บทที่ 134 เครื่องบินตกหลุมอากาศ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“เอ่อ……ฉันบังเอิญรู้มาน่ะ”วารุณีมองไปทางอื่นอย่างร้อนตัว

วรยาหัวเราะเหอะเหอะ ไม่เชื่อที่เธอพูดเลย แต่ว่าก็ไม่ได้ถามมาก หยิบโทรศัพท์มาไว้ข้างๆ มองคอมเมนต์พวกนั้นที่พิชญาในอินเทอร์เน็ต

ต้องบอกว่า สื่อพวกนั้นทรงอำนาจมาก หลายๆเว็บออกข่าวไม่ดีของพิชญาจำนวนมาก ทำให้คืนหนึ่งเพียงเวลาสั้นๆ พิชญาก็โด่งดังไปทั่วประเทศ

ตอนนี้ทุกคนต่างรู้แล้วว่า พิชญาเป็นผู้หญิงที่นิสัยไม่ดี ใจคอคับแคบ มีแผนการชั่วร้าย

และผู้หญิงแบบนี้ ดันเป็นคู่หมั้นของประธานบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป

ดังนั้นในเน็ตหลายๆคน จึงเริ่มคว่ำบาตรบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป และยังด่าทอในเว็บไซต์ทางการของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปด้วย คิดว่าที่พิชญาหยิ่งผยองแบบนี้ ก็เพราะว่ามีคู่หมั้นที่เป็นประธานหนุนหลัง

ไม่งั้นอาศัยแค่ธุรกิจเล็กๆของตระกูลศรีสุขคําจะเติบโตเคียงข้างจังหวัดจันทร์ล่ะก็ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

พลังในอินเทอร์เน็ตนั้นสูงมาก เพราะคำด่าพวกนี้ ชื่อเสียงกับพฤติกรรมของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป รวมทั้งตัวนัทธีเอง จึงได้รับผลกระทบไปด้วยแน่นอน

จนตอนเที่ยงTwitterส่วนตัวของนัทธี ประกาศแถลงการณ์ยกเลิกการหมั้น บอกว่าพิชญาได้สติแล้ว ก็จะจัดงานแถลงข่าวยกเลิกการหมั้น,จึงเรียกคืนชื่อเสียงของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปกับเขาได้

“โหย นัทธีจะยกเลิกการหมั้นจริงๆ ไม่เลวๆ แต่ว่าพิชญาได้สติคืนมาแล้วจะเป็นอย่างไรเนี่ย?”วรยาชี้ไปที่โทรศัพท์อย่างไม่เข้าใจ ในTwitterนัทธี

วารุณีกำลังป้อนข้าวอารัณ ได้ยินคำนี้ ก็พูดโดยไม่หันหน้าไปว่า“ฉันจะรู้ได้ไงล่ะ เดี๋ยวพงศกรมา แม่ก็ถามเขาเองสิ เขาเป็นหมอที่โรงพยาบาลนั้น เขาน่าจะรู้”

“ถามอะไรผมเหรอ?”เธอเพิ่งพูดจบ ร่างของพงศกรก็เข้ามาจากด้านนอกประตู

วรยาจึงพูดความสงสัยเมื่อครู่ออกไป

พงศกรฟังจบ แว่นตาก็สะท้อนแสง“เอ่อ ผมได้ยินพยาบาลพูด เหมือนว่าจู่ๆพิชญาก็เกิดโรคแทรกซ้อน หมดสติไปตั้งแต่เมื่อวาน จนตอนนี้ยังไม่ได้สติคืนมาเลยครับ”

“เหรอ งั้นก็ฟ้ามีตาแล้วจริงๆ ไม่ได้สติคืนมาทั้งชีวิตเลยจะดีที่สุด”วรยาทำเสียงฮึดฮัด

วารุณีหยิบทิชชูเช็ดมุมปากให้อารัณเสร็จ จึงก้มหน้าลง คิดอะไรบางอย่าง

พงศกรเห็น จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน“วารุณี คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”

“หม่ามี๊ ผมกินอิ่มแล้วครับ”อารัณใช่มือข้างนั้นที่กินเสร็จตบหน้าท้อง สื่อว่าไม่กินแล้ว

วารุณีวางชามลง ครั้งนี้ตอบคำถามของพงศกรเมื่อครู่“ฉันกำลังคิดว่า การหมดสติของพิชญานั้นบังเอิญเกินไปจริงๆ เชื่อมโยงกับของTwitterประธานนัทธีแล้ว มีความรู้สึกจงใจแกล้งเป็นหมดสติไปเพื่อหนี”

“ลูกพูดแบบนี้ก็จริงๆเลย แต่ว่าจะหนีได้นานแค่ไหนเชียว?แม่ไม่เชื่อหรอก ว่าเธอจะแกล้งหมดสติไปได้ทั้งชีวิต”วรยาหัวเราะอย่างเยาะเย้ย

พงศกรดันแว่น“วารุณี เกี่ยวกับเรื่องที่ประธานนัทธียกเลิกการหมั้น คุณมีความเห็นอะไรไหม?”

