บทที่ 135 ประคบหน้า

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นัทธีกำลังจะตอบ บนเครื่องบินก็มีเสียงกระแสไฟดังอีก รุนแรงกว่าเมื่อกี๊มาก

วารุณีที่แก้วหูถูกกระตุ้นจึงปวดเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาปิดหูไว้

แต่นี่ก็ได้แค่คลายลงชั่วคราว ยังได้ยินอยู่

นัทธีเห็นใบหน้าเธอปรากฏความเจ็บปวด ริมฝีปากบางๆก็เม้มเข้า อดทนความเจ็บของแก้วหูตัวเอง ถอดเสื้อคลุมมาคลุมไว้ที่หัวเธอ จากนั้นเอาเสื้อคลุมกับมือของเธอ ช่วยอุดหูเธอไปด้วยกัน

แบบนี้ เสียงกระแสไฟที่วารุณีได้ยินเหมือนจะน้อยลงจนแทบไม่ได้ยิน ความทรมานที่ใบหน้าเธอ ก็ค่อยๆหายไป

เธอเงยหน้ามองนัทธี เห็นว่าตอนนี้เขาก็ถูกเสียงกระแสไฟทำให้ตกใจจนอึดอัดเหมือนกัน แต่กลับปกป้องเธอ ข้างในใจก็สัมผัสได้ ที่ปลายจมูกก็รู้สึกร้อนผ่าว

“ประธานนัทธี……”วารุณีตะโกนเรียกนัทธีเบาๆ เสียงมีความแหบแห้ง

ในหูของนัทธีมีเสียงอุดอู้ เลยไม่ได้ยิน แต่ยังรู้ว่าเธอกำลังพูดอะไร จากรูปปากของเธอ

“ยังทรมานอยู่ไหม?”นัทธีกลัวเธอจะไม่ได้ยินด้วย จึงขมวดคิ้วถามเสียงดังขึ้น

วารุณีส่ายหน้า ตอบกลับด้วยเสียงดังเช่นกัน“ไม่ทรมานแล้วค่ะ!”

นัทธีได้ยิน ก็พยักหน้าเล็กน้อย

แป๊บเดียว เสียงกระแสไฟก็หายไป มีแค่เครื่องบินที่ยังสั่น

นัทธีเอามือออก วารุณีก็เอามือออกจากหู แล้วยื่นเสื้อคลุมเขาไป“ประธานนัทธี ขอบคุณค่ะ”

นัทธีตอบอือไป แล้วรับเสื้อคลุมมาสวม

วารุณีเห็นเขาไม่คาดเข็มขัดนิรภัย รูม่านตาก็หด รีบเอนตัวหยิบเข็มขัดนิรภัยขึ้นมา อยากคาดให้เขา

แต่เพราะการสั่นไหวของเครื่องบิน หลายครั้งเธอไม่อาจคาดเข็มขัดไปได้ จึงอดไม่ได้ที่จะร้อนใจขึ้นมา

นัทธีก้มหน้ามองหญิงสาวที่ซุกอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง สายตาหม่นลง จากนั้นยื่นมือไปเอาหัวเข็มขัดนิรภัย จากมือของเธอมา พูดด้วยน้ำเสียงแหบ“ผมทำเอง คุณนั่งดีๆก็พอ!”

“ค่ะ”วารุณีไม่คิดมาก กลับไปนั่งดีๆอย่างเชื่อฟัง

นัทธีถอนหายใจทันที แล้วคาดเข็มขัดนิรภัย

วารุณีมองก้อนเมฆด้านนอกหน้าต่างอย่างกังวล“ประธานนัทธี คุณว่าเครื่องบินจะเป็นอะไรไหมคะ?”

เวลานี้ ในหัวเธอมีภาพออกมามากมาย เครื่องบินตก ระเบิด หลายๆอย่าง

เธอยังคิดว่า ถ้าเครื่องบินเกิดเรื่องจริงๆ ได้ตายไปกับเขา ก็ดูไม่เลวเท่าไหร่

“อย่าพูดเหลวไหล ก็แค่หลุมอากาศ ผ่านไปได้ก็ไม่มีอะไรแล้ว”นัทธีหยิบผ้าปิดตามาให้เธอ

วารุณีรับไปอย่างสงสัย“นี่คุณ……”

“ถ้ากลัวจริงๆ ก็ผิดตาไว้ ไม่เห็นอะไรก็ไม่กลัวแล้ว”

สภาพที่ดูจริงจังของเขา ทำให้วารุณีตลก และก็ขับไล่ความกลัวในใจเธอไปไม่น้อย

ที่จริงเธออยากพูดมากเลยว่า มีเขาอยู่ เธอก็ไม่กลัวแล้ว

แต่เธอไม่มีสิทธิ์นี้

จู่ๆ หางตาวารุณีก็เจออะไรบางอย่างที่ผิดปกติบนหน้านัทธี หรี่ตาไปใกล้เขา“ประธานนัทธี ทำไมตรงนี้คุณถึงช้ำได้ล่ะ?”

