี้ ฉันเรียกพวกคุณมาเพราะมีงานให้พวกคุณทำ นี้คือรูปถ่ายและข้อมูลทั้งหมดของเป้าหมาย หากไม่มีอะไรผิดพลาดตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในเทือกเขาเทียนซานแล้ว แม้ว่าเด็กคนนี้จะไม่ได้แข็งแกร่งมากมายอะไรนักแต่ก็มันฉลาดและเจ้าเล่ห์มาก ดังนั้นคุณต้องระวังให้มากขณะที่ลงมือทำงานของคุณ จำไว้ว่าฉันต้องการจับเป็น! ฉันไม่สนว่าจะใช้วิธีการอะไร ฉันสนใจแค่ผลลัพธ์เท่านั้น!”

หญิงชรานั่งอยู่บนบัลลังก์ อีกทั้งคำพูดที่เธอเปล่งออกมาราวกับคำสั่งของแม่ทัพ คนมากกว่าหนึ่งโหลนั่งอยู่ที่ด้านข้างทั้งสองของเธอ คนเหล่านี้มีทั้งคนที่อายุมากและอายุน้อย แต่เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับหญิงชราตรงหน้า ใบหน้าของพวกเขาต่างเต็มก็ไปด้วยความเคารพ เมื่อทุกคนได้รับข้อมูลแล้ว พวกเขาก็หันหลังและถอยกลับไป

เมื่อมองผู้ใต้บัญชาจนลับสายตา ขณะที่ทุกคนไม่ทันสังเกตนัยน์ตาหญิงชราก็เปล่งประกายลึกลับที่ยากจะเข้าใจได้คือมันแฝงไปด้วยความกระหาย

“ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ถ้าได้คนแบบเจ้ามาเป็นพวกคงจะดีไม่น้อย!” สิ้นเสียงหญิงชราก็นำกระจกบานเล็กขึ้นมา สะท้อนใบหน้าที่ผ่านโลกมานานแสยะยิ้มส่งกลับมา!

“ไม่นานฉันก็จะกลับมาสาวเหมือนเดิม น่าอิจฉาช่วงเวลาวัยเยาว์ที่สดใสและสวยงามแบบนั้นจริง ๆ !” เธอพูดพร้อมกับเลื่อนสายตาออกไปไกลๆเหม่อมองไปยัง บ้านหลังใหญ่อันหรูหราหลังหนึ่ง ในนั้นนี้ผู้หญิงอยู่ในห้องกำลังฝึกวรยุทธอยู่อย่างเงียบๆ เธอคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นเธอก็คือเม่ยซานเหนียง

เม่ยซานเหนียง หรี่ตาซ่อนสายตาที่เย็นชาราวน้ำแข็งของเธอ ในเวลานี้เธอดูเหมือนจะไม่มีความรุ่งโรจน์อย่างที่ฉู่เหินเคยเห็นในตอนแรกอีกต่อไปแล้ว

เมื่อพูดถึงเม่ยซานเหนียง เธอถือได้ว่าเป็นคนที่น่าสงสาร เธอไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ของเธอ เธอถูกอาจารย์เก็บมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอรู้ว่าเธอเป็นคนโปรดของอาจารย์ นอกจากเธอแล้วยังมีศิษย์พี่หญิงอีกสามคน แต่เมื่อพูดถึงความโปรดปรานของอาจารย์ พี่สาวทั้งสามรวมกันก็ยังน้อยกว่าเธอหนึ่งส่วน

นี่เป็นเหตุผลที่เม่ยซานเหนียงกล้าออกมาข้างนอก เนื่องจากมีอาจารย์คอยหนุนหลังเธออยู่ เธอเป็นคนกตัญญูต่ออาจารย์ของเธอมาก แม้ว่าอาจารย์จะดูเสเพล ชอบเที่ยวผู้ชายก็ตาม

เธอยังรู้ว่าอาจารย์ของเธอฝักใฝ่วิถีมาร เพราะชายหนุ่มในวัยยี่สิบเหล่านั้น หลังจากอยู่ด้วยกับอาจารย์แค่ 2-3 วัน พวกเขาทั้งหมดต่างก็กลายเป็นคนแก่ลง พูดไปมันก็แปลกอยู่ดี แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้นเธอกลับไม่ได้รู้สึกเกลียดอาจารย์เลยทั้งยังรักท่านมากขึ้นอีกด้วย