วารุณีประคองอารัณนอนลง ห่มผ้าห่มให้เขาเสร็จ ก็หันไปมองพงศกร“ฉันจะมีความเห็นอะไรได้ ถ้าต้องพูด ก็ยินดีกับประธานนัทธีละกัน พิชญาไม่เหมาะสมกับเขาจริงๆ”

พงศกรหัวเราะเล็กน้อย“ผมคิดว่า คุณจะดีใจมากซะอีก”

“หือ?”วารุณีขมวดคิ้ว“ทำไมคุณคิดแบบนี้ล่ะ?”

วรยาเอามืออุดหน้า ไม่ค่อยอยากมองเท่าไหร่

ยัยลูกสาวสุดทึ่มคนนี้นี่!

ทำไมถึงมองไม่ออกว่าพงศกรมีใจให้เธอ?

“ไม่มีอะไร ถามเฉยๆน่ะ”พงศกรโบกมือ ไม่ได้ตอบ และยังเปลี่ยนเรื่อง“วีซ่าไปต่างประเทศ ทำเสร็จหรือยัง?”

“ยื่นข้อมูลไปหมดแล้ว พรุ่งนี้น่าจะเสร็จแล้ว”วารุณีคิดเล็กน้อยแล้วตอบ

พงศกรพยักหน้า“งั้นก็ดี เดี๋ยวผมจะไปจองตั๋วเครื่องบิน”

“อือ”วารุณีไม่มีความเห็นอะไร

จากนั้นสองสามวันถัดมา ข่าวเสียหายเกี่ยวกับพิชญาในอินเทอร์เน็ตก็ยังมีอยู่ แต่ว่าตอนนี้ที่ชาวเน็ตให้ความสนใจมากกว่า ต่างเป็นเมื่อไหร่เธอจะฟื้น เมื่อไหร่จะยกเลิกการหมั้น

แต่พวกนี้ไม่เกี่ยวกับวารุณี ตอนนี้เธอ ได้อยู่บนเครื่องบินที่จะบินไปต่างประเทศแล้ว

ในชั้นธุรกิจ วารุณีนั่งกับพงศกร

พงศกรเมาเครื่องบินเล็กน้อย ตอนนี้เลยใส่ผ้าผิดตาแล้วก็ห่มผ้าหลับไป

วารุณีไม่ได้ง่วง กำลังถือสมุดวาดภาพกับสมุดออกแบบ อยากวาดต้นฉบับออกมาไวๆ ให้คุณจรณ์คนนั้นดู

ตอนนี้เอง แอร์โฮสเตสคนหนึ่งก็เข็นรถอาหารเดินมา“คุณผู้หญิงคะ ขอโทษนะคะต้องการดื่มอะไรไหมคะ?”

วารุณีหยุดดินสอลงแล้วมองไปที่รถอาหาร“มีอะไรบ้างคะ?”

“มีนม กาแฟ น้ำผลไม้ค่ะ”

“งั้นเอากาแฟแก้วหนึ่งค่ะ”วารุณียิ้ม

“ได้ค่ะ”แอร์โฮสเตสตอบรับ แล้วก้มเอวหยิบกาแฟแก้วหนึ่งจากรถอาหารชั้นสองให้เธอ

วารุณีมองแก้วกาแฟที่สวยงามตรงหน้า ตะลึงเล็กน้อย“ทำไมไม่ใช่แก้วกระดาษล่ะคะ?”

สายตาแอร์โฮสเตสเป็นประกายเล็กน้อย ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“แก้วกระดาษไม่มีชั่วคราวค่ะ เลยทำให้คุณผู้หญิงต้องไม่สบายใจเล็กน้อยที่ต้องใช้แก้วนี้”

มุมปากวารุณีกระตุกเล็กน้อย

ไม่สบายใจ?