เธอชี้ไปที่โหนกแก้มตัวเอง

นัทธีลูบตรงที่เธอชี้ สายตาก็มีความเยือกเย็นแวบมา แล้วก็หายวับทันที“ไม่มีอะไร น่าจะชนอะไรตรงนั้น”

“เหรอคะ?”วารุณีดูไม่ค่อยเชื่อ

ชนก็ชนโหนกแก้มไม่ถึงหรอก รอยฟกช้ำของเขานี้ ถูกตีมาชัดๆ

ดังนั้นเขาไปตีกับใครมา?

คิดไป วารุณีก็มองนัทธีอย่างแปลกใจ

นัทธีขมวดคิ้ว“ทำไมเหรอ?”

วารุณีอ้าปาก อยากถามมากว่าเขาไปตีกับใครมา แต่พอคิดดูแล้ว ก็ไม่ได้ถามอะไรไป

“เปล่าค่ะ ฉันมีไข่ไก่ค่ะ ฉันประคบให้คุณดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวจะบวมได้”พูดไป วารุณีก็หยิบไข่ไก่ใบหนึ่งมาจากกระเป๋า

นัทธีมองเธอเอาไข่ไก่วางลงที่วางบนแล้วเคาะ หลังจากเคาะเปลือกแตก ก็เริ่มใช้มือปอก อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นถาม“ทำไมที่ตัวคุณถึงมีไข่ไก่ได้ล่ะ?”

วารุณีปอกไปยิ้มไป“อารัณค่ะ เขารู้ว่าวันนี้ฉันจะไป ก็เลยตั้งใจให้แม่ฉันต้มไข่สองใบให้ฉัน ให้ฉันกินบนเครื่องบิน น่าจะทำตามในทีวีน่ะค่ะ”

“ดีจัง”นัทธีพยักหน้า

“ใช่ค่ะ เด็กมีความกตัญญู ฉันกินไปอันหนึ่ง อันนี้เอาประคบหน้าให้คุณได้พอดี”พูดจบ วารุณีก็ไข่ขาวต้มแล้วที่ปอกเปลือกเสร็จวางบนรอยช้ำเขียวๆที่ใบหน้าเขา ค่อยๆกลิ้งไปมา

การเคลื่อนไหวของเธอนั้นเบามาก บวกกับไข่ขาวที่นุ่มๆขาวๆกลิ้งไปมาที่หน้าเขา ทำให้รู้สึกสบาย นัทธีอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง

“ใช่สิประธานนัทธี ทำไมคุณอยู่ที่เครื่องบินได้ล่ะ คุณจะไปไหนหรือเปล่าคะ?”วารุณีมองนัทธี ทันใดนั้นก็ถาม

ริมฝีปากนัทธีขยับ“ไปร่วมงานแต่ง”

มือของวารุณีก็หยุดลง“คุณก็ไปเข้าร่วมงานแต่ง?”

“อือ?คุณด้วยเหรอ?”นัทธีลืมตาขึ้นมองไปที่เธอ แต่ในสายตากลับไม่มีความแปลกใจ

วารุณีไม่เห็น พยักหน้าไป“ใช่ค่ะ เป็นทายาทของตระกูลฮิลล์อะไรนั่นแต่งงาน ฉันกับพงศกร……เดี๋ยวนะ พงศกรล่ะ?”

จู่ๆเธอก็คิดอะไรได้ พงศกรยังไม่กลับมา!

นัทธีเห็นวารุณีพูดถึงพงศกร แล้วก็ไม่ได้ประคบหน้าให้เขา ลมหายใจรอบๆตัวก็เย็นลงทันที สีหน้าก็ดูไม่คอ่ยดีนัก“เขาอยู่ชั้นหนึ่ง หมดสติไป มารุตกำลังดูเขาอยู่”

“ชั้นหนึ่ง เขาไปที่นั่นได้อย่างไรคะ?”วารุณีขมวดคิ้ว

นัทธีไม่ตอบ ยกมือขึ้นเอาไข่ที่ใบหน้าออกไป หันหน้าไปมองตรงทางเดิน ไม่มองเธอ

ในที่สุดวารุณีก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังโกรธ จึงเรียกเขาเบาๆ“ประธานนัทธี ประธานนัทธี?”