เธอพบว่าเมื่อใดก็ตามที่อาจารย์และชายเหล่านั้นเสร็จกิจ อาจารย์จะสาวขึ้นมาอีกหลายปี แต่ผู้ชายเหล่านั้นกลับดูอายุมากขึ้นแทน ผ่านไปไม่กี่ปีพวกเขาก็ตายลงด้วยโรคชรา

แต่ถึงอย่างไรท่านก็เป็นอาจารย์ของเธอ เม่ยซานเหนียงไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เธอเองก็หวังว่าอาจารย์ของเธอจะอายุน้อยลงเช่นกัน เกือบทุกปีอาจารย์จะเลือกแขกเข้าไปในรังรัก และคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ก็คือศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองของเธอ

ทั้งสองเดินทางทั่วหล้า เพื่อหาผู้ชายที่ดูแข็งแรงหรือไม่ก็คนจรจัดมาให้ ตอนแรกเม่ยซานเหนียงไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่เธอรู้สึกว่าอาจารย์ที่เป็นแบบนี้มันดูแย่มาก เพราะอาจารย์มักจะตักเตือนเธอให้เธอทำตัวให้บริสุทธิ์ อาจารย์เธอกล่าวว่าการฝึกตนต้องมีเสน่ห์และน่าดึงดูดเสมอ เธอจะต้องไม่นอนกับผู้ชายง่าย ๆ

แต่ที่เธอไม่เข้าใจก็คือแล้วทำไมชีวิตของอาจารย์ถึงใช้ชีวิตเช่นนี้ อาจารย์มีความต้องการด้านนี้งั้นเหรอ แต่อาจารย์ดูไม่เหมือนคนแบบนั้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอจึงตัดสินใจแอบตามศิษย์พี่หญิงทั้งสองที่ลงภูเขาไปเพื่อมองหาเหยื่อรายใหม่

เธอได้ยินเสียงการสนทนาระหว่างศิษย์พี่ทั้งสองทำให้เธออดรู้สึกขนลุกไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าตอนนี้อาจารย์ของเธอเปลี่ยนร่างมาแล้ว 4 ครั้ง ทุกครั้งที่เธอมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 70-80 ปีอาจารย์ก็จะเริ่มมองหาเหยื่อรายต่อไปและเปลี่ยนร่างให้กลับมาสาวใหม่อีกครั้ง

ช่วงเวลาที่พี่สาวทั้งสองคนติดตามอาจารย์นั้นไม่นานนัก แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็อยู่กับอาจารย์มาเกือบครบร้อยปีแล้ว พวกเธอเห็นอาจารย์กลับคืนวัยสาวมาแล้วถึง 2 รอบ เม่ยซานเหนียงยื่นหูของเธอออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นและฟังอย่างระมัดระวัง

ตามที่ได้ยินจากศิษย์พี่สองคนนี้ ทุกครั้งที่อาจารย์ย้อนวัย เธอจะรับลูกศิษย์พิเศษเข้ามากลางคัน และอาจารย์จะลูกศิษย์คนนี้เธอจะตามใจมาก! สิ่งเดียวที่เธอให้ลูกศิษย์ทำคือลูกศิษย์ต้องยังคงบริสุทธิ์และไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น

สิ่งที่เรียกว่าการเกิดใหม่ของอาจารย์นี้คือการผูกวิญญาณของเธอเข้ากับร่างกายของลูกศิษย์และกลืนวิญญาณของลูกศิษย์ตัวเองเข้าไป กระบวนการนี้ว่ากันว่าเป็นกระบวนการอันตรายของการยื่นอายุขัย หากวิญญาณที่ดูดกลืนไม่บริสุทธิ์ก็จะไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ เม่ยซานเหนียงก็ทั้งโกรธทั้งหวาดกลัว เพราะเธอรู้ว่าคนที่ศิษย์พี่ทั้ง 2 คนของเธอพูดถึงตัวเธอเอง นี้คือเหตุผลที่อาจารย์ให้เรารักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองไว้ใช่ไหม เพื่อต้องการที่จะยึดร่างกายของเราในสักวันหนึ่งอย่างนั้นเหรอ? หลังจากคิดถึงตรงจุดนี้เม่ยซานเหนียงก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจอันเย็นเฉียบเข้าปอดลึกๆ

แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือในเมื่ออาจารย์อยากที่จะยึดร่างของเธอ ทำไมถึงได้ใส่ใจศัตรูของเธอขนาดนั้น หรือเพราะเธอเป็นคนสำคัญของฉู่เหินและอาจารย์อยากจะดูดเลือดเขา นี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอคิดเหตุผลอันเหมาะสมที่สุดสำหรับรสนิยมของอาจารย์

เมื่อรู้ว่าฉู่เหินกำลังจะซวย เม่ยซานเหนียงกลับไม่รู้สึกมีความสุขอย่างที่คิด ที่เป็นแบบนี้เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเธอกับฉู่เหินตอนนี้มีชะตาชีวิตเหมือนกัน จากประสบการณ์ที่ได้พบฉู่เหิน เธอรู้มาตลอดว่าเขาค่อนข้างพิเศษกว่าคนอื่น บางทีเขาอาจจะหนีรอดจากกรงล้อแห่งโชคชะตานี้ได้

แม้จะเล็กน้อย แต่เธอก็รู้สึกมีความคาดหวังขึ้นมา เธอคาดหวังว่าหากเธอและเขาร่วมมือกันจะสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ไปได้ ไม่รู้ว่าทำไม เธอมักจะรู้สึกว่าสักวันหนึ่ง อาจารย์ของเธอจะถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของฉู่เหิน

ในความเป็นจริง เม่ยซานเหนียงสามารถเลือกที่จะทำลายร่างกายของเธอได้ หากอาจารย์ของเธอต้องการที่จะเอาร่างกายของเธอไปจริงๆ เช่นนั้นก็มาตายไปด้วยกันเถอะ! ร่างกายของเม่ยซานเหนียงนั้นแตกต่างจากคนทั่วไป คนอื่นนั้นมีกฎวิญญาณสามหุนเจ็ดหุน* ก็คือจะพบหนึ่งอย่างและขาดอีกหนึ่งหุนขึ้นไป หรือไม่ก็ไม่ถึงหนึ่งหุน

(สามหุนเจ็ดหุน คือ ความเชื่อของลัทธิเต๋าสามหุนคือ 1.โลก 2.สวรรค์

นรก เจ็ดหุนคือ ความรู้สึกหรืออารมณ์ทั้ง 7 คือ ชอบ, เกลียด, เศร้า, สุข, กลัว, รัก, ความอยากหรือความหวัง)

เม่ยซานเหนียงแตกต่างจากคนอื่นมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ ในบรรดาวิญญาณภายในร่างกายของเธอมีวิญญาณดวงเล็กๆ ติดอยู่วิญญาณเล็กๆ นี้ซึ่งมักจะซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเธอซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ตรงไหนในร่างกาย

เมื่อเธอกังวลหรือตื่นเต้นเป็นพิเศษ เธอสามารถรู้สึกได้ว่าวิญญาณนี้มีความผันผวนตลอดเวลาและเพราะเหตุนี้ทำให้เธอไม่ตายง่ายๆ แม้ว่าวิญญาณหลักของเธอจะถูกทำลายโดยอาจารย์ แต่ตราบใดที่ร่างของเธอไม่ถูกทำลาย เธอก็ยังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาใหม่ได้

เพราะเหตุนี้เธอจึงเลือกที่จะไม่ทำลายหมากกระดานนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเตรียมใจที่จะเล่นเกมที่เดิมพันดัวยชีวิตกับอาจารย์ของเธอ เธอไม่ยอมตายอย่างเด็ดขาด!!

ทางด้าน ฉู่เหินที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย กำลังเข้าไปภายในเทือกเขา เขากำลังไปทางความลับ ที่มีหญิงสาวต่างวัยสองคนบอกเขามา ในเวลานี้เขาต้องเดินอย่างระมัดระวัง แต่เขาก็ยังไม่พบอุปสรรคใดๆ จนเขารู้สึกภูมิใจในตัวเองมากๆ เขาคิดว่าเขาเก่งจนเดินบนภูเขาเทียนซานได้โดยไม่มีใครรู้ตัว แต่ฉู่เหินคาดไม่ถึงว่าข่าวของเขาได้ถูกปล่อยออกไปตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนที่เขาจะมาที่นี่ซะอีก!

ตอนนี้ในเทือกเขาเทียนซาน ได้กางอาณาเขตขนาดใหญ่เพื่อจัดการเขาเอาไว้แล้ว ในตอนนี้เองอาณาเขตที่ว่าก็กำลังจะถูกเปิด เกรงว่าเขาพอมันทำงานเขาจะไม่สามารถหนีไปได้เลยแม้ว่าเขาจะมีปีกก็ตาม

ไม่รู้ว่าฉู่เหินเดินไปมานานแค่ไหนแล้ว ฉับพลันจู่ๆ เขานึกขึ้นได้ว่าเกือบครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาไม่ได้เช็กดูโทรศัพท์เลย!!