แก้วนี้แพงมาก เป็นความปีติของเธอสิถึงจะถูก

“อ๋อค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”วารุณีพยักหน้า รับแก้วนี้ไป

แอร์โฮสเตสโล่งอกทันที แล้วหยิบเค้กก่อนหนึ่งออกมาให้เธอ

จากนั้นไม่รอให้วารุณีสอบถาม แอร์โฮสเตสก็เข็นรถอาหารไป

วารุณีมองกาแฟกับเค้กตรงหน้าอย่างตะลึง ถ้าแค่กาแฟไม่มีแก้วกระดาษ ใช้แก้วกาแฟเฉพาะมาใส่ให้เธอแล้ว เธอพอเข้าใจ

แต่นี่เป็นเค้กราคาแพงชัดๆ ทำให้เธอเข้าใจโดยทันทีว่า กาแฟกับเค้กนั้นมีคนตั้งใจให้เธอโดยเฉพาะ เพราะบนเครื่องบิน ไม่มีทางที่จะจัดหาบริการเช่นนี้ได้เลย

ส่วนเป็นใครนั้น ในใจเธอมีคำตอบแล้ว เค้กชิ้นนี้ เหมือนกับที่เธอกินครั้งที่แล้วในห้องทำงานนัทธี ดังนั้นนัทธีน่าจะอยู่บนเครื่องบินลำนี้ด้วย

ก็แค่ทำไมเขาต้องตั้งใจให้กาแฟกับเค้กเธอด้วยล่ะ?

คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ วารุณีเลยเลิกคิด หยิบส้อมมาจิ้มเค้กชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าปาก รสชาติที่คุ้นเคย ทำให้เธอยิ่งแน่ใจว่าเป็นเขา

พงศกรตื่นเพราะกลิ่นหอมหวานของเค้ก เขาเอาผ้าปิดตาลง มองวารุณีที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยอย่างแปลกใจ“มีเค้กปั้นรูปหงส์ดำบนเครื่องบินได้ไง?”

วารุณีก็ไม่ได้ปิดบัง ยิ้มให้เขาแล้ว ตอบไปว่า“ประธานนัทธีให้มาค่ะ”

“นัทธี?”พงศกรไม่ได้สวมแว่น ก็หรี่ตาทันที

วารุณีพยักหน้า“ใช่”

แววตาพงศกรก็มีความเยือกเย็นแวบเข้ามาทันที ปลดเข็มขัดออกแล้วยืนขึ้น“ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“โอเค”วารุณีหลีกทางให้เขา ให้เขาออกมาจากด้านใน

พอเขาไปแล้ว เธอก็นั่งกลับไปอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามที่เธอไม่เห็นก็คือ พงศกรไม่ได้ไปห้องน้ำ แต่เปิดประตูเครื่องบินของชั้นหนึ่งเข้าไป

ไม่รู้ว่านานแค่ไหน วารุณีก็ไม่เห็นพงศกรกลับมาเลย จึงสงสัยเล็กน้อย กำลังจะเรียกแอร์โฮสเตสมาถาม จู่ๆเครื่องบินก็สั่นขึ้นมา

วารุณีก็กรีดร้องจากจิตใต้สำนึกออกมา

จากนั้นก็ได้ยินประกาศบนเครื่องบินพูดว่าเครื่องบินตกหลุมอากาศ รอให้ผ่านหลุมอากาศก็ได้

แต่หลายนาทีผ่านไป เครื่องบินก็ยังไม่หยุดส่ายไปมา กลับยิ่งส่ายไปมาแรงขึ้น และก็ได้ยินเสียงกระแสไฟเข้าหู ตกใจจนแก้วหูรู้สึกอึดอัด

เวลานั้น คนบนเครื่องบินก็เริ่มอยู่ไม่สุข คนทั้งลำต่างกระวนกระวาย

วารุณีนั่งอยู่คนเดียว พงศกรก็ไม่อยู่ อดไม่ได้ที่จะยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น

แต่ตอนนี้เอง ร่างหนึ่งที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมของมินต์ก็จับเบาะนั่งเป็นแถวๆ เดินเข้ามาอย่างโซเซ สุดท้ายก็นั่งลงข้างวารุณี แล้วก็เอาเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน“ไม่ต้องกลัว!”

“ประธานนัทธี?”วารุณีมองไปที่เขาด้วยดวงตาเปียกชื้นอย่างพร่ามัว

นัทธีตอบอือ“ผมเอง”

“คุณมาได้ไง?”วารุณีกัดริมฝีปากแล้วถาม