บทที่ 233 พลังอันยิ่งใหญ่

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 233 พลังอันยิ่งใหญ่

บทที่ 233 พลังอันยิ่งใหญ่

หากมีอันตรายเกิดกับเฉินเจียนจริงๆ ที่เขาคิดอาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น แต่ถ้าเฉินเจียนยังอยู่ดี เกรงว่านี่อาจเป็นการพุ่งเป้ามาที่เขาจริงๆก็ได้

“พี่เฉินเจียนเธอไม่ได้พูดอะไรมาก เธอแค่บอกให้ฉันระวังตัวเองเอาไว้ อย่าออกตามหาเธอเด็ดขาด เธอยังบอกด้วยว่า เธอจะไปคิดบุญคุณความแค้นกับพี่เอง”

หลังจากฉู่เหินได้ยินคำพูดนั้นของเสี่ยวชิง เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เขาไม่เข้าใจ ระหว่างเขากับเฉินเจียนมีบุญคุณความแค้นอะไรกัน หรือว่าเขาไปติดหนี้อะไรเธอเข้า

หลังจากคุยกับเสี่ยวชิงเพียงครู่เดียวฉู่เหินก็วางสายไป เพราะตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็ต้องออกจากเทือกเขาเทียนซานก่อน จะเป็นการดีกว่าถ้าเขาเร่งเดินทางแต่เนิ่นๆ บางทีตอนนี้รอบๆ เทือกเขาเทียนซานคงเต็มไปด้วยกับดักแล้วรอให้เขาเดินโง่ๆเข้าไปติดกับแล้วละมั้ง

อันที่จริงแล้ว ในตอนนี้ฉู่เหินยังมีทางเลือกอีกทางหนึ่ง คือโทรหาโป๋อีกู่และขอให้มาหาเขาที่เทียนซาน ด้วยพลังการต่อสู้อันทรงพลังของโป๋อีกู่ คงไม่มีปัญหาที่จะพาเขาออกไปจากเทือกเขาเทียนซานอย่างปลอดภัย

แต่ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวต้องการโป๋อีกู่อย่างมาก ถ้าโป๋อีกู่หายไปพวกพี่สะใภ้จะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ

ในช่วงเวลาการตัดสินที่ยากลำบากนี้ เขาคงได้แต่ต้องเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวเองเท่านั้น ส่วนตระกูลซ่างกวนจะปล่อยให้พวกเขาออกหน้าแทนตัวเองก็คงเป็นไปไม่ได้ ยังไงซะตอนนี้ความสัมพันธ์พวกเขาก็เป็นแค่พันธมิตรเท่านั้น

เมื่อกี้ที่เขาพูดคุยกับซ่างกวงชิงเฟิงไป ในตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่ามี ขุมพลังไม่ทราบชื่อกำลังวางแผนอะไรอยู่ในเขตตระกูลซ่างกวง หากพวกเขาออกมาจากเขตควบคุมของตระกูลซ่างกวง ตระกูลอาจตกอยู่ในอันตรายได้

จากการวิเคราะห์เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องรู้จักเขาเป็นอย่างดีทีเดียว เพราะครั้งนี้พวกมันปิดทางรอดของเขาทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งกับผู้อาวุโสจางเองมาไม่ได้

พวกผู้อาวุโสจางคงถูกส่งออกไปปฏิบัติงานในทะเลหมดแล้ว แม้แต่ทีมมังกรเองก็น่าจะถูกส่งไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นในตอนนี้ไม่มีใครมาช่วยตัวเขาได้เลยสักคนเดียว

เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดเป็นแผนการสมคบคิดครั้งใหญ่เพื่อไล่ล่าเขาอย่างแน่นอน เมื่อฉู่เหินทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดเสร็จ เขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วแผ่นหลัง แต่มาถึงขั้นนี้ถ้าเขาไม่ให้บทเรียนกับพวกมันสักหน่อย ก็อย่ามาเรียกเขาว่าฉู่เหิน!

หลังครุ่นคิดเสร็จ ฉู่เหินก็นำวัตถุดิบออกมาถือไว้ในมือ เตรียมสร้างค่ายกลขนาดใหญ่บนภูเขาเทียนซาน การสร้างค่ายกลแบบนี้ เขาใช้เวลามากกว่าครึ่งวันถึงจะสร้างเสร็จ วัตถุดิบเกือบทั้งหมดที่ได้รับจากต้าเฟินโถ่วถูกนำมาใช้ทั้งหมด แต่การสร้างค่ายกลของเขาในครั้งนี้แข็งแกร่งกว่าค่ายกลครั้งก่อนอย่างแน่นอน

สำหรับวัตถุดิบขั้นสูงฉู่เหินมีอยู่มากมาย กล่องใหญ่สองกล่องที่รวบรวมมาจากการต่อสู้กับงูยักษ์ในครั้งที่แล้ว ก็ของอยู่มากมายหลายชนิด แม้สมบัติเหล่านั้นจะมีระดับสูงที่สุดแค่ระดับหก แต่บนโลกที่ขาดแคลนของระดับสูงมีแค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

หลังจากสร้างค่ายกลเสร็จ ฉู่เหินก็อยู่ที่นี่ต่อ เขาต้องรอให้มันเริ่มทำงานก่อน เขาจะค่อยอาศัยช่วงชุลมุนหนีออกไป นี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะหลบออกไปจากเทือกเขาเทียนซานได้ หากเขาคว้าโอกาสนี้ไว้ไม่ได้ เขาคงจะต้องตกตายอยู่ที่นี่

ทางด้านผู้ตามล่าฉู่เหินในภูเขาเทียนซาน ท่ามกลางความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนมาหลายวัน พวกเขาก็ได้จำกัดขอบเขตให้เล็กลง ตอนนี้พวกนำกำลังกว่าหลายร้อยคนมารวมกันเป็นครึ่งวงกลม และเริ่มค้นหาแบบทุกตารางเมตรโดยเริ่มจากรอบนอกของภูเขา

หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ก็มีบางคนมองไปที่ต้นไม้ใหญ่ข้างหน้าพวกเขา ไกลออกไปมีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างและฝึกวรยุทธไปด้วย หลังจากเห็นภาพนี้ คนที่เห็นก็หยิบรูปขึ้นมาเปรียบเทียบใบหน้าและเขาก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข!

“คาดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะดิ้นรนมาตายถึงที่นี่ วรยุทธที่สะสมมานานเกรงว่าคงต้องสูญเปล่าเสียแล้ว” ขณะที่พูด เขาก็ชี้นิ้วให้ผู้ที่ติดตามมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

ต่อมาไม่นานท่ามกลางการค้นของคนหลายร้อยและอาจจะเป็นพันคนก็เข้ามาปิดล้อมเขาเอาไว้เป็นวงกลมโดยมีฉู่เหินอยู่ตรงกลาง หากไม่ใช่เพราะหญิงชรากำชับพวกเขาไว้อย่างจริงจังว่าต้องจับเป็น พวกเขาคงรีบร้อนพุ่งเข้าไปตรงๆ แล้ว

เมื่อทุกคนมากันครบแล้ว พวกเขาก็ส่งสายตาเป็นสัญญาณว่าลงมือได้ จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆ ขยับวงล้อมให้แคบลง เมื่อพวกเขาเข้าใกล้พวกเขาก็ไม่พบอันตรายแต่อย่างใด กลับกันพวกเขารู้สึกว่าช่างง่ายดายอะไรเช่นนี้!

แต่เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ตัวฉู่เหิน ท่ามกลางฝูงชนชายแก่ที่แกร่งกล้าที่สุดก็เริ่มรู้สึกว่าตรงหน้าดูแปลกๆ ไม่รู้จะพูดยังไงดีแต่เขารู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายไร้ซึ่งพลังชีวิต

เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็ชะลอความเร็วลง ทั้งยังถอยห่างจากฉู่เหินด้วยความระแวง! ทว่าคนอื่นๆ กลับมองไม่เห็นปฏิกิริยานั้นของเขาเลยสักนิด

ร่างของชายชราผู้นี้ก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ ในตอนแรก จนกระทั่งสามารถออกมาจากกลุ่มมาได้ในที่สุด ในขณะเดียวกันนั้นเองเมฆหมอกก่อตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ครอบคลุมทุกคนเอาไว้ มีเพียงคนเดียวที่สัมผัสถึงความแปลกนั้นคนๆ นั้นก็คือชายชราที่หนีออกมาได้อย่างหวุดหวิด

หลังจากชายชราหนีออกมาได้แล้ว ต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องดังสนั่นจากภายในหมอก แม้ว่าเขาจะไม่อยู่ในนั้น เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังที่เอ่อล้นออกมาจากด้านใน แม้ว่าเขาจะออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ตัวเขาที่อยู่นอกค่ายกลขนาดใหญ่ยังรู้สึกสั่นกลัว นับประสาพวกที่อยู่ข้างในนั้นล่ะ ขณะคนเหล่านั้นยังไม่รู้ตัวก้าวเข้าไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็อดไม่ได้พุ่งตัวเข้าไปคว้าตัวฉู่เหินเอาไว้ ผลจากแรงกระแทกนี้ทำให้ภาพลวงตาถูกทำลายลงในทันที

พอภาพลวงตาหายไป ค่ายกลก็ทำงานอย่างอัตโนมัติ ก่อนที่คนเหล่านี้จะมีปฏิกิริยา เสียงฟ้าร้องก็ดังมาจากในอากาศพร้อมกับสายฟ้าแลบ คนที่ติดอยู่ภายในไม่มีใครรอดไปได้สักคน แม้แต่คนที่อยู่ในขั้นเต๋าระดับสูงก็ไม่อาจรอดออกไปได้ ไม่นานผู้คนในนั้นก็กลายเป็นโครงกระดูกสีขาว!

ฟ้าร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ผู้คนนับไม่ถ้วนพยายามโจมตีกลับ แต่ยิ่งพวกเขาใช้พลังมากเท่าไรเสียงฟ้าร้องและสายฟ้าเหล่านั้น ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ในตอนแรกผู้ใช้พลังขั้นเต๋ายังสามารถต้านเอาไว้ได้ครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่กี่อึดใจก็ไม่มีใครสามารถต้านทานไหว

ถ้าพวกเขาเห็นค่ายกลเร็วกว่านี้ อาจมีผู้มีพลังระดับครึ่งก้าวสู่ผู้พิชิตดารา 2-3 คนหนีออกมาได้ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาประมาณเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการหลบหนีไปแล้ว!

ไม่ถึง 5 นาทีพวกเขาก็ไม่อาจต่อต้านพลังของค่ายกลได้เลย ราวกับว่าสายฟ้าเหล่านี้ไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้จักเหนื่อย พวกเขาก็ต้องรับมือพวกมันอย่างยากลำบาก

และในเวลานี้แม้ว่าพวกเขาจะอยากออกไป มันก็ยากเกินไปแล้ว เพราะกลไกของค่ายกล ทำให้ยิ่งอยู่นานเท่าไรพลังของค่ายกลนี้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้พวกเขารู้สึกเสียใจอย่างมาก พวกเขาตะเกียกตะกายที่จะออกไปข้างนอก ทว่าน่าเสียดายที่ทำไม่ได้ตามที่หวัง

ชายชราผู้ที่วิ่งออกมาตั้งแต่แรก ได้ยินเสียงร้องอันน่าสลดใจของพวกเขาทีละคนจากในค่ายกล เขารู้ว่าในครั้งนี้สหายของเขาต้องตกอยู่อันตรายแล้ว!

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งข่าวไปให้กับหญิงชรา มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนี้! ยิ่งกว่านั้นในบรรดานักล่าที่ออกมาล่า เขาเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังรอดชีวิต เขาไม่กล้าตามล่าฉู่เหินอีกต่อไป