ตอนที่ 177 สงวนไว้สำหรับหลานสะใภ้เท่านั้น

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 177 สงวนไว้สำหรับหลานสะใภ้เท่านั้น

ตอนที่ 177 สงวนไว้สำหรับหลานสะใภ้เท่านั้น

“นี่คือ…”

ถังหลิงเหลือบมองไปทางร้านตัดผม จากนั้นก็ถามหลินเซี่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่ร้านของเธอเหรอ?”

หลินเซี่ยพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

“วันนี้ฉันเพิ่งได้มาแถวนี้ และกำลังปรับปรุงฝั่งตรงข้ามอยู่พอดี เห็นว่ารถที่จอดอยู่ดูเหมือนรถของคุณปู่เฉินก็เลยแวะเข้ามาดูสักหน่อย” ถังหลิงชี้ไปที่อาคารฝั่งตรงข้ามกับร้านของหลินเซี่ยในแนวทแยงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ถังหลิง เธอมาเปิดร้านถึงที่นี่เชียวเหรอ?” โจวลี่หรงดูประหลาดใจเล็กน้อย ถามถังหลิงด้วยสีหน้าซับซ้อน

หล่อนไม่ใช่คนโง่ เพียงหยุดคิดสักนิดก็เข้าใจจุดประสงค์ของถังหลิงว่าทำไมหล่อนถึงถ่อสังขารข้ามจากทิศเหนือของเมืองมาเปิดร้านทำธุรกิจที่ทิศตะวันตกของเมืองแบบนี้

“ใช่ค่ะป้าโจว ฉันตั้งใจว่าจะเปิดร้านที่นี่ตั้งนานแล้ว ที่นี่มีหลายโรงงานตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน ปริมาณคนสัญจรผ่านค่อนข้างคับคั่ง ฉันเลือกทำเลอยู่นานเชียวค่ะกว่าจะตัดสินใจได้”

เฉินเจียซิ่งถามด้วยความประหลาดใจ “พี่ถังหลิง คุณกำลังจะเปิดร้านเหรอ?”

“ใช่ ฉันเพิ่งตกลงกับเจ้าของตึกเดิมได้ วางแผนว่าจะเปิดร้านเสริมสวย สองวันมานี้ฉันงานยุ่งมากก็เลยไม่ได้มาดูสถานที่จริงเลย วันนี้เพิ่งพาช่างตกแต่งภายในมาปรับปรุงเป็นวันแรก ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณหลินเปิดร้านพอดี”

ถังหลิงเหลือบมองฝูงชน แล้วถามเฉินเจียซิ่งด้วยรอยยิ้มว่า “เจียซิ่ง เสี่ยวเหมยไม่มาด้วยหรอกเหรอ?”

เมื่อพูดถึงเสิ่นเสี่ยวเหมย สีหน้าของเฉินเจียซิ่งก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง เขากระแอมเบาเพื่อกลบเกลื่อน “หล่อนไม่ว่าง มีงานต้องจัดการเยอะ”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” ถังหลิงหัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็มองผ่านเขาไปโดยไม่พูดอะไรมาก

ถังหลิงเดินเข้าไปหาหลินเซี่ยและอวยพรเธออย่างไม่เห็นแก่ตัว “คุณหลินคะ ขอแสดงความยินดี มั่งมีศรีสุขนะคะ”

หลินเซี่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ “ขอบคุณมากนะคะคุณถัง แต่คุณอาจต้องแสดงความยินดีกับเรื่องมงคลของฉันถึงสองเรื่อง”

หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็มองไปที่เฉินเจียเหอด้วยรอยยิ้ม คว้าแขนของเขามาคล้องพร้อมกับผายมือเพื่อบอกให้เขาประกาศเป็นการส่วนตัว

เฉินเจียเหอมีท่าทางสงบ มองไปที่ถังหลิงแล้วพูดว่า “ใช่ วันนี้พวกเรามีความสุขเป็นสองเท่า เซี่ยเซี่ยกับผมเพิ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมาเมื่อเช้านี้”

“จดทะเบียนเหรอ?” ใบหน้าบอบบางของถังหลิงแข็งค้างอย่างเห็นได้ชัด

“อะไรกันคะคุณถัง? เราสองคนแต่งงานกันทั้งที คุณไม่แสดงความยินดีกับพวกเราหน่อยเหรอ?”บราวนี่ออนไลน์

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย หล่อนก็กระตุกริมฝีปากและพูดอย่างเสียไม่ได้ “ยินดีด้วยค่ะ”

“ขอบคุณอีกครั้งค่ะคุณถัง เชิญตามสบายนะคะ พวกเราขอตัวไปรับแขกก่อน”

ว่าแล้วหลินเซี่ยก็พาเฉินเจียเหอไปต้อนรับคนอื่น

ถังหลิงสบตากับผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลเฉินและคนอื่น ๆ ไม่นานสีหน้าท่าทางก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว มองไปที่ผู้เฒ่าเฉินและคุณย่าเฉิน แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่เฉินคะ ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าคุณจะยินดีออกมาร่วมในกิจกรรมประเภทนี้ด้วย ถ้าอย่างนั้นเมื่อฉันเปิดร้านอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ พวกคุณทั้งสองยินดีมาตัดริบบิ้นให้จะถือเป็นพระคุณอย่างสูง”

ก่อนที่ผู้เฒ่าเฉินจะพูดอะไร คุณย่าเฉินก็ชิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวถัง เกรงว่าคงไม่ได้น่ะจ้ะ มีแต่หลานสะใภ้ของตระกูลเราเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์นี้ คุณปู่เฉินของเธอเป็นอดีตข้าราชการทหารเกษียณ ไม่สามารถร่วมกิจกรรมทางธุรกิจแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะจะถือเป็นการฝ่าฝืนวินัย”

การแสดงออกของถังหลิงแข็งค้างไปอีกครั้ง

เฉินเจียซิ่งไม่นึกว่าย่าของเขาจะตัดเยื่อใยอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ เมื่อเห็นว่าคนอื่น ๆ ในครอบครัวก็ไม่ได้มีท่าทีกระตือรือร้นมากนัก จึงทำได้เพียงยิ้มแล้วพูดว่า “พี่ถังหลิง คุณจะเปิดร้านอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ล่ะ? ไว้ผมจะมาแสดงความยินดีนะ”

“ยินดีต้อนรับจ้ะ เสี่ยวเหมยก็บอกว่าเธอกับคุณปู่เสิ่นจะมาด้วยเหมือนกัน” ขณะที่ถังหลิงพูดแบบนี้ หล่อนก็มองดูผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลเฉินด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ

สีหน้าแสดงออกถึงความโอ้อวดอย่างเห็นได้ชัด

ถึงอย่างนั้น กลับไม่มีใครสนใจหล่อนเลย

ผู้เฒ่าเฉินฉลาดมองคนขาด นับตั้งแต่หลินเซี่ยมาที่บ้านของพวกเขาเป็นครั้งแรก ถังหลิงก็เข้ามาแสดงตัวอย่างออกนอกหน้าและพยายามยั่วยุหลินเซี่ย แต่หลินเซี่ยเพียงหยิบยกเรื่องมาเล่าเบา ๆ เท่านั้น กลับทำให้หล่อนทนฟังไม่ได้และหนีหน้าไป ทำให้เขารู้สึกว่าภูมิหลังชีวิตของถังหลิงอาจไม่ธรรมดา…

แล้วหลินเซี่ยก็ดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง

เมื่อเฉินเจียซิ่งได้ยินหล่อนพูดถึงเสิ่นเสี่ยวเหมยและผู้เฒ่าเสิ่นอีกครั้ง เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ

หลังจากที่เฉินเจียซิ่งถูกเสิ่นเสี่ยวเหมยด่าทอต่อหน้าเพื่อนร่วมงานที่ประตูโรงงานเครื่องจักร เฉินเจียซิ่งก็ไม่เคยไปเหยียบบ้านตระกูลเสิ่นเพื่อง้อเสิ่นเสี่ยวเหมยกลับมาอีกเลย

ทั้งคู่ไม่ได้เจอหน้ากันนานกว่าครึ่งเดือนแล้ว

หลินเซี่ยไม่มีเวลาคุยกับแม่สาวชาเขียวที่เอาแต่จ้องมองสามีของเธออย่างกระตือรือร้น ทันทีที่เจียงอวี่เฟยมาถึง เธอก็วิ่งไปต้อนรับอีกฝ่ายทันที

เจียงอวี่เฟยมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เธอ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “โจวอี้ติดต่อฉันมาเมื่อเช้านี้ บอกว่าวันนี้เขาไม่มีเวลามาแสดงความยินดี ก็เลยฝากคำว่ามั่งมีศรีสุขผ่านฉันให้มาบอกเธอ”

“ขอบคุณนะ”

“ฉันอยู่ร่วมงานได้แต่แป๊บเดียว หลังจากเปิดป้ายเมื่อไหร่ก็จะกลับไปเรียนต่อทันที ได้กลับบ้านอีกรอบก็ช่วงสุดสัปดาห์เลยล่ะ”

เจียงอวี่เฟยพูดต่อ “จริงสิ ฉันต้องเข้าร่วมออดิชั่นรอบแรกในวันอาทิตย์ ถ้าเธอว่างช่วยตามไปให้กำลังใจฉันหน่อยนะ ฉันกังวลเกินกว่าจะไปคนเดียว”

“ไม่มีปัญหา”

หลินเซี่ยพูดกับหล่อนต่ออีกสองสามคำ จากนั้นก็ปลีกตัวไปต้อนรับแขกคนอื่น

เมื่อถึงเวลา เฉินเจียเหอก็ไปเชิญชายชราแล้วพูดว่า “คุณปู่ คุณย่าครับ ฤกษ์ดีมาถึงแล้ว ได้เวลาตัดริบบิ้นแล้วครับ”

“ได้ มาตัดริบบิ้นกันเถอะ”

“คุณปู่ คุณย่า ป้าโจว เชิญยืนเป็นประธานตรงกลางป้ายเลยค่ะ”

หลินจินซานและเฉียนต้าเฉิงทำหน้าที่จุดประทัด

บรรยากาศอบอวลไปด้วยชีวิตชีวา

ถังหลิงยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่มีใครให้ความสนใจ เมื่อเห็นรอยยิ้มอันสดใสบนใบหน้าของสมาชิกตระกูลเฉิน และเห็นว่าถังจวิ้นเฟิงลูกพี่ลูกน้องของตัวเองอยู่ท่ามกลางฝูงชนแถมยังเรียกหลินเซี่ยว่าพี่สะใภ้อย่างเต็มปาก ความริษยาก็แวบเข้ามาในดวงตา หล่อนหมุนตัวกลับไปที่ร้านของตัวเอง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก

เมื่อแผ่นป้ายถูกเปิดม่าน ตัวอักษรสี่ตัว ‘สงโถวไคฉื่อ(เริ่มต้นครั้งใหม่)’ ก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน

“เซี่ยเซี่ย ขอให้ธุรกิจรุ่งเรื่องเฟื่องฟู”

“เสี่ยวหลิน ขอให้ธุรกิจรุ่งเรืองเฟื่องฟู”

ทุกคนกล่าวคำอวยพรอันเป็นมงคลกับหลินเซี่ย บรรยากาศอุ่นหนาฝาคั่ง

ผู้เฒ่าเฉินและคนอื่น ๆ ต่างผลัดกันมอบอั่งเปาให้หลินเซี่ย

หลินเซี่ยปฏิเสธ “คุณปู่ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

“รับไว้เถอะ ถือเป็นสินน้ำใจเล็กน้อยจากพวกเรา”

พร้อมกันนั้น โจวลี่หรงก็หยิบรูปปั้นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋ามอบให้หลินเซี่ย พลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นของขวัญที่เจียวั่งฝากฉันมามอบให้เธอ เขาบอกว่าถือเป็นเครื่องรางนำโชคก็แล้วกันนะ”

เมื่อเห็นของขวัญจากเฉินเจียวั่ง หลินเซี่ยก็ยิ้มกว้างและรีบรับมันไว้ “โอ้โห น้องเขยของฉันรู้จักให้ของขวัญดีจริง ๆ เชียว”

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แต่หลินเซี่ยก็มีความประทับใจที่ดีต่อเฉินเจียวั่ง อันเป็นผลมาจากของขวัญที่เขามอบให้

เซี่ยไห่ยังมอบอั่งเปาสีแดงซองหนาให้หลินเซี่ยด้วยเช่นกัน หลินเซี่ยรู้สึกขัดเขินไม่อยากรับไว้ ดังนั้นเซี่ยไห่จึงต้องมอบให้ผ่านเฉินเจียเหอ

หลิวกุ้ยอิงเองก็แอบมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับหลินเซี่ยด้วย

“แม่ นี่อะไรกันคะ?”

หลิวกุ้ยอิงมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย “เซี่ยเซี่ย เงินจำนวนนี้ถือเป็นความตั้งใจของพี่ชายลูก แม่กับเสี่ยวเยี่ยนแทบไม่ได้ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเปิดร้านของลูกเลย ตั้งแต่เราเข้าเมืองมา ลูกต้องใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนไม่น้อย เรามีไม่มากแต่ตั้งใจให้นะ”

หลินจินซานแทบไม่มีเงินเก็บเลยในปีนี้ ถ้าแยกซองกับครอบครัวจำนวนก็จะน้อยจนน่าเกลียดเกินไป ดังนั้นเมื่อคืนนี้สามแม่ลูกจึงปรึกษากัน ได้ข้อสรุปว่าจะให้อั่งเปาหลินเซี่ยหนึ่งร้อยหยวน

หลินเซี่ยมองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายใจและรู้สึกผิดของหลิวกุ้ยอิง จากนั้นก็จับมือหล่อนแล้วพูดเบา ๆ “แม่ พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน อย่าคิดมากไปเลยค่ะ”

“รับเอาไว้เถอะ”

เมื่อหลิวกุ้ยอิงยืนกรานแบบนั้น หลินเซี่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับมันไว้

เมื่อพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น เฉินเจียเหอก็เชิญทุกคน “ทุกคนครับ เราออกไปรับประทานอาหารด้วยกันเถอะ”

เฉินเจียเหอจองโต๊ะไว้สองโต๊ะเป็นพิเศษที่ภัตตาคารริมถนนไม่ไกลกันนี้ พี่สาวจางและคนอื่น ๆ มาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีเพียงระยะสั้น ๆ ไม่มีเวลาอยู่ยาว พวกหล่อนจึงกล่าวอำลาและกลับไปที่โรงงาน

เจียงอวี่เฟยก็ต้องรีบกลับไปวิทยาลัยเช่นกัน บอกว่าจะแวะมาหาเมื่อมีเวลาว่าง

สุดท้ายจึงเหลือแต่ครอบครัวของพวกเขา

เฉินเจียซิ่งถูกปู่ย่าลากออกมาจากบ้านเพื่อร่วมพิธีเปิดร้านในตอนนี้กำลังหาทางจากไป แต่ผู้เฒ่าเฉินกลับรั้งเขาไว้ซะก่อน “จะรีบไปไหน? ไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยแยกย้ายสิ”

ขณะที่หลินเซี่ยกำลังจะออกจากร้าน ลูกค้าคนหนึ่งก็มาที่ประตูแล้วถามว่า “ช่าง ฉันอยากตัดผม”

“วันนี้มีส่วนลดหรือเปล่า?”

หลินเซี่ยยิ้มและชี้ไปที่ป้ายโฆษณาซึ่งติดไว้หน้าประตู “มีค่ะ ลดครึ่งราคาสำหรับสามวันแรก”

“เชิญเข้ามาสระผมตรงนี้ก่อนค่ะ” ชุนฟางรีบพาลูกค้าไปที่เตียงสระผม

เมื่อลูกค้าเข้ามาในร้านแล้ว หลินเซี่ยก็ได้แต่ยิ้มและพูดกับเฉินเจียเหอว่า “ตอนนี้ฉันคงปลีกตัวไปกับพวกคุณไม่สะดวกแล้ว คุณกับพี่ชายช่วยพาทุกคนไปรอที่ร้านอาหารก่อน ฉันจะรีบตามไปหลังจากตัดผมให้ลูกค้าเสร็จ”

“ได้ เดี๋ยวผมจะพาทุกคนไปนั่งรอก่อน”

ในฐานะที่เซี่ยไห่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเฉินเจียเหอ ความจริงแล้วเขาควรจะร่วมโต๊ะอาหารด้วย แต่เมื่อเขาเหลือบมองผู้เฒ่าเฉิน ก็กลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายสั่งสอนอีกครั้ง

เขาจึงหาข้ออ้างว่าเขาจะพาเฉียนต้าเฉิงไปติดตั้งเครื่องเสียงในห้องเต้นรำ แล้วก็จากไป

เขาอนุญาตให้หลินจินซานลางานครึ่งวันเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้เขาติดตามแม่ไปรับรองตระกูลเฉินให้ดี

เฉินเจียเหอพาทุกคนไปที่ร้านอาหาร หลังจากจัดที่นั่งให้ทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เริ่มสั่งอาหารก่อน จากนั้นก็บอกให้ทุกคนนั่งพักพูดคุยกันไปพลาง ๆ ในขณะที่เขาออกไปตามหลินเซี่ย

ปู่ย่าของเขาเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก อีกทั้งทัศนคติของผู้เป็นแม่ก็เปลี่ยนไปจากเดิม เขาจึงค่อนข้างวางใจที่จะฝากพวกเขาให้อยู่คุยกันเอง

ทันทีที่เฉินเจียเหอจากไป หลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนก็มีท่าทางเก้อเขิน เพราะไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี

โจวลี่หรงจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ว้ายยย เก็บเศษหน้าทันไหมคะถังหลิง ปู่เฉินบอกว่าสิทธิ์นี้มีให้หลินเซี่ยคนเดียว ว่าแต่นางโทรหาใครกันนะ?

ไหหม่า(海馬)