นัทธีไม่ตอบ

วารุณีผลักเขาเล็กน้อย

เขายังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ

วารุณีได้แต่ปล่อยมือ พยายามที่จะหาสาเหตุที่เขาโกรธอยู่คนเดียว

เธอจำได้ว่า ตอนที่เธอกำลังพูดถึงพงศกร เขาก็เริ่มโกรธ

เขามีปฏิกิริยาใหญ่โตแบบนี้ตอนที่เธอพูดถึงพงศกร คงไม่ใช่ว่าหึงหรอกนะ?

คิดดังนี้ วารุณีก็อุดปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ ใจเต้นแรงขึ้น

เธอกัดริมฝีปาก แอบมองไปที่ชายหนุ่ม

แต่มองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่เย็นชา จู่ๆเธอก็ใจเย็นลง

เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ที่เขารักคือนวิยาไม่ใช่เธอ จะหึงได้อย่างไร

เธอเข้าข้างตัวเองคิดว่าเขามีใจให้เกินไปแล้ว!

วารุณีหัวเราะอย่างขมขื่น สายตามีความโดดเดี่ยว แต่แป๊บเดียวก็หายไป

ตอนนี้เอง เครื่องบินที่ปั่นป่วนในที่สุดก็นิ่งลง หมายความว่าหลุมอากาศผ่านไปแล้ว

จริงๆด้วย ประกาศของเครื่องบินก็แจ้งว่าเครื่องบินผ่านหลุมอากาศสำเร็จ เข้าสู่สภาวะที่บินอย่างปลอดภัยแล้ว ทุกคนบนเครื่องบินก็เฮออกมา

วารุณีก็โล่งอก เตรียมจะพูดอะไรกับนัทธี

เห็นจู่ๆนัทธีก็ปลดเข็มขัดออกแล้วยืนขึ้นมา เดินไปที่ชั้นหนึ่ง

วารุณีตะลึงไปก่อน จากนั้นก็ได้สติคืนมาอย่างรวดเร็ว และตามไป“ประธานนัทธี รอฉันด้วย”

เธอก็ไม่ลืมว่า พงศกรยังอยู่ที่นั่น

เธอต้องเอาเขากลับมาสิ

มาถึงชั้นหนึ่ง นัทธีก็เดินไปที่ตำแหน่งที่นั่งของตัวเอง

วารุณีสำรวจเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็ยังรวยและมีอำนาจเหมือนเดิม เหมาไปทั้งชั้นหนึ่ง

ในชั้นหนึ่งตอนนี้ นอกจากพวกเขาสี่คน ก็ไม่มีใครเลย

“ผู้ช่วยมารุต”วารุณีเดินไปที่มารุต

มารุตผิดคอมลง“คุณวารุณี”

“ฉันมาเอาพงศกรกลับไปค่ะ”วารุณีชี้ไปที่พงศกรที่อยู่ด้านในที่นั่งเขา

ที่ตัวพงศกรห่มผ้าห่มผืนหนึ่ง ผ้าห่มก็ปิดใบหน้าเขาหมด

มารุตไม่ได้ตอบทันที แต่หันไปมองนัทธี

เห็นนัทธีพยักหน้า จึงหลีกทางให้“ได้ครับ ผมจะช่วยคุณส่งเขากลับไปเอง”

“งั้นก็ขอบคุณมากค่ะ”วารุณีพนมมือพูดอย่างรู้สึกขอบคุณ

พงศกรหมดสติไป เธอก็กังวลว่าเดี๋ยวตัวเองน่าจะประคองไม่ไหวแน่

“ไม่เป็นไร คุณเดินด้านหน้าเลย”มารุตเอาคอมวางไว้ข้างๆ จากนั้นก้มเอวไปประคองพงศกร

พงศกรที่กำลังถูกประคองขึ้นมา ผ้าห่มที่ตัวก็ลื่นหล่นลงไปที่พื้น

วารุณีเห็นเขามีรอยช้ำที่โหนกแก้มและมุมปากเหมือนกัน จึงอ้าปากกว้างอย่างตกใจ