เจ้าสำนักจันทร์จรัสแสง

‘อาคมเซียนพันทวี อาคมเซียนทำลาย แล้วก็อาคมเซียนทับซ้อนงั้นเหรอ!’

ในขณะที่จ้าวเฟิงใช้พลองสั้นทุบฟาดทำลายกระบี่พลังเล่มเขื่องของเขา ต้วนหลิงเทียนก็มองอาคมเซียนที่จารึกไว้บนพลองสั้นของอีกฝ่ายออกทันที

อาคมเซียนพวกนั้นเป็นอาคมเซียนระดับ 2 ดาว 2 อาคม ส่วนอีกอาคมเป็นระดับ 3 ดาว

อาคมเซียนพันทวีกับอาคมเซียนทำลายนั้นเป็นอาคมเซียนระดับ 2 ดาว

ส่วนอาคมเซียนทับซ้อนเป็นอาคมเซียนระดับ 3 ดาว

ในบรรดาอาคมเซียนทั้ง 3 อาคมเซียนพันทวียังเป็นอาคมเซียนเดียวกันกับที่จารึกไว้ในดาบใหญ่ของเฝิงฟ่าน…

หลังจากที่เฝิงฟ่านถูกเขาฆ่าตาย ต้วนหลิงเทียนก็เป็นเจ้าของไปโดยปริยาย

ส่วนอาคมเซียนทำลายนั้น มันเป็นอาคมเซียนที่สามารถทำลายแรงต้านของอากาศได้ได้ในระดับหนึ่ง

และอาคมเซียนทับซ้อนอันเป็นอาคมเซียนสุดท้าย มีความสามารถเพิ่มพูนพลังอำนาจให้ผู้ใช้ได้อีกระดับหนึ่งทำให้พลังความแข็งแกร่งเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม

ถึงแม้จะไม่ได้เลิศล้ำดั่งทบทวีไปอีกเท่าตัว แต่ก็นับว่าส่งผลกระทบไม่ใช่น้อย

สำหรับอาคมเซียนทั้ง 2 ต้วนหลิงเทียนได้เรียนรู้มาจากป๋ายลี่หง

แน่นอนว่าอาคมเซียนทั้งหมดบนพลองสั้นของจ้าวเฟิง ป๋ายลี่หงก็เป็นผู้จารึก

หากให้ป๋ายลี่หงล่วงรู้ว่า จ้าวเฟิงกลับใช้อาคมเซียนที่มันจารึกมาเล่นงานศิษย์น้องของตัวแบบนี้ เกรงว่าป๋ายลี่หงคงพิโรธถึงขั้นไม่ตายไปขางไม่เลิกรา

ระฆังศรคลุมกาย!

เผชิญหน้ากับพลองสั้นที่มาด้วยสภาวะน่ากลัว ทว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้หลบแต่อย่างไรด้วยรู้ดีว่าแม้หลบไปก็ไร้ประโยชน์

เขาจึงเลือกที่จะใช้ออกด้วยวรยุทธ์ป้องกันหนึ่งเดียวของมหาเกาทัณฑ์ดาวตก ระฆังศรคลุมกาย!

พริบตานั้นเองดอกศรพลังมีสภาพนับหมื่นพันก็ผุดโผล่ขึ้นมาจากความว่าง พวกมันเสมือนมีชีวิตก็ไม่ปาน พุ่งไวดั่งแสงวนเวียนไปรอบกายต้วนหลิงเทียน สร้างม่านพลังกำบังดั่งเปลือกไข่ห่อหุ้ม!

มองไกลๆเปลือกไข่ดังกล่าวก็มีรูปลักษณ์คล้ายระฆังไม่น้อย!

กล่าวให้ชัดมันเป็นระฆังขนาดมหึมา!

และตอนนี้ร่างต้วนหลิงเทียนก็ถูกระฆังมหึมานั่นคลุมครอบเอาไว้!

“คิดหยุดพลองข้าด้วยวิชาป้องกัน เจ้าฝันไปรึ!?”

เผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนที่เลือกใช้วิชาป้องกันต้านรับ จ้าวเฟิงอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มเยาะ

ตอนนี้มันมั่นใจเต็มสิบส่วนแล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนยังพึ่งมีพลังฝึกปรือแค่สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น!

เพราะหากต้วนหลิงเทียนเป็นสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่จริง สถานการณ์คับขันถึงชีวิตเช่นนี้ ไหนเลยยังไม่ใช้ออกด้วยเขตแดน?

ปง! ปง! ปง! ปง!

……

พลองสั้นในมือจ้าวเฟิงมาด้วยสภาวะน่าครั่นคร้าม ยามแหวกฝ่าอากาศด้วยความเร็วสูง ยังบันดาลให้อากาศแตกระเบิดส่งเสียงดังคำรามไม่หยุด!

พริบตาพลองสั้นก็อยู่ไม่ห่างระฆังมหึมาแล้ว!

เปรี๊ยงงงง!!

เสียงสนั่นลั่นดังก้องฟ้า พลองสั้นในมือจ้าวเฟิงฟาดไปยังระฆังยักษ์อย่างเกรี้ยวกราด ตัวระฆังสั่นไหวรุนแรงคล้ายจะพังทลายลงมา!

จากจุดศูนย์กลางการปะทะระหว่างพลองสั้นกับม่านพลังของระฆังศร คลื่นกระแทกขุมหนึ่งระเบิดออกมาอย่างรุนแรง บังเกิดเป็นมวลอากาศม้วตลบกวาดซัดออกไปปานมหาพายุ

พริบตามวลอากาศดังกล่าวก็ซัดหมู่เมฆไกลตาจนละลิ่ว กระทั่งห้วงสมุทรเวิ้งน้ำไพศาลเบื้องล่างยังถึงกับบังเกิดเป็นคลื่นใหญ่โต ปั่นป่วนไปทั่วคุ้ง

“วรยุทธ์ป้องกันอันใดกัน! ไฉนแข็งแกร่งนัก!?”

เหนือขึ้นไปบนฟ้าวิหกสีม่วงอดไม่ได้ที่จะอุทาน “วรยุทธ์ป้องกันนั่น…พลังของมันสามารถสะกดได้ทุกวรยุทธ์ป้องกันระดับมนุษย์โดดเด่น…ดูท่าวรยุทธ์เซียนที่ชายคนนั้นฝึกจักมิใช่ธรรมดาแล้ว!”

“มันเป็นวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นชั้นยอดมิผิดแน่”

สตรีในชุดคลุมลมดำ ชือเม่ย นักฆ่าของตลาดมืดหยินชานกล่าวพึมพำ “ที่แท้เขาเป็นใครกันแน่ สำนักจันทร์จรัสแสงก็แค่ขุมพลังชั้น 7 กระจ้อยร่อย ไหนเลยจะมีวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นชั้นยอดแบบนี้ได้?”

“กระทั่งขุมพลังชั้นแนวหน้าของดินแดนนี้ ก็มิได้มีวรยุทธ์เซียนระดัยมนุษย์โดดเด่นชั้นยอดแบบนี้มากนัก”

วิหกสีม่วงกล่าวเสริม

“เป็นไปมิได้”

จ้าวเฟิงที่มั่นใจในการโจมตีของตัวเองถึงกับหน้าเบี้ยวทันใด ยังคล้ายมีคำไม่เชื่อสักไว้เต็มหน้า เพราะเมื่อครู่มันทุบฟาดไปด้วยพลัง 9 ส่วนแล้วแท้ๆ ยังคิดว่าสมควรบดขยี้วรยุทธ์ป้องกันของต้วนหลิงเทียนได้โดยง่าย!

ทว่ามันไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าไฉนคนที่พึ่งบรรลุสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ กลับมีวรยุทธ์ป้องกันที่ร้ายกาจขนาดนี้

อนิจจามันถูกลิขิตให้ไม่มีวันได้รู้

ดาวตกพิฆาต!

จังหวะที่จ้าวเฟิงฟาดพลองมาด้วยพลังแทบทั้งหมดล้มเหลว อาศัยช่องว่างเสี้ยวพริบตาที่พลังของมันขาดห้วง ต้วนหลิงเทียนก็พุ่งออกจากระฆังศรคลุมกายที่สั่นไหวใกล้พังทลาย ก่อนที่จะปะทุพลังยิงเกาทัณฑ์!

ปราณแท้ทะลักออกจากทะเลปราณ ไหลผ่านชีพจรเซียนทั้ง 99 สายปานน้ำหลาก! ควบแน่นเป็นศรพลังมีสภาพยิงออกด้วยดาวตกพิฆาตเต็มกำลัง!!

ซึ่ม!

หนึ่งศรนี้ เสมือนทำให้กาลเวลาในโลกหล้าหยุดเดิน!

ราวกับฟ้าดินคงเหลือไว้แค่ศรดอกเดียว!

และศรนี้ก็มาได้ฉับไว แหวกอากาศไปไร้สำเนียงบรรลุพึงร่างจ้าวเฟิงก่อนที่มันจะทันได้ตอบสนองอะไรได้ทัน ชำแรกหว่างคิ้วทะลวงสมองก่อนที่จะพุ่งทะลุหายลับฟ้าไปในเสี้ยวพริบตา!

จวบจนวินาทีสุดท้ายที่ชีวิตถูกพรากไปอย่างไม่เต็มใจ จ้าวเฟิงก็มิอาจเข้าใจได้ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงมีวรยุทธ์ป้องกันสูงล้ำขนาดนี้

มันไม่เคยคิดถึงภาพที่มันจะล้มเหลวในการทำลายม่านพลังป้องกันของต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย เช่นนั้นมันจึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะป้องกันดอกศร!

ในฐานะสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่คนหนึ่งที่กระทั่งบรรลุจุดสูงสุดของด่านพลังแล้ว กลับต้องตกตายไปอย่างไม่ยินยอม!

อนิจจาโลกที่ยึดถือพลังเป็นที่สุด ไร้ความเมตตาให้แก่ผู้อ่อนด้อย

เก่งกล้าเพียงใดตายไปก็แค่ซากกระดูกผุๆ

ชนะเป็นจ้าวแพ้เป็นโจร

“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้…”

หลังจากฆ่าจ้าวเฟิงแล้วต้วนหลิงเทียนก็ตอบคำมันอย่างสงบ ก่อนที่จะสะบัดมือริบแหวนมิติของจ้าวเฟิงและซัดฝ่ามือพลังไร้สภาพออกไปคราหนึ่ง ป่นร่างจ้าวเฟิงเป็นละอองเลือด

แน่นอนว่าวาจาสุดท้ายที่กล่าวออก จ้าวเฟิงคงไม่มีวันได้ยิน

‘ระฆังศรคลุมกายสมแล้วที่สามารถทัดเทียมวรยุทธ์เซียนสายป้องกันระดับปฐพี…ปราณแท้ข้าที่จ่ายออกไปทั้ง 99 เส้นชีพจร ก่อเกิดเป็นม่านพลังศรในพริบตา ยังสามารถลดพลังโจมตีของจ้าวเฟิงไปได้มากกว่า 8 ส่วน!’

ถึงแม้จะรู้แล้วว่าระฆังศรคลุมกายมีอำนาจป้องกันอันน่ากลัว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนใช้งานจริง จึงค่อยทราบว่ามันน่ากลัวขนาดไหน!

จ้าวเฟิงเป็นใคร?

มันคือสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ หากมันปลดปล่อยพลังทั้งหมดใช้ออกด้วยอาคมเซียนจารึกทั้ง 3 อาคม กระทั่งยอดฝีมือครึ่งก้าวเซียนยังไม่กล้าจะรับกระบวนท่าของมันด้วยวรยุทธ์ป้องกันตรงๆ

ทว่าต้วนหลิงเทียนกล้า!

แม้จะไม่อาจป้องกันพลังทำลายได้สมบูรณ์ แต่ก็สลายไปกว่า 8 ส่วน อาศัยความเปลี่ยนแปลงในชั่วพริบตานี้ จึงทำให้จ้าวเฟิงหมดสิทธิ์ป้องกันการลงมือต่อเนื่องของเขาอย่างสิ้นเชิง

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนมั่นใจว่าเขาสามารถฆ่าจ้าวเฟิงได้แต่แรก แต่เขารู้ดีว่าที่จ้าวเฟิงแพ้พ่ายตายตกไปไวแบบนี้เพราะอีกฝ่ายประมาทเขา

กล่าวให้ชัดอีกฝ่ายประเมิน ระฆังศรคลุมกาย ของเขาต่ำไป!

หาไม่แล้วถึงแม้เขาจะมั่นใจว่ายังสามารถฆ่าจ้าวเฟิงได้ แต่ก็คงไม่ง่ายดายถึงเพียงนี้

‘น่าเสียดายที่หลิวฮ่วนมันไม่ได้มาด้วย…ดูเหมือนข้าต้องฆ่าหลิวฮ่วนหลังจากกลับมา’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว

เขาเองก็เสียดายไม่น้อย

อย่างไรก็ตามพอคิดอีกครั้งเขาก็ไม่ติดใจอะไรอีก

ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ ขอเพียงมีโอกาส คิดฆ่าหลิวฮ่วนก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร

หลังจากฆ่าจ้าวเฟิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเกาะป้านเยว่ต่อ

ด้วยพลังความแข็งแกร่งในปัจจุบัน การกลับไปเกาะป้านเยว่ก็ไม่ได้ใช้เวลามากเท่าไหร่

ตอนนั้นกว่าเขาจะมาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้มันกินเวลาไปไม่น้อย ทว่านั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้เส้นทาง กระทั่งยังใช้เวลาไปมากกับการหลงทาง

แต่คราวนี้เขาสามารถระบุทิศทางที่แน่ชัดได้แล้ว

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามี 1 คนกับ 1 วิหกลอบติดตามเขามาโดยตลอด

“เพียงบรรลุสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบกลับสามารถฆ่าสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้…มิคิดเลยว่าเขาจะมีสามารถขนาดนี้”

วิหกสีม่วงกล่าวพร้อมทอดถอนใจ จากน้ำเสียงเผยให้เห็นอารมณ์เสียดายไม่น้อย

แน่นอนว่าที่มันเสียดายเพราะมันรู้ดีว่ายากจะมีโอกาส…

โอกาสได้ต่อยตีกับต้วนหลิงเทียน

แม้ชือเม่ยจะไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็ต่างออกไปจากเดิม ยังกล่าวพึมพำออกมาเบาๆ “ข้าหวังว่าเจ้ากับนางจักมิมีสัมพันธ์เกินเลย…หาไม่แล้วแม้จะไม่อยาก แต่ข้าก็จำต้องฆ่าเจ้า!!”

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนออกเดินทางต่อหลังฆ่าจ้าวเฟิง ทางด้านสำนักจันทร์จรัสแสงก็บังเกิดความวุ่นวายไม่น้อย

ลึกลงไปภายในพื้นที่หวงห้ามของสำนักจันทร์จรัสแสง

นอกเหนือจากอาวุโสฝ่ายในระดับสูงแล้ว ศิษย์ฝ่ายในรวมทั้งอาวุโสทั่วไปห้ามมิให้ก้าวเข้ามาในเขตนี้แม้แต่ก้าวเดียว ผู้ที่หาญกล้าฝ่าฝืนละเมิดกฏดังกล่าวจำต้องถูกขับออกสำนักสถานเดียว และนี่เป็นการลงโทษสถานเบาที่สุดแล้ว

พื้นที่หวงห้ามของสำนักจันทร์จรัสแสง เป็นสถานที่บ่มเพาะพลังของยอดฝีมือขอบเขตเซียน รวมถึงเจ้าสำนัก

ตอนนี้ภายในคฤหาสน์หลังหนึ่งมิทราบเป็นอะไร แต่กลับมีเสียงกรีดร้องดังลั่นออกมา

เสียงกรีดร้องยังเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจับใจ!

ภายในคฤหาสน์หลังดังกล่าว ปรากฏร่างชายชราแก่หง่อมคนหนึ่ง ยืนจับจ้องมองไข่มุกวิญญาณบนหิ้งที่แตกเป็นเสี่ยงด้วยสองตาแดงก่ำปานโลหิต

“จ้าวเฟิงตายแล้ว? ผู้ใด! เป็นฝีมือผู้ใด!?”

เสียงเล็ดรอดไรฟันของชายชรา ฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะขนลุก เพราะมันเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตแค้นถึงที่สุด!

“อาจารย์ลุงเฉียน!”

ทันใดนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากภายนอกคฤหาสน์ ปลุกสติของมันให้กลับคืนมา

“เจ้าสำนัก”

ชายชราระงับอารมณ์ก่อนที่จะร่างมันจะวูบหายไปด้วยความเร็วสูง ปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่หน้าประตูคฤหาสน์ กล่าวทักทายชายคนร่างสูงผู้หนึ่งที่มีใบหน้ากระจ่างปานหยกเนื้อดีด้วยความเคารพ

ชายวัยกลางคนร่างสูงนี้เพียงยืนเฉยๆก็ให้บรรยากาศสูงส่งมากบารมี เห็นชัดว่าไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม

จากวาจาของชายชรา สืบทราบได้ว่าที่แท้มันคือเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสง เจียงเว่ย

“อาจารย์ลุงเฉียน เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”

เจี่ยงเว่ยกล่าวถามชายชราออกไปด้วยสีหน้ามิสู้ดี

“เจ้าสำนัก…จ้าวเฟิงตายแล้ว”

ชายชรากล่าวออกเสียงเข้ม

“อะไร! จ้าวเฟิงตายแล้ว??”

ได้ยินวาจานี้ของชายชรา เจียงเว่ย อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ

ถึงแม้จ้าวเฟิงจะเป็นอาวุโสฝ่ายในระดับสูงของสำนักจันทร์จรัสแสงคนหนึ่ง แต่เจียงเว่ยก็รู้ดีถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างจ้าวเฟิงกับชายชรา

จ้าวเฟิงนั้น ตอนแรกทุกคนเข้าใจว่าเป็นศิษย์ปิดสำนักของชายชราผู้นี้อย่างลับๆ

แต่ไม่ทราบว่าไฉนชายชรากลับไม่คิดเปิดเผยฐานะนี้ออกมา ทำให้จ้าวเฟิงไม่ได้ถูกยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นศิษย์ปิดสำนักของอีกฝ่าย

ด้วยเหตุนี้มีน้อยคนนักในสำนักจันทร์จรัสแสง ที่ล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างจ้าวเฟิงกับชายชรา

อย่างไรก็ตาม ในกาลก่อนด้วยความบังเอิญ เจียงเว่ยกลับได้ยินบทสนทนาระหว่างเจ้าสำนักคนก่อนกับชายชรา จึงได้รับทราบว่าที่แท้จ้าวเฟิงกลับเป็นบุตรนอกสมรสของชายชรา!

ด้วยเหตุนี้ชายชราเบื้องหน้าจึงไม่ได้ยอมรับจ้าวเฟิงเป็นศิษย์

“ไม่ว่าผู้ใดมันหาญกล้าฆ่าจ้าวเฟิง ต่อให้ข้าต้องพลิกแผ่นดินกระทั่งขุดพื้นลึกลงไป 3 ฉื่อ ข้าก็จะลากคอมันมาฆ่าให้ตาย!”

ชายชรากล่าวออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด

ใบหน้าชายชราที่เผยความดุร้ายอาฆาตออกมา กระทั่งเจียงเว่ยยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสยิวกาย

“อาจารย์ลุงเฉียนข้าจะรีบส่งคนไปสืบเรื่องนี้ทันที…ท่านรอฟังข่าวเถอะ”

เจียงเว่ยกล่าวกับชายชรา

มันไม่กล้าละเลยเรื่องของชายชราเบื้องหน้า

เพราะไม่เพียงแต่อีกฝ่ายจะมีศักดิ์เป็นอาจารย์ลุงของมัน อีกฝ่ายยังเป็นผู้พิทักษ์ของสำนักจันทร์จรัสแสงอีกด้วย!