มอนสเตอร์โดยส่วนมากจะปกคลุมไปด้วยอีเทอร์แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกมันทั้งหมดที่จะเป็นแบบนั้นซะทีเดียว

มันก็เหมือนกันกับพวกยอดมนุษย์ที่ปลุกพลังด้าน ‘ความแข็งแกร่งทางกายภาพ’

มันเป็นรูปแบบที่ธรรมดาที่สุดและเป็นทางที่ง่ายที่สุดที่จะใช้อีเทอร์ เสริมความแข็งแกร่งร่างกาย

พวกเขาเหล่านั้นจะมีชั้นบาง ๆ ของอีเทอร์ปกคลุมอยู่ที่ผิวที่จะดูดซับอีเทอร์เข้าสู่ร่างกายพวกเขาและแปลงสภาพนั้นไปสู่พลังงานที่พวกเขาสามารถใช้ได้

ในตอนแรก มนุษย์ที่มีพลังพิเศษดูเหมือนกับมอนสเตอร์พวกนั้นในจุดนี้ทำให้ทำให้มีคนจำนวนมากเรียกพลังพิเศษนี้ว่าเป็นพลังของมอนสเตอร์

ที่ต้องพูดแบบนี้ เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันเป็นมนุษย์แต่ฉันต้องคิดว่ามันเป็นเหมือนกับมอนสเตอร์

มานาที่เป็นพิษ

มันเป็นสภาวะที่บางครั้งก็เกิดขึ้นกับคนที่มีพลังพิเศษ

มีอย่างน้อยสองหรือสามเงื่อนไขที่ตรงกันก่อนที่มานาของมนุษย์จะเกินพิกัด

ในตอนที่พวกเขาได้เข้าสู่สภาวะของมานาเป็นพิษพวกเขาจะสูญเสียซึ่งเหตุและผลและมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปราบพวกเขาอย่างง่าย ๆ เพราะว่าพลังของพวกเขานั้นทรงพลังมากยิ่งขึ้นเนื่องจากมานาที่เป็นพิษ

แต่ถึงจะพูดยังไงก็ตาม ยังไงซะมันก็ต้องถูกประหารอยู่ดี

คลิก!

ฉันมองลงไปที่ระเบิดมือ 5 ลูกที่อยู่ในมือฉัน ที่เอามันมาจากคิมจีแท

พวกเหนือมนุษย์ส่วนมากเชื่อในทักษะของพวกเขาดังนั้นปกติพวกเขาจะไม่พกอุปกรณ์อะไรมากมาย

แกร๊ก แกร๊ก!

ฉันโยนระเบิดไปหนึ่งลูกแล้วตามด้วยที่เหลือหลังจากนั้นก็ยิงปืนตามไปอย่างลวก ๆ

แบง!!

“กว้ากก…!”

ระเบิดพวกนั้นได้ระเบิดในจุดที่ต่ำกว่าข้อเท้าของมันและได้ฉีกกระฉากเกราะอีเทอร์จากร่างกายส่วนล่างของมัน

โดยที่ไม่พลาดโอกาส ฉันพุ่งตรงเข้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยดาบอีเทอร์ในมือของฉัน

บูม!!

“..ฮับ!”

อย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์ตัวนั้นได้คืนสมดุลจากแรงกระแทกอย่างรวดเร็ว และได้ฉีกกระฉากอากาศด้วยการกระแทกหมัดของมัน

มันรู้สึกเหมือนกับปืนใหญ่ได้ยิงมาที่ฉันพร้อมด้วยเสียงที่ดังสนัน

แต่ถึงอย่างงั้นก็ตาม ฉันก็สามารถเห็นได้ว่ามันกำลังเข้ามาและสามารถที่จะตัดมันแยกออกได้ด้วยดาบอีเทอร์ของฉันก่อนที่จะสไลด์ไปด้านข้าง

“กร้าวววว!!”

ฉันต้องไม่พลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ไม่สิ เพราะฉันนะเป็นฮันเตอร์แรงค์ F ธรรมดา ๆ ที่แสนอ่อนแอ ไม่ได้รับสิทธิให้พลาดได้

ทันทีที่ฉันเขาสู่ระยะของมันฉันกลิ่งไปที่ด้านข้างของมันอย่างรวดเร็วและในตอนที่ฉันกลิ่งไปการตรงนั้นแล้ว ขาขนาดมหึมาของมอนสเตอร์นั้นก็ได้กระทืบลงมา

แคร็ก…!

พื้นตรงนั้นได้แตกออกเป็นรอยใยแมงมุมและสร้างหลุมที่กว้างกว่า 5 เมตร

ฉันชิงความได้เปรียบจากการกระเด็นโดยคลื่นกระแทกนี้ยิงไปที่หน้าของมันด้วยปืนของฉันก่อนที่ตกลงไกลออกไป

แล้วมันก็ยกแขนขึ้นโดยสัญชาตญาณมาปิดหน้าของมันแม้ว่ามันจะถูกยิงไปแล้วก็ตาม

นั้นเป็นข้อแตกต่างระหว่างมอนสเตอร์และมนุษย์

เจ้านี้มันล้มเหลวที่จะละทิ้งสัญชาตญาณมนุษย์

‘ตอนนี้แหละ!’

ปัง ปัง ปัง!

หลังจากการยิงไปที่มอนสเตอร์ทั้งสามครั้งอย่างต่อเนื่องด้วยปืนพกของฉัน มอนสเตอร์ก็ได้เหวี่ยงแขนของมันและทุบไปที่พื้นดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมที่จะโดนโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวเลยสินะ

ตูม….

แต่ว่านะ

“….!”

การเคลื่อนไหวของมันชัดเจนอย่างมากสำหรับฉัน

ฉันเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาก่อนหรือป่าวนะ?

ฉันต้องคาดการณ์และหลบหลีกการโจมตีของศัตรูอยู่เสมอ และทั้งหมดที่ฉันทำได้คือต้องคอยระวังและอดทน

เปรียบเทียบกับฮันเตอร์คนอื่น ๆ คนที่เป็นรุ่นน้องฉัน ถ้าเป็นในอดีตฉันคงต้องเคลื่อนไหวทั้งร่างกายของฉันมาตรงนี้และเพื่อแค่จะล่อมอนสเตอร์ให้มันลดการป้องกันลงด้วยการทนการโจมตีสองสามครั้งโดยอุปกรณ์กาก ๆ ของฉัน

แต่ในตอนนี้ฉันเห็นมันได้อย่างชัดเจนเลย

‘นี่…เป็นสิ่งที่ฮันเตอร์คนอื่น ๆ รู้สึกใช่ไหมเนี่ย?’

มั่นใจในตัวเองในทักษะของตัวฉันเองและต้องไม่ประมาท!

หมัดที่ขนาดยักษ์ของมอนสเตอร์นั้นได้พุ่งตรงไปที่ฉันไปในจุดที่ฉันเคยอยู่ ฉันหลบแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ฉันไม่เห็นมอนสเตอร์เหนือหัวฉันอีกต่อไป

ไม่ ให้ถูกจริง ๆ คือการโจมตีส่วนใหญ่ได้ถูกเบี่ยงเบน

มันอาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ก่อนหน้านี้

ที่จะพยายามทำอะไรบ้า ๆ อย่างการเบี่ยงหมัดโดยการดูดซับแรงกระแทก

อย่างไรก็ตาม ฉันสามารถทำมันได้แล้วในตอนนี้

หมัดได้ถูกเบี่ยงไปด้านข้างด้วยดาบอีเทอร์ของฉัน

หรือไม่หมัดนั้นก็จะเฉียดร่างกายของฉันและพลาดที่จะโดนฉันโดยห่างแค่เพียงนิ้วเดียว

มันเป็นไม่ได้ที่จะหยุดมันทั้งหมดโดยสมบูรณ์ดังนั้นฉันเลยยิงไปที่หมัดของมันด้วยปืนพกของฉันเพื่อเบี่ยงวิถีของมันออกไป

ถึงแม้ว่าปืนพกอีเทอร์จะเป็นปัญหาใหญ่เมื่อต้องการที่จะใช้มันในการที่จะปลดเกราะอีเทอร์ของมอนสเตอร์แต่มันชัดเจนเลยที่ว่าปืนพกอีเทอร์นั้นประกอบไปด้วยแรงผลักดันที่มหาศาลที่จุดตกกระทบ

ฉันกำลังใช้มันในการป้องกัน

ในจังหวะที่ถูกต้องถ้าฉันยิงไปในจุดที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำมัน แรงกระแทกจะสามารถเบี่ยงการเคลื่อนไหวได้อย่างแน่นอน

และ

ไม่นานมันจะกลายมาเป็นการสร้างโอกาสให้กับฉัน

“ชึบ!!”

เมื่อฉันเฉือนดาบผ่านลำคอของมัน มอนสเตอร์นั้นก้าวถอยหลังออกไปด้วยความประหลาดใจ

แต่แม้ว่ามันจะก้าวถอยออกไปแล้ว ฉันก็ได้วิ่งตรงไปหามันและในตอนที่มันตั้งตัวได้เรียบร้อยแล้วระเบิดก็ได้กลิ่งไปบนพื้นเรียบร้อยเช่นกัน

บ-บูม!!

เมื่อมันสูญเสียการทรงตัว ก็เกิดกระกายแสงที่ส่องสว่างออกจากมือของฉัน มันเป็นดาบที่ปกคลุมไปด้วยอีเทอร์

การเคลื่อนไหวรูปแบบใดที่มนุษย์สามารถทำได้บ้างนะหรือ?

แล้วเพลงดาบใดที่จะเราได้ใช้บ้างนะ?

ไม่ใช่แค่ว่าเราทำมันโดยการออกแรงมากขึ้น เร็วขึ้น ทรงพลังขึ้นในตอนที่เราเหวี่ยงดาบของเราอย่างโง่เขลาหรือ?

เพลงดาบหรือนั้นทั้งหมดจริง ๆ แล้วมันเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวที่ไร้ประโยชน์และไร้ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตามเพลงดาบทั้งหมดที่ฉันเคยได้เห็นในโลกใบนี้ได้รับการคลี่ออกในใจฉัน

วิชาดาบของตัวเอกที่ได้ร่ำเรียนและพัฒนามานานกว่าหนึ่งพันปี ไม่ใช่วิชาดาบของคนสมัยใหม่เหมือนกันฉันคนที่มีอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น

[สกิลเพลงดาบสีขาว (S) – ได้เปิดใช้งาน]

[รูปแบบที่หนึ่ง อันตรวินิจไร้ใจ]

มันเหมือนกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน

และพายุหิมะที่กำลังโหมกระหน่ำ

วิชาดาบที่แสนจะลึกลับซับซ้อนที่ดูเหมือนว่าจะได้ถูกกางออกที่ปลายนิ้วของฉัน

ฉันรู้ขีดจำกัดของร่างกายฉันดี

พรสวรรค์ชำนาญดาบระดับ A+ ทำให้ฉันแสดงประสิทธิภาพได้อย่างดีเยี่ยมเมื่อจับดาบและเพลงดาบสีขาวก็ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับฉันที่จะเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ในขณะที่กำลังเคลื่อนไหวเหมือนกับว่าฉันกำลังร่ายรำ ฉันได้ตรงไปด้านหน้าแทงดาบกระหน่ำไปทั่วเหมือนกับน้ำตกและลึกซึ้งอย่างรุนแรงราวกับเป็นพายุไต้ฝุ่น

“กว้าก!”

ในตอนที่มอนสเตอร์ได้อาละวาดอีกครั้งฉันก็ได้ขว้างระเบิดออกไป

จริง ๆ มันยากสำหรับฉันที่จะลดระยะห่างลง

“…อ้า”

บูม!

เหมือนกับว่ามอนสเตอร์ตนนี้จะรู้ว่าระเบิดในมือฉันมันอันตรายคงเพราะว่ามันยังมีความฉลาดเหลืออยู่บางส่วนดังนั้นมันเลยพยายามที่จะหลบเลี่ยงระเบิดนั้น

แต่นี้มันเป็นวิธีที่ฉันทำได้อย่างดีเยี่ยมอยู่แล้วก่อนที่ฉันจะได้รับพรสวรรค์ของชำนาญดาบมาซะอีก

ลูกระเบิดได้ลอยไปในอากาศคล้ายกับลูกบาสเก็ตบอลบินตรงไปตรงจุดที่มอนสเตอร์กำลังอาละวาดอยู่เหมือนกับว่ามันมีความคิดของมันเองและระเบิดไปที่หัวของเจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้น

โดยรู้ดีว่าฉันไม่สามารถพลาดโอกาสนี้ไปได้ฉันก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็วหายไปจากตำแหน่งปัจจุบันของฉัน

มันเป็นโอกาสนี้โอกาสเดียวเท่านั้นสำหรับฉัน

ฉันเอาระเบิดลูกสุดท้ายออกมาและดึงสลักออก

ฉันต้องขว้างมัน

คลิก!

ระเบิดที่ซึ่งได้พลาดลื่นไถลออกจากมือฉันค่อย ๆ ตกลงไปที่พื้นอย่างช้า ๆ

“…!!”

ไม่สำคัญว่าพวกมันจะไร้ซึ่งเหตุผลอย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์และสัตว์ป่าเหล่านี้มีความสามารถในการปรับตัว

มันสังเกตเห็นความผิดพลาดของฉันและรีบพุ่งมากที่ฉันอย่างรวดเร็ว

มันคิดว่ามันคงจะต้านทานระเบิดได้และอัดฉันจนเละในเวลาเดียวกัน

แต่…

มันเป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจ

ฉันฟื้นคืนจากความงุ่มง่ามของฉันในพริบตาและมองไปที่ระเบิดบนพื้นเหมือนว่าฉันมองไปที่ลูกกอล์ฟ

มอนสเตอร์นั้นไร้การป้องกันโดยสมบูรณ์เพราะงั้นฉันได้ใช้สันของดาบอีเทอร์ตีลูกระเบิดไปที่ปากของมัน

(ผู้แปล : ปังย่า)

ถัดจากนั้นฉันยิงปืนพกของฉันไปที่ใต้คางของมันคล้ายกับหมัดอัปเปอร์คัต

“กึก!”

เมื่อปากของมันได้ถูกปิดสนิทฉันรวบรวมมานาไปที่แขนและแทงดาบอีเทอร์ไปที่คางของมัน

แล้ว

…ตะ-ตะ-ตูม!!

ภายในร่างกายของมอนสเตอร์ได้มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นแล้วมันก็ล่วงลงไปที่พื้นอย่างช้า ๆ

ตูม…!

“ฟู…”

ปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าฉันออกและระเบิดเสียงหัวเราะออกมาตอนที่ฉันมองไปที่ซากมอนสเตอร์นั้น

……………………………………………………..

ตูม…!

ริมผีปากของคิมจีแทสั่นสะท้านในตอนที่เขามองไปที่มอนสเตอร์ที่สามารถอัดเขาเละไปกับพื้นได้อย่างง่ายดาย ในตอนนี้มันได้ตกลงสู่ลงที่พื้นแล้ว

“โอ้ มายก็อต…”

ในมุมมองของเขาเป็นหลังของยูซอดัมที่ดูสูงใหญ่ขึ้น

เขาไม่อยากจะเชื่อเลย

คนธรรมดาทั่ว ๆ ไป คนที่ไม่มีอุปกรณ์จะสามารถจัดการกับเจ้ามอนสเตอร์ที่มีแรงค์แบบนั้นได้ “อย่างง่ายดาย”

มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่จะเป็นฝ่ายชนะ

ด้วยชุดสูทอีเทอร์และอุปกรณ์เต็มสูบ อย่างน้อยที่สุดต้องมีสามคนในการรับมือเพื่อที่จะปราบมอนสเตอร์ในแรงค์เดียวกัน

ในทางตรงกันข้าม คิมจีแทคิด “ไม่ว่าจะมีอุปกรณ์ที่แพงมากเท่าใด ฉันก็ไม่สามารถที่จะล้มมอนสเตอร์แรงค์ C ได้ด้วยตัวคนเดียว”

นี้เป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกของฮันเตอร์ส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตามเป็นบางครั้งคราว

ที่จะมีคนบางพวกที่เหนือเกินกว่าสามัญสำนึกของคนทั่วไป

มันพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางของมหาสมุทรแปรซิฟิก มีเกตลึกลับที่ถูกเรียกว่า “เฮลเกต” ที่นำไปสู่อีกโลกหนึ่ง

ทหารผ่านศึกคนที่คุ้นเคยกันการเดินทางไปรอบ ๆ พื้นที่แบบนั้น สถานที่ที่สามัญสำนึกพื้นฐานและหลักการไม่สามารถนำไปใช้ได้ ไม่ใช่แค่การล่ามอนสเตอร์ที่มีแรงค์เดียวกันกับพวกเขาเท่านั้นแต่ยังสามารถที่จะล่ามอนสเตอร์แรงค์ที่สูงกว่าได้ด้วยตัวพวกเขาเอง

แต่…

นี่มัน มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?

กับมอนสเตอร์ที่น่าเกรงขามที่มีความแข็งแกร่งอย่างน้อยที่แรงค์ B ถูกล้มลงโดยฮันเตอร์แรงค์ F คนที่มีเพียงแค่ปืนพกถูก ๆ และดาบอีเทอร์ทั่ว ๆ ไป

คิมจีแทตัวเขาก็เองได้พ่ายแพ้ในการปะทะกันในเรื่องของความแข็งแกร่งในเวลาไม่กี่วินาที

การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ฆ่าสามารถที่จะคุณได้

อย่างไรก็ตามยูซอดัมเข้าต่อสู้โดยไม่แม้แต่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันพื้นฐานด้วยซ้ำและในท้ายที่สุดก็ล้มเจ้าตัวแบบนั้นได้ในการต่อสู้

“หน่วยสนับสนุนฉุกเฉินได้มาถึงแล้ว!”

[ปิ๊บ! กลุ่ม 7 รายงานตัว สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?]

“มัน…”

ในทันทีที่ได้ยินเสียง คิมจีแทก็ได้หันหน้ากลับไปตรวจสอบเสียงที่มาจากทางด้านหลัง

มีฮันเตอร์แรงค์ A 3 คนที่สวมใส่ชุดสูทสีน้ำตาลเข้มที่กำลังเหงื่อตก

ทหารแรงค์ A จากกองบัญชาการหลักสำหรับการป้องกันประจำเมืองหลวงที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการล่าเหล่ามอนสเตอร์

เป็นกลุ่ม 7 ของกองกำลังสนับสนุนฉุกเฉินสำหรับภัยพิบัติในกรุงโซล

พวกเขาเหล่านี้พึ่งจะมาถึงโดยอาศัยเฮลิคