ถึงชาวบ้านจะบอกว่าต้องเก็บข้าวของ แต่พวกเขาก็อยู่ในความยากจนมานานหลายเดือนแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีของมีค่าอะไรมากมายที่พวกเขาต้องนำติดตัวไปด้วย

ก่อนที่ฟ้าจะมืด ชาวบ้านก็พร้อมที่จะไป

“พวกเจ้าจะเดินป่าตอนกลางคือหรือเจ้าจะรอให้เช้าแล้วค่อยจากไป” จอมยืนเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน เขาถามผู้ใหญ่หมู่บ้านขณะที่ชายชราเดินผ่านมา

“พวกเราจะไปทันที” ผู้ใหญ่บ้านตอบกลับอย่างไม่ลังเล “แม้ว่าพวกโจรจะไม่กลับมาเร็ว ๆ นี้ แต่ข้าก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของชาวบ้าน พวกเราเลยต้องรีบจากไปโดยเร็วที่สุด!”

“แล้วเจ้านั่นล่ะ” จอมชี้ไปที่สุนัขชาเป่ยสีเทาตัวผอมแห้ง ที่กำลังนอนหลับอยู่ใกล้ทางเข้าหมู่บ้าน “เจ้าจะไม่พามันไปด้วยเหรอ”

ผู้ใหญ่บ้านเงียบไปครู่หนึ่งและส่ายหัว “มันยังคงรอให้เจ้าของของมันกลับมา มันจะไม่ไปจากที่นี่”

“แต่เจ้าของมัน…” เทอร์รี่โพล่งออกไปก่อนที่จอมจะศอกเข้าที่ท้องเขา “เรื่องบางเรื่องเจ้าไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้!”

ผู้ใหญ่บ้านเฝ้าดูเด็ก 2 คนทะเลาะกัน และหันกลับไปมองชาวบ้านคนอื่น ๆ เขามองผ่านทุกรายละเอียดในหมู่บ้านของเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคิดถึงและโหยหา

ตั้งแต่วันที่เขาเกิด หมู่บ้านนี้ก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ทุกมุมของหมู่บ้านนี้เต็มไปด้วยความทรงจำในวัยเด็กของเขาและเพื่อน เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะถูกบังคับให้ต้องออกจากสถานที่ที่เขาเติบโตมาในวัยชรา มันทำให้เขารู้สึกเศร้า

ไม่นานครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านก็มารับเขาไป

ภายใต้คำแนะนำของผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านต่างก็พากันขนข้าวของและอำลาบ้านเกิดเป็นครั้งสุดท้าย บางครอบครัวที่เลี้ยงสัตว์ยังให้สัตว์ช่วยแบกสิ่งของเบ็ดเตล็ดไว้บนหลัง

ไม่นานหมู่บ้านที่เพิ่งมีการเฉลิมฉลองอย่างคึกคักเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ก็กลายเป็นหมู่บ้านร้าง

เมื่อตกกลางคืน ความเงียบสงบของมันก็ทำให้จอมรู้สึกไม่สบายใจ เขาเริ่มคิดถึงผู้เล่นคนอื่น ๆ

เขาเป็นคนที่ไม่ชอบเสียงดัง แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ความเงียบในตอนนี้นั้นให้ความรู้สึกแย่กว่ามาก

เมื่อเทียบกับสถานที่แบบนี้ จู่ ๆ เขาก็พบว่าเขามีความสุขกับการได้อยู่กับแก๊งค์ผู้เล่นงี่เง่า ที่ชอบล้อเล่นและหัวเราะอย่างมีชีวิตชีวาระหว่างทำเควสและสนุกสนานไปด้วยกัน

เดิมทีเขาต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบนั้น นั่นคือเหตุผลที่เขาออกเดินทางมาที่นี่

“มันต่างกันจริง ๆ”

เทอร์รี่ที่เงียบมานานจนถึงตอนนี้พูดขึ้นมา ตอนแรกจอมคิดว่าเทอร์รี่โกรธที่เขาเอาศอกกระทุ้งใส่เขาก่อนหน้านี้ แต่ไม่ใช่

“ต่างกันยังไง” จอมถาม

“ถ้าเมืองของข้าถูกโจมตีข้าจะสู้กลับแน่นอน ข้าจะไม่มีวันหันหลังหนี!” เทอร์รี่ตอบ

“ไร้สาระ เราคืนชีพได้เถอะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น!” เทอร์รี่พยายามอธิบายความรู้สึกของเขาให้ชัดเจน “แม้ว่าเราจะไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีก แม้ว่าเราจะมีชีวิตเดียว แต่ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เมืองของข้าถูกทำลายโดยคนเลว!”

“…”

จอมนึกตามคำพูดของเทอร์รี่ จากนั้นเขาก็พบว่าตัวเองไม่ได้แน่วแน่ที่จะปกป้องบ้านเกิดของเขาอย่างที่เทอร์รี่เป็น แต่เขาก็ยังคงรู้สึกแย่มากที่เขาไม่อาจปกป้องบ้านของเขาได้ เพราะงั้นเขาจะทำในสิ่งที่เขาทำได้เพื่อช่วย นั่นคือทั้งหมด แม้ว่ามันจะไม่มีเควสที่จะให้รางวัล แม้อุปกรณ์ของเขาจะสูญเสียความทนทานไปบางส่วน แม้เขาจะตายไป 2-3 ครั้ง หากนั่นหมายถึงการที่เขาปกป้องเมืองได้สำเร็จ เขาก็จะทำ

แม้แต่เขาเอง เขาก็ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะสนใจหมู่บ้านเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ แบบนี้

“ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่สามารถพูดได้ว่าการตัดสินใจของชาวบ้านนั้นผิด คำว่าหมู่บ้าน ความหมายของมันก็คือการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ตราบใดที่ผู้คนยังคงอยู่ หมู่บ้านก็จะยังคงอยู่…ดังนั้นเพื่อปกป้องผู้คน การยอมแพ้ต่อหมู่บ้านจึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง” จอมถอนหายใจ เขาพยายามให้เหตุผลกับเทอร์รี่

“ข้าเข้าใจว่าเจ้ากำลังหมายถึงอะไร แต่พวกเขายอมทิ้งบ้านของพวกเขาไปโดยไม่ลังเลเลย…มันทำให้ข้ารู้สึกแย่” เทอร์รี่รู้ว่าจอมหมายถึงอะไร แต่เขาก็ไม่เข้าว่ามีคนคิดแบบนั้นอยู่จริง ๆ ได้ยังไง

จอมสลด ด้วยสมองของเทอร์รี่ จอมจึงล้มเลิกความพยายามที่คุยกับเขาด้วยเหตุผล

“เดี๋ยวนะจอม เจ้าได้ยินอะไรไหม” ขณะที่จอมกำลังปลงกับสมองของเพื่อนร่วมทีม สีหน้าของเทอร์รี่ก็เปลี่ยนจากสับสนเป็นตื่นตัวในไม่กี่วินาที

จอมสะดุ้งเล็กน้อย เขาได้ยินเสียงดังมาจากระยะไกล

ตอนแรกจอมคิดว่าเป็นผู้เล่น แต่เขาก็ตระหนักว่าเสียงนั้นฟังดูไม่เหมือนเสียงฝีเท้าของผู้เล่น เขาเลยคิดว่าเป็นเสียงของชาวบ้านที่วิ่งกลับมาปกป้องหมู่บ้านหลังจากที่พวกเขาคิดได้แล้ว แต่หลังจากได้ยินเสียงชัดขึ้น เขาก็รู้ว่าเขาคิดผิด

“เสียงฝีเท้าโจโคโบะ การโจมตีระลอก 2 ของโจรภูเขากำลังมา!”

เมื่อจอมคิดจะเตือนเทอร์รี่ เพื่อนของเขาก็เดาออกแล้วว่าพวกที่กำลังมาเป็นศัตรู และชักดาบยาวที่ไม่เคยอยู่ห่างตัวออกมาทันที

เมื่อเทียบกับเทอร์รี่ที่ไม่เคยคิดอะไรเลย จอมก็คิดมากกว่าเขา

พวกเขา 2 คนไม่ได้ปล่อยโจรไปแม้แต่คนเดียว ศัตรูของพวกเขาถูกกำจัดจนหมด กว่าโจรภูเขาที่เหลือจะเห็นว่าไม่มีใครกลับมา และตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และส่งคนมายืนยันสถานการณ์

ปกติกระบวนการทั้งหมดนี้ควรจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน แต่พระอาทิตย์เพิ่งจะตกดิน ศัตรูของพวกเขาก็กลับมาแล้ว…มีความเป็นไปได้ว่าโจรภูเขาสามารถตรวจสอบสุขสภาพของสมาชิกจากระยะไกลได้เหมือนระบบปาร์ตี้ของผู้เล่น หรือไม่ ที่ซ่อนของโจรภูเขาก็ต้องอยู่ใกล้หมู่บ้านมาก!

น่าเสียดาย ไม่ว่าตัวเลือกไหนก็ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับจอมและเทอร์รี่

“พื้นดินยังไม่สั่น ไม่มีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่” จอมยิ้มแบบฝืน ๆ “อย่างน้อยไม้ตายของพวกมันก็ยังไม่มา”

“แต่มีโจรเยอะมาก ฟังจากเสียงก็ประมาณ…30 คน? ไม่สิ น่าจะ 50 คน 5 เท่าของจำนวนคนเมื่อตอนบ่าย!” เทอร์รี่รู้สึกหนักใจกับจำนวนศัตรู เพราะมันยากที่จะต่อสู้กับคนมากขนาดนี้

กลยุทธ์ก่อนหน้านี้อย่างการลดการป้องกันของศัตรูก่อนที่จะโจมตีสวนกลับ อาจไม่ได้ผลเมื่อศัตรูเตรียมตัวมาอย่างดี

“ข้าอยากเป็นเมจขึ้นมาทันที การโจมตีแบบ AoE เมจดีที่สุด…” จอมพึมพำ “ชิ แบบนี้เราคงหยุดพวกเขาไว้ได้ไม่นาน ข้าหวังว่าชาวบ้านพวกนั้นจะหนีทัน”

ในขณะที่โจโคโบะตัวแรกเข้ามาในสายตา ลูกธนูก็พุ่งผ่านจอมกับเทอร์รี่ ก่อนจะพุ่งผ่านหน้าโจรบนหลังโจโคโบะ ทำให้โจรภูเขารั้งสายจูงโจโคโบะขึ้นโดยสัญชาตญาณเพื่อเบรกกะทันหัน

เมื่อจอมกับเทอรี่หันไปดูว่าลูกธนูมาจากไหน พวกเขาก็พบว่าชาวบ้านได้กลับมาแล้วโดยมีโจอี้เป็นผู้นำ ชาวบ้านใช้หม้อเป็นเกราะหัว และมีอุปกรณ์ทำฟาร์มเป็นอาวุธ แต่ละคนตั้งท่าพร้อมที่จะเข้าต่อสู้

“ถ้าเราปล่อยให้เด็กที่ไร้เดียงสาและใจดี 2 คนตายเพื่อปกป้องบ้านที่เราได้ยอมแพ้ไปแล้ว เราคงจะต้องรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต!” โจอี้ปล่อยลูกธนูออกไปอย่างชำนาญ แล้วตะโกนเสียงดังว่า “แม้เราจะอ่อนแอ แต่ข้าจะอุทิศทุกสิ่งที่มีเพื่อปกป้องหมู่บ้านของข้า! ทุกคนตามข้ามา!!!”

“โอ้ววววว!”

——————————