ตอนที่ 165 ฉันอยากอยู่เคียงข้างคุณ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 165 ฉันอยากอยู่เคียงข้างคุณ

ตอนที่ 165 ฉันอยากอยู่เคียงข้างคุณ

เครื่องดื่มเหล่านี้พบได้ทั่วไปในเถาหยางและราคาก็ไม่แพงเกินไป น้ำอัดลมที่แพงที่สุดก็มีราคาเพียง 200 เหลียนปัง

เหล้าขนาด 500 มล. หนึ่งขวดมีราคาตั้งแต่ 1,000 ถึง 5,000 เหลียนปัง

ในตอนแรกผู้เช่าของเถาหยางตกใจมาก จากนั้นพวกเขาก็มักจะจัดกันไปคนละขวดหลังอาหารเย็น

เมื่อซูเถานำมันมามอบให้บ้านพักรับรองฟรี ๆ เธอจึงไม่รู้สึกอะไร

เผยตงมองไปที่เครื่องดื่มเหล่านี้และพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าคราวนี้เธอช่วยอดีตผู้นำกองทัพไว้มาก ขอบใจมากนะ นี่ก็ได้เวลาแล้ว เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปส่ง ไว้พรุ่งนี้เช้าหรือไม่ก็ช่วงบ่ายฉันจะรับเธอไปเลือกคน

ซูเถาถามอย่างมีความหวัง “คนนี้จะอยู่กับฉันได้นานเท่าไหร่”

เธอต้องการผู้ที่มีพลังวิเศษในระยะยาวเพื่อเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว

เผยตงยิ้มและพูดว่า “เมื่อส่งคนไปให้เธอแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเรียกตัวเขากลับมา แต่ผู้ที่มีพลังวิเศษก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่ดี เช่นเดียวกับกวานจือหนิง เธอต้องการไปที่แนวหน้า และพวกเราไม่มีสิทธิ์ห้ามเธอ”

ซูเถาเข้าใจแล้ว มันคงขึ้นอยู่กับว่าเธอสามารถรักษาคน ๆ นั้นไว้ได้หรือไม่ และคน ๆ นั้นจะมั่นคงต่อเธอหรือเปล่า

ถึงเวลาที่จะต้องเลือก

เมื่อเธอกลับมาที่เถาหยาง ซูเถาหลับยาวจนถึง 11 โมงเช้า เมื่อตื่นขึ้นก็พบว่าหน้าต่างถูกเปิดออก ซึ่งหมายความว่าเฮยจือหม่าได้หลุดออกไปเที่ยวเล่นอีกครั้งแล้ว

เมื่อเธอเปิดพิกัดของเฮยจือหม่า และรู้สึกโล่งใจที่มันยังอยู่ในภูเขาผานหลิว

เมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าหลินฟางจือไม่ได้ไปชั้นเรียนตอนเช้าของอาจารย์เซิ่ง เธอจึงถามว่า

“วันนี้อาจารย์ลาหยุดเหรอ?”

หลินฟางจือเทอาหารสุนัขลงในชามข้าวของเสวี่ยเตา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า

“อืม เธอย้ายบ้าน จวง โทรหาพี่แล้ว”

ตอนนั้นเองที่ซูเถาจำได้ว่าเธอใช้เวลาขยายห้องเช่าราคาถูกแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นเมื่อสองวันก่อน โดยลดค่าเช่าลงเหลือ 45,000 ต่อไตรมาส

จากนั้นก็ใช้เป็นบ้านเช่าสำหรับครอบครัวของเซิ่งอวี๋หลัน

วันนี้เป็นวันแรกของเดือนสิงหาคม และเป็นวันที่พวกเขาย้ายมาที่เถาหยาง

จวงหว่านโทรมาและพูดว่า

“ในที่สุดคุณก็ตื่น ฉันโทรหาคุณสามครั้ง ฟางจือเป็นคนรับสายบอกว่าคุณหลับอยู่ พ่อของเซิ่งอวี๋หลันต้องการเลี้ยงข้าวคุณเพื่อแสดงความขอบคุณ ฉันอยากจะปฏิเสธแทนคุณ แต่ความใจดีนั้นยากที่จะปฏิเสธ ก็เป็นมารยาท แค่มื้อกลางวัน กินข้าวด้วยกันเถอะ ได้ใช่ไหม?”

ซูเถาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปที่โรงอาหาร

ทันทีที่เธอมาถึงสือจื่อเยว่โบกมือให้เธอที่ประตู “พี่เถาจื่อ ทางนี้!”

จากนั้นเธอก็หันกลับไปหาครอบครัวเซิ่งที่อยู่ในโรงอาหารแล้วพูดว่า “มาแล้วค่ะ”

ก่อนที่เธอจะนั่ง ชายวัยกลางคนผู้อ่อนโยนสวมแว่นตาลุกขึ้น และแนะนำตัวอย่างรวดเร็ว

“เถ้าแก่ซู ผมเป็นพ่อของเซิ่งอวี๋หลัน เซิ่งคังชุ่น นี่คือภรรยาของผมจิ้งจู๋ และนี่เซิ่งอวี๋ชิงน้องสาวของเซิ่งอวี๋หลัน”

เซิ่งคังชุ่นทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย แต่เขาพูดอย่างสงบและประพฤติอย่างรอบคอบ เห็นได้ว่าเขามีการศึกษา และเขาก็ถ่อมตัว

เซิ่งอวี๋หลันและเซิ่งอวี๋ชิง เป็นสองสาวพี่น้องที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการ เมื่อได้ยินการแนะนำดังนั้น ทั้งคู่ก็ยืนขึ้นและทักทายซูเถา

ซูถารีบขอให้ทุกคนนั่งลงและถามด้วยความลำบากใจ

“ขอโทษนะคะ คนไหนพี่คนไหนน้องเหรอคะ”

ประโยคนี้ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง และสือจื่อเยว่ก็หัวเราะออกมา

เซิ่งอวี๋หลันพูดอย่างเขินอาย

“เถ้าแก่ซู ฉันเซิ่งอวี๋หลัน และนี่คือน้องสาวของฉัน มีความแตกต่างบางอย่างระหว่างเราคือฉันมีไฝที่คาง แต่น้องสาวไม่มี”

เซิ่งอวี๋ชิงดูร่าเริงมากขึ้น เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส

“ผมของฉันสั้นและมีสีเข้มกว่าพี่สาว”

ซูเถาสังเกตใกล้มากยิ่งขึ้น “อ้อ เป็นความผิดของฉัน พวกเธอต่างก็เป็นคนสวย ฉันแยกไม่ออกเลย”

สมาชิกทั้งสี่ของครอบครัวเซิ่งหัวเราะ และบรรยากาศที่ดูอึดอัดก็หายไปอย่างสมบูรณ์

สือจื่อเยว่คุ้นเคยกับครอบครัวเซิ่งเป็นอย่างดี เธอจึงหันกลับมาและพูดกับพ่อแม่เซิ่งว่า

“คุณลุงคุณป้า หนูขอบอกก่อนว่าเถ้าแก่ซูเข้าถึงง่ายมาก เถาหยางไม่มีแบ่งแยกชนชั้น ที่นี่ไม่ปฏิบัติแบบนั้น ตราบใดที่ทุกคนยังเป็นผู้เช่า ทุกคนก็เหมือนกันใช่ไหม พี่เถาจื่อ”

ซูเถาลูบมือที่ดูคล้ำขึ้นของสือจื่อเยว่ เด็กคนนี้ฝึกซ้อมข้างนอกทุกวันและดูห้าว ๆ เล็กน้อย

“จื่อเยว่พูดถูก ยินดีต้อนรับครอบครัวเซิ่งสู่เถาหยางนะคะ ฉันรู้สึกขอบคุณอาจารย์เซิ่งอวี๋หลันมาก สำหรับการสอนของเธอ เธอช่วยได้มากเชียวค่ะเถาหยางจะเป็นบ้านของพวกคุณในอนาคต ถ้ามีปัญหาอะไรสามารถแจ้งผู้จัดการจวงหรือฉันได้เลยนะคะ”

เซิ่งคังชุ่นรู้สึกประทับใจมาก เขายืนกรานที่จะเชิญซูเถามาดื่มชาเป็นการส่วนตัว เพื่อเป็นการขอบคุณเล็กน้อย

ดวงตาของหราวจิ้งจู๋แดงระเรื่อ เธอจับมือของซูเถาด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วพูดว่า

“เถ้าแก่ซู ในฐานะพ่อแม่ พวกเราถือว่าขาดตกบกพร่อง สถานที่ที่เราอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้น่ากลัวเกินไป ฉันกังวลทุกวัน ฉันกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับอวี๋หลันและอวี๋ชิง ดีที่ยังช่วยเหลือไว้ได้ทัน… ถ้าอวี๋ชิงไม่ได้ปลุกพลังวิเศษของเธอเพื่อช่วยพี่สาว อวี๋หลันคงไม่รอด และวันนี้พวกเราโชคดีที่จะได้อยู่ในเถาหยาง ถ้าไม่ได้อวี๋หลัน ฉันเกรงว่าครอบครัวของเราก็คงไม่ได้อยู่มาถึงวันนี้”

ซูเถาถามด้วยความไม่เข้าใจ “มีอะไรเกิดขึ้นกับอวี๋หลันหรือคะ เมื่อไหร่กัน ทำไมไม่บอกฉัน”

เซิ่งอวี๋หลันลดศีรษะลงและพูดด้วยเสียงต่ำ

“เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขอโทษด้วยนะคะ…”

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก หราวจิ้งจู๋ยังคงหวาดกลัวและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

“มีคนนิสัยไม่ดีอยู่ในสถานที่ที่เราอาศัยอยู่ ฉวยโอกาสที่พวกเราพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน พังประตูเข้ามา พยายามวางแผนทำร้ายอวี๋หลัน แต่ในช่วงเวลาคับขัน อวี๋ชิงสามารถปลุกพลังขึ้นมาได้ เขาจึงหนีไปได้ แต่เขาก็ทำให้เราขุ่นเคือง ผู้ชายคนนั้นมีอิทธิพลในพื้นที่ ถ้าเถาหยางไม่จัดที่อยู่ให้เรา เขาคงรอโอกาสที่จะตอบโต้แน่นอน และคงพยายามระรานพวกเราต่อไป”

หลังจากพูดจบ หราวจิ้งจู๋คว้ามือของซูเถาและพูดว่า

“เถ้าแก่ซู ครอบครัวของเราย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย ๆ มาหลายปีแล้ว ถ้าเถาหยางไม่รับเราเข้าไป เราคงพเนจร พวกเราไม่มีอะไรจะตอบแทน..”

เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และเซิ่งคังชุ่นก็ทำตามคำพูดของภรรยาของเขาที่พูดไว้ระหว่างเดินทางมาที่นี่

“คืออย่างนี้นะเถ้าแก่ซู เราได้ยินมาว่าคุณต้องการบอดี้การ์ดส่วนตัวโดยเป็นผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ คุณเห็นว่าอวี๋ชิงของเราเป็นยังไงบ้าง รองเผยบอกว่าพลังเหนือธรรมชาติของเธอนั้นใช้งานได้จริงมาก เรียกว่า ‘การควบคุม’ และสามารถควบคุมการกระทำและความคิดของคนในช่วงเวลาสั้น ๆ…”

ดวงตาของซูเถาเบิกกว้าง และเธอก็ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“ไม่ ไม่ คุณเซิ่ง ฉันไม่คิดว่าอวี๋ชิงเป็นคนไม่ดี” แต่เป็นเพราะเธอดีเกินกว่าจะอยู่เคียงข้างฉัน จื่อเยว่บอกฉันว่าอวี๋ชิงมีพรสวรรค์ในการควบคุม เธอควรอยู่เขตทหาร เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

แต่เธอก็ไม่กล้าถามเซิ่งอวี๋ชิง

ผู้ที่มีพรสวรรค์ที่เผยตงเลือกเพื่ออยู่เคียงข้างเธอ คือผู้ที่ได้รับการฝึกฝนและสำเร็จการศึกษาแล้ว

เธอไม่รุกล้ำเผยตง

ซูเถายังคงเกลี้ยกล่อม “อีกอย่าง อวี๋หลันได้พักอยู่ในเถาหยางแล้ว ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับเรื่องนี้จริง ๆ แต่ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลืออื่นแล้วจริง ๆ ปล่อยให้อวี๋ชิงได้พบชีวิตของเธอเองดีกว่า ใช่ไหมอวิ๋ชิง”

เซิ่งอวี๋ชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ฉันอยากอยู่เคียงข้างคุณ ฉันได้ไปรายงานตัวที่โรงเรียนแล้ว คุณจะเห็นชื่อของฉันเมื่อคุณไปคัดเลือกผู้สมัครในบ่ายวันนี้”

ซูเถาพูดไม่ออก เธอคิดไม่ถึงว่าเผยตงจะอนุมัติ

เผยตงปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวจริง ๆ…

“อวี๋ชิง ลองคิดดูอีกครั้ง รองเผยให้ความสำคัญกับเธอมาก”