บทที่ 181 มีอะไรก็รีบแสดง

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 181 มีอะไรก็รีบแสดง

บทที่ 181 มีอะไรก็รีบแสดง

ประตูรถเปิดออก!

อู๋ฝานเปิดประตูรถคันนั้นได้จริง!

อู๋ฝานไม่เพียงมีรถ แต่ยังมีรถที่ดีขนาดนั้นในครอบครอง!

สีหน้าของหลี่ปิงในเวลานี้ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะมีทั้งสีหน้าที่พยายามเย้ยหยันก่อนหน้า และอาการแตกตื่น รวมถึงท่าทีที่ไม่เชื่อถือ ทั้งหมดผสมปนเปกันไม่ได้สัดส่วนบนใบหน้า ทำให้กลายเป็นใบหน้าที่น่าขบขันเสียยิ่งกว่าการ์ตูนตลก

พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่ข้างหลี่ปิง หลังเห็นสีหน้าอีกฝ่าย เขาก็คิดอยากจะหัวเราะออกมาแต่ว่าไม่กล้ามากพอ ถึงขนาดต้องกลั้นขำจนเจ็บท้อง

ความจริงแล้วตอนที่อู๋ฝานลงมาจากรถคันดังกล่าว พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น อย่างไรรถของอีกฝ่ายก็ค่อนข้างพิเศษ และราวกับมีเวทมนตร์ที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ ดังนั้นพนักงานรักษาความปลอดภัยจึงทราบว่ามันคือรถของเขา และบุคคลที่สามารถขับรถดีเยี่ยมขนาดนั้นได้ ย่อมไม่ใช่คนขี้แพ้ยากไร้ดังคำกล่าวอ้างของหลี่ปิงแต่อย่างใด

ดังนั้นตอนที่หลี่ปิงเย้ยหยันอู๋ฝาน พนักงานรักษาความปลอดภัยจึงสับสนและสงสัย สายตามองหลี่ปิง ถัดจากนั้นจึงมองอู๋ฝาน เห็นได้จากคำพูดว่าต้องรู้จักกัน แต่ในเมื่อรู้จักกัน เพราะอะไรถึงไม่ทราบสถานะแท้จริงของอีกฝ่าย ถึงขั้นพูดถ้อยคำที่ยากจะทนฟังได้ออกมามากมายขนาดนั้น

ขณะมองสีหน้าหลี่ปิงตอนนี้ พนักงานรักษาความปลอดภัยจึงได้ทราบว่าหลี่ปิงและอู๋ฝานสมควรรู้จักกันจริง เพียงแต่หลี่ปิงไม่ทราบสถานะของอีกฝ่าย ตลอดมาพยายามสะกดข่มเย้ยหยัน ผลลัพธ์ที่ได้ขณะนี้จึงถูกตบหน้าไม่เหลือชิ้นดี

ขณะนี้หลี่ปิงไม่มีแก่ใจจะไปสนใจท่าทีของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านข้าง ในใจเขามีความคิดอยู่เพียงแค่หนึ่งเดียว

รถคันนั้นเป็นของอู๋ฝานได้ยังไง?

มันเป็นไปได้ยังไง?

ตอนที่มาถึงหลี่ปิงเห็นรถคันดังกล่าว แม้เขาพอมีความรู้เรื่องรถอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อาจจำแนกได้ว่าเป็นรถแบรนด์ใด ทราบก็เพียงว่าเป็นรถที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นรถหรู ราคาย่อมเกินกว่ารถสปอร์ตของตัวเขาจะเทียบได้ กระทั่งคิดว่าหากตนเองได้ขับรถเช่นนี้ คงเป็นเรื่องน่าอภิรมย์ไม่ใช่น้อย

เพียงแต่หลี่ปิงไม่เคยนึกมาก่อนว่ารถที่เขาเกิดชื่นชอบนั้น แท้จริงจะเป็นของอู๋ฝาน!

อู๋ฝานไปมีรถตั้งแต่เมื่อไหร่? ทั้งยังเป็นรถที่ดีขนาดนั้นเสียด้วย?

หลี่ปิงจำได้ดีว่าเมื่อไม่นานมานี้ ในช่วงกินเลี้ยงกันที่ออฟฟิศ อู๋ฝานไม่มีรถส่วนตัว กระทั่งว่าเคยเรียกแท็กซี่ที่หน้ามหาวิทยาลัย หากไม่ใช่เพราะเกิ่งหย่าเฟยอาสาให้ขึ้นรถไปด้วย หลี่ปิงก็คิดด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะมาทันก่อนที่พวกเขาจะกินอาหารกันหมดหรือไม่

แต่แล้วตอนนี้ผ่านมานานขนาดไหนกัน? อู๋ฝานถึงกับมีรถแล้ว? ทั้งยังเป็นรถที่ดีขนาดนี้ด้วย?

มันเป็นไปได้ยังไง?!

ขณะหลี่ปิงตื่นตกใจที่อู๋ฝานมีรถดีจนถึงขั้นหรูหรา อู๋ฝานก็กลับมาถึงตรงหน้าพร้อมบัตรเชิญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อู๋ฝานโบกบัตรเชิญไปมาตรงหน้าหลี่ปิง เป็นการเลียนแบบที่หลี่ปิงทำก่อนหน้านี้

“อาจารย์หลี่ เห็นบัตรเชิญของผมหรือเปล่าครับ? จำได้ไหมว่าเคยพูดอะไรเอาไว้?” อู๋ฝานเอ่ยคำเสียงเบา

“ฉัน…” หลี่ปิงสะอึกคำพูด

เขาย่อมจำได้ว่าตนเองพูดอะไรไป เหตุผลที่เขาพูดออกไปแบบนั้นก็เพราะไม่คิดว่าอู๋ฝานจะมีบัตรเชิญจริงได้

“ถ้าจำไม่ได้ ผมทบทวนความจำให้ก็แล้วกัน” อู๋ฝานตอบกลับ “เมื่อครู่คุณเพิ่งพูดไปว่าถ้าผมมีบัตรเชิญ คุณจะกินบัตรเชิญของตัวเองให้ดู ตอนนี้ผมมีบัตรเชิญแล้ว ต่อไปก็รอแต่การแสดงของคุณ”

“ฉัน…” หลี่ปิงเผยสีหน้าแดงก่ำในทันที

เดิมนั้นหลี่ปิงต้องการแกล้งทำเป็นว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา แต่ตอนนี้อู๋ฝานทวนคำพูดของเขาดังขึ้นมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาปล่อยผ่านโดยง่าย

“อะไรต่อล่ะ?” อู๋ฝานถามกลับ “หรือกำลังคิดว่าจะกินมันยังไงดี? ในฐานะคนทำอาหารคนหนึ่งที่มีฝีมือค่อนข้างดีอยู่บ้าง ผมขอให้คำแนะนำก็แล้วกัน ว่ามันไม่ควรเอาไปปรุงหรือทอด กินเข้าไปและเคี้ยวมันทั้งอย่างนั้นน่าจะได้รสชาติที่ดีที่สุด เคี้ยวและดื่มด่ำรสชาติของมันไป มันจะต้องเป็นประสบการณ์อาหารอันน่าทึ่งและวิเศษอย่างแน่นอน”

“อุ๊บ!”

พนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองฟากข้าง ที่พยายามกลั้นยิ้มและหัวเราะมาโดยตลอด เวลานี้พอได้ยินคำพูดของอู๋ฝานก็ไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้อีก ถึงกับต้องหลุดเสียงดังออกมา

เพียงครู่พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ตระหนักได้ว่าเป็นการเสียมารยาท ดังนั้นจึงเร่งหุบยิ้ม แต่สีหน้าท่าทีพยายามกล้ำกลืนฝืนทนนั้นยากจะควบคุม เพียงแค่มองผ่าน ๆ ก็พอจะบอกได้ว่าสะกดกลั้นเอาไว้จนเจ็บท้องขนาดไหน

สีหน้าของหลี่ปิงในเวลานี้แทบไม่ต่างอะไรกับตับหมู ใบหน้าค่อนข้างอัปลักษณ์ยามถูกอู๋ฝานขยี้เมื่อครู่ ตอนนี้หลังได้ยินเสียงหัวเราะของพนักงานรักษาความปลอดภัย มันยิ่งอัปลักษณ์มากขึ้นไปอีก เขากระทั่งคิดอยากขุดรูมุดหนีหายเข้าไป เพื่อจะได้ไม่ต้องมาอยู่เป็นตัวตลกให้พนักงานรักษาความปลอดภัยต้องทนกลั้นขำ

“อู๋ฝาน อย่าให้มันมากเกินไป!” หลี่ปิงเผยสายตาจับจ้องอู๋ฝาน

“ผมทำเกินไป?” อู๋ฝานพลันหุบยิ้ม สีหน้ากลายเป็นจริงจัง “เหมือนว่าจะเป็นคุณที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณพูดจาไร้สาระได้ แต่ผมพูดในสิ่งที่คุณรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะเอาไว้ไม่ได้? นี่ใช่สิ่งที่เรียกว่าสองมาตรฐานหรือเปล่า? ความผิดเราเท่าเส้นขน ความผิดคนอื่นเท่าขุนเขางั้นเหรอ?”

“นาย…” สีหน้าหลี่ปิงตอนที่ถูกอู๋ฝานขยี้เวลานี้ดำมืดประหนึ่งก้นหม้อ สุดท้ายจึงชี้หน้าชายหนุ่มพร้อมเอ่ยคำออกมา “คนอย่างฉันไม่ใช่อะไรที่คนอย่างนายจะมาเข้าใจได้!”

สิ้นคำนั้นเขาก็รีบเข้าไปด้านใน เห็นได้ชัดว่าไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ เพราะมีแต่จะถูกอู๋ฝานเย้ยไม่เลิก

“รอสักครู่ครับ”

แต่ใครกันคาดคิดว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยจะขวางทางหลี่ปิงเอาไว้

“เศษเดนอย่างพวกนาย กล้าดียังไงมาขวางทางฉัน!?” หลี่ปิงเผยถ้อยคำกราดเกรี้ยว

เพราะถูกหัวเราะใส่เมื่อครู่ หลี่ปิงจึงโกรธจัด ขณะนี้พบเห็นอีกฝ่ายขวางทางตนเองเอาไว้ เขาจึงยิ่งเดือดพล่าน

“รบกวนขอให้แสดงบัตรเชิญด้วยครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าวอย่างสุภาพ

แม้ว่าเมื่อครู่หลี่ปิงนำบัตรเชิญออกมา แต่ไม่ได้ส่งให้อีกฝ่ายตรวจสอบ

“ตาบอดหรือไง ไม่เห็นเหรอว่าคนอย่างฉันได้รับเชิญมาน่ะ?” หลี่ปิงตะโกนถาม

“คุณผู้ชายครับ ผมต้องตรวจสอบโดยละเอียด” พนักงานรักษาความปลอดภัยตอบกลับ

“เอาไป เอาไป!” หลี่ปิงโยนบัตรเชิญให้อีกฝ่าย “ทำหน้าที่ได้ดี ขอให้เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยไปชั่วชีวิตก็แล้วกัน!”

พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่เปลี่ยนสีหน้า หลังอ่านรายละเอียดบัตรเชิญของหลี่ปิง จึงส่งมันกลับคืนให้ และตอบรับ “ขอเรียนเชิญด้านในครับ”

“เหอะ! ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองหยุดดูสิ” หลี่ปิงตอบคำกลับ เพราะความโกรธที่มีต่ออู๋ฝานเมื่อครู่ ขณะนี้จึงใช้พนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นที่ระบายอารมณ์

“อาจารย์หลี่ จะไปแสดงโชว์กินบัตรเชิญด้านในงั้นเหรอครับ? เดี๋ยวผมตามเข้าไปชมด้วย” อู๋ฝานเอ่ยคำไล่หลัง

คำของอู๋ฝานถึงกับทำหลี่ปิงสะท้าน เขาเมินเฉยพนักงานรักษาความปลอดภัย ก่อนจะเดินตรงเข้าคฤหาสน์ไป

การถูกอู๋ฝานเย้ยหยันครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะพนักงานรักษาความปลอดภัย เขาไม่คิดว่าคู่ควรต้องทนฟัง

“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป อาจารย์หลี่ ทำตัวเสียมารยาทอย่างนี้ได้ยังไง? ถ้าหากนักเรียนนักศึกษาทราบเข้าจะเป็นยังไงกัน? คิดว่าจะยังมีหน้าเป็นอาจารย์ต่อได้เหรอ? ถ้าผมเป็นคุณนะ ในเมื่อพูดออกไปแล้วก็ต้องกินบัตรเชิญตามที่พูดเพื่อไม่ให้เสียหน้านะ” อู๋ฝานตะโกนดังไล่หลัง

คำของอู๋ฝานยิ่งทำฝีเท้าของหลี่ปิงรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

อู๋ฝานยิ้มเล็กน้อย ส่งบัตรเชิญให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัย และพูดว่า “บัตรเชิญของผมครับ”

พนักงานรักษาความปลอดภัยรับเอาไว้และมองเล็กน้อย สุดท้ายจึงตอบรับ “เรียนเชิญด้านในครับ”

หากเทียบเปรียบกับท่าทีและน้ำเสียงของหลี่ปิงก่อนหน้านี้ มันต่างกันราวฟ้ากับดิน

อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับอีกฝ่าย ก่อนจะเก็บบัตรเชิญ และเดินเข้าคฤหาสน์ไป