ตอนที่ 50 ขั้นปราณสวรรค์!

ณ เจ็ดยอดเขากลั่นพลัง อุโมงค์แรงดึงดูด

อุโมงค์แรงดึงดูดเป็นสถานที่บ่มเพาะพลังที่แปลกประหลาดในเจ็ดยอดเขากลั่นพลัง พลังที่มองไม่เห็นจะกดผู้ที่อยู่ภายในอุโมงค์นี้ ยกตัวอย่างเช่นหากใครสักคนสามารถแทงได้สิบครั้งเพียงแค่ชั่วอึดใจด้านนอก หากเข้ามาในอุโมงค์นี้จะถูกแรงดึงดูดกดพลังลงสองเท่า คนผู้นั้นจะสามารถแทงได้เพียงห้าครั้งเท่านั้น

เวลานี้สตรีที่สวมชุดหนังสีแดงรัดรูปกำลังแกว่งดาบในมืออย่างไม่หยุดยั้งในอุโมงค์แรงดึงดูด สตรีผู้นี้งดงามอย่างมาก มันสามารถเรียกได้ว่างดงามจนหัวใจแทบหยุดเต้น

ดั่งที่กล่าวไว้ สตรีผู้นี้มีรูปลักษณ์ที่งดงามจนหาที่เปรียบมิได้ ทั้งลักษณะหน้าตาที่ดึงดูดราวกับสุนัขจิ้งจอก ถึงแม้นางจะฝึกฝนวิชาดาบ แต่ดวงตาของนางก็ดึงดูดีระดุจน้ำพุที่ชวนตราตรึง เสน่ห์ที่โปรยปรายยามที่ดวงตาขยับ บางทีมันอาจเป็นเพราะแรงโน้มถ่วงในนี้ ใบหน้าที่ดึงดูดราวกับถูกเติมแต่งด้วยการปัดแก้มเล็กน้อยจนเป็นสีแดง มันทำให้นางดูสวยดั่งเช่นดอกไม้ที่เบ่งบาน

ชุดหนังสีแดงของนางยังเปิดเผยทรวดทรงอย่างมาก มันแสดงให้เห็นถึงเส้นโค้งของรูปร่างที่งดงาม ชุดหนังนั้นแทบจะไม่สามารถปกปิดส่วนด้านหลังให้มิดชิด และมันยังสั้นอย่างมาก หากสตรีผู้นี้ดึงชุดขึ้นเพียงเล็กน้อย หรือมีใครสักคนก้มมองดู ฉากภายใต้ชุดนั้นก็สามารถถูกเห็นได้อย่างชัดเจน

ด้วยเสน่ห์และความงดงามของรูปลักษณ์ ทั้งยังมีร่างกายที่น่าดึงดูด ทุกสิ่งของสตรีผู้นี้มีมันแทบจะทำให้ผู้ชายทั้งหมดเป็นบ้า

แต่ทั้งหมดมันก็ไม่สำคัญ ประเด็นสำคัญคือ การทวีคูณของแรงดึงดูดในนี้กำลังสูงที่สุดถึงยี่สิบเท่า! ยิ่งกว่านั้นภายใต้แรงดึงดูดถึงยี่สิบเท่า วิชาดาบของสตรีชุดแดงยังไม่แสดงผลกระทบใดทั้งสิ้น มันดูราวกับไม่มีแรงดึงดูดใดในที่แห่งนี้

“ศิษย์พี่มู่หรง เฟิงหลินมีเรื่องรายงาน!” ทันใดนั้นมีเสียงดังออกมาจากด้านนอกอุโมงค์

เมื่อได้ยินเสียงนี้ คิ้วของสตรีชุดแดงขมวดติดกันทันที นางลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหยุดฝึกฝน นางทราบดีว่าหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ ศิษย์นอกผู้นี้คงไม่กล้ามารบกวนแน่

นางเดินอย่างงดงามไปยังที่แขวนเสื้อด้านข้าง จากนั้นจึงสวมชุดคลุมสีแดงที่ปกคลุมร่างกายอันเย้ายวน

ประตูอุโมงค์เปิดออก สตรีชุดแดงปรากฏตัวขึ้นหน้าทางเข้า ถึงแม้นางจะงดงามสักเพียงใด ร่างของชายนามว่าเฟิงหลินก็ก้มลงพร้อมดวงตาที่มองต่ำ เขาไม่คิดที่จะเงยหน้าขึ้นมองสตรีผู้นี้

อันที่จริงคือเขาไม่กล้าที่จะมองนาง นานมาแล้วมีศิษย์นอกคนหนึ่งที่มั่นใจในพรสวรรค์ของตนเอง เขาได้เหลือบมองสตรีชุดแดงด้วยสายตาที่น่ารังเกียจ จากนั้นไม่นาน ‘น้องชาย’ ของศิษย์นอกผู้นั้นก็ถูกกระทืบโดยสตรีปีศาจผู้นี้ ยิ่งกว่านั้นนอกจากผู้อาวุโสจะไม่ลงโทษ พวกเขายังเตือนให้ศิษย์นอกทุกคนว่าอย่าทำให้นางขุ่นเคือง

จากเหตุในวันนั้น นอกจากศิษย์นอกในเทียบอันดับไม่กี่คน เมื่อเห็นหรือเดินผ่านนาง พวกเขาจะก้มหัวต่ำลงราวกับว่านางไม่มีตัวตน

สตรีชุดแดงสูดหายใจลึก ก่อนจะมองไปที่เฟิงหลินพร้อมกล่าว “ว่ามาสิ หากมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

เฟิงหลินเหงื่อตกทันที เพราะเขาไม่คิดว่านางจะล้อเล่น “ศิษย์พี่มู่หลง มีอัจฉริยะปรากฏขึ้นในการทดสอบสำนักนอกในเวลานี้ เขาสามารถเข้าสู่ชั้นสิบเจ็ดของหอคอยผู้รับใช้แห่งดาบเพียงการบ่มเพาะพลังระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ ยิ่งกว่านั้นยังบรรลุขั้นปราณสวรรค์ในชั้นที่สิบแปด ยิ่งกว่านั้นเขามีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น

ท่าทีสตรีชุดแดงสงบอย่างมาก นางสูดหายใจลึกเพื่อนำอากาศบริสุทธิ์รอบตัวเข้าไปก่อนจะกล่าว “เข้าสู่ชั้นสิบเจ็ดขณะอยู่ระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ และบรรลุขั้นปราณสวรรค์ด้วยอายุเพียงสิบหกปี พรสวรรค์นับว่าไม่เลว”

เมื่อกล่าวจบ มุมปากสตรีชุดแดงเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดขณะกล่าว “แต่สำหรับความคิดของข้า คนที่ยังไม่สามารถผ่านชั้นสิบเก้ายังไม่นับว่าเป็นอัจฉริยะ ยิ่งกว่านั้นข้าสนใจแค่เพียงยอดฝีมือขั้นปราณราชันเท่านั้น อย่ามารบกวรข้าด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้อีกในภายภาคหน้า ครั้งนี้ข้าจะยังไม่เอาเรื่อง!” ทันทีที่กล่าวจบสตรีชุดแดงหันกลับไปยังอุโมงค์

เมื่อมองไปยังประตูที่ปิดอุโมงค์ เฟิงหลิวส่ายหัวพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่น พรสวรรค์นี้คงไม่ทำให้นางสะทกสะท้านได้

แม้จะทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาก็ทราบว่าที่นางบอกมานั้นเป็นเรื่องจริง ยิ่งกว่านั้นเหมือนที่กล่าวไว้ นางจะไม่สนใจใครที่อยู่ขั้นปราณสวรรค์อย่างแน่นอน

ในภาพมายาชั้นสิบแปด หยางเย่เปิดตาออกก่อนจะมองไปที่หน้าอก เวลานี้บาดแผลที่หน้าอกได้รับการรักษาจากพลังปราณห้าธาตุทองคำเรียบร้อย

เมื่อเห็นว่าบาดแผลดีขึ้นแล้ว หยางเย่รีบเดินขึ้นไปยังชั้นสิบเก้าทันที

เหมือนก่อนหน้านี้ มีผู้รับใช้แห่งดาบเพียงตัวเดียวในชั้นที่สิบเก้า แต่เมื่อหยางเย่เห็นผู้รับใช้แห่งดาบ ท่าทีของเขาก็กดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะรังสีที่ผู้รับใช้แห่งดาบปล่อยออกมามันเหนือกว่าขั้นปราณมนุษย์แล้ว กล่าวคือผู้รับใช้แห่งดาบตัวนี้อยู่ขั้นปราณสวรรค์นั่นเอง!

“มักจะมีคนที่แข็งแกร่งโผล่ออกมาทุกที!”

หยางเย่กล่าวด้วยเสียงเบาขณะมองไปยังผู้รับใช้แห่งดาบ

หยางเย่นึกถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสเฉาหัวบอกก่อนหน้านี้ที่มีบางคนผ่านไปยังชั้นยี่สิบได้ มันแสดงว่าคนผู้นี้สามารถเอาชนะผู้รับใช้แห่งดาบชั้นยี่สิบได้และหยุดที่ชั้นยี่สิบเอ็ด ยิ่งผู้รับใช้แห่งดาบชั้นสิบเก้าอยู่ขั้นปราณสวรรค์ ดังนั้นความแข็งแกร่งของคนที่กล่าวก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริง หากเป็นเช่นนั้นยอดฝีมือที่ผ่านชั้นยี่สิบได้จะต้องแข็งแกร่งเพียงใด? คนผู้นั้นสามารถผ่านได้เพียงแค่อยู่ขั้นปราณมนุษย์

ทันทีที่เห็นผู้รับใช้แห่งดาบตรงหน้า ความภาคภูมิใจที่เคยมีได้หายไปหมดสิ้น แต่หยางเย่ก็ไม่ได้ย่อท้อเท่าไหร่ ทั้งยังกระตุ้นความตั้งใจในการต่อสู้เพิ่มขึ้น

‘หากมีใครบางคนสามารถทำสำเร็จ แล้วเหตุใดเราจะทำไม่ได้? ขั้นปราณสวรรค์งั้นหรือ? ให้เราทดสอบหน่อยว่าขั้นปราณสวรรค์นั้นแข็งแกร่งเกินความจริงหรือไม่!’ หยางเย่เริ่มโคจรพลังปราณล้ำลึก เวลานี้พลังปราณในร่างของหยางเย่ไหลเวียนอย่างคลุ้มคลั่งราวกับพายุหมุน ดาบที่กลายเป็นสีทองจากการถูกห่อหุ้มจากพลังปราณสีทอง

เวลานี้หยางเย่ไม่อาจถอยหลังกลับไปได้อีก เขาเข้าต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่มี

หยางเย่เดินตรงไปด้านหน้าขณะที่ถือดาบทองคำในมือ เพียงไม่กี่ก้าวดาบที่เต็มไปด้วยรังสีอันเย็นเยือกมาถึงตรงคอหอย ความรวดเร็วนี้ทำให้หยางเย่ไม่สามารถตามทัน เขาใช้เพียงสัญชาตญาณในการหลบหลีกเท่านั้น

แม้หยางเย่หลบไปด้านข้าง ดาบก็ยังติดตามมาราวกับกาวเหนียว ในเวลาไม่นานมันแทงดาบมานับสิบครั้ง และทุกครั้งที่แทงมันรุนแรงถึงตายได้

ท่าทีหยางเย่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เพราะผู้รับใช้แห่งดาบตัวนี้อยู่ขั้นปราณสวรรค์และแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดคิดไว้! หยางเย่ไม่กล้าประมาทในทุกวินาที เขาถอยหลังไปพร้อมป้องกันทุกการโจมตี

เคล้ง! เคล้ง!

เสียงโลหะกระทบกันส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วห้อง มันราวกับบทเพลงอันแสนไพเราะ

ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ หยางเย่อยู่ในจุดที่เสียเปรียบโดยแท้จริง

วิชาดาบของผู้รับใช้แห่งดาบตัวนี้มันล้ำหน้ากว่าเขาไปมาก มันไม่ใช่กระบวนท่าพิเศษใด มันเป็นเพียงวิชาดาบพื้นฐานและยังเป็นเพียงการแทงธรรมดาเท่านั้น ด้วยการโจมตีธรรมดานี้ก็ทำให้หยางเย่รู้สึกมึนงงยิ่งนัก เพราะการโจมตีที่รวดเร็ว นอกจากป้องกันเขาก็ไม่สามารถโจมตีกลับได้สักครั้ง!

เวลานี้หยางเย่ถูกปราบอย่างสิ้นเชิง

ถึงแม้จะอยู่ในจุดที่เสียเปรียบ แต่จิตใจข้างในเขากลับสงบนิ่งอย่างมาก ทั้งยังไม่ใจร้อนเหมือนตอนอยู่ชั้นที่สิบแปด

ใครจะคิดว่าจิตใจที่สงบนี้ หยางเย่กำลังคิดอย่างหนักอยู่ เขาทราบว่าหากมันยังเป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่มีโอกาสในการเอาชนะได้อีก

เมื่อนึกได้เช่นนั้น ประกายแห่งความแน่วแน่ปรากฏบนใบหน้าของหยางเย่ เวลานี้ดาบในมือเลิกป้องกันอีกต่อไป เขาเปลี่ยนไปแทงผู้รับใช้แห่งดาบ และเริ่มโจมตีราวกับจะให้ตายไปพร้อมกัน!

แน่นอน ทันทีที่หยางเย่ใช้การโจมตีนี้ ผู้รับใช้แห่งดาบเปลี่ยนกระบวนท่าดาบในทันที มันยกดาบขึ้นป้องกันดาบหยางเย่ จากนั้นดาบมันยังไม่สูญเสียการควบคุมพร้อมแทงกลับไปที่หน้าอกหยางเย่

ขณะที่มองดาบกำลังแทง หยางเย่แสดงท่าทางที่โหดเหี้ยมออกมา เขากำหมัดซ้ายแน่นก่อนจะปล่อยหมัดตรงไปที่ดาบ ทันใดนั้นข้อมือหยางเย่บิดหมุนอีกครั้งและตรงไปยังหน้าอกผู้รับใช้แห่งดาบ

ฟู่!

ดาบของผู้รับใช้แห่งดาบแทงไปที่มือซ้ายหยางเย่ แต่เขาไม่ได้สนใจมือซ้ายนั้นแต่กลับดีใจแทน เพราะดาบในมืออีกข้างกำลังจะแทงไปยังหน้าอกผู้รับใช้แห่งดาบ แต่ขณะที่ดาบกำลังจะแทงเข้าไป ร่างผู้รับใช้แห่งดาบได้ขยับไปด้านหลังและหลบหลีกการโจมตี

ยิ่งกว่านั้นระหว่างที่ถอยหลังกลับมันยังเล็งดาบไปที่หยางเย่และฟันผ่านอากาศออกไป ปราณดาบสีขาวที่พุ่งมาถึงอกหยางเย่รวดเร็วราวกับสายฟ้า!

ปราณดาบเส้นนี้ทำให้ท่าทีหยางเย่ต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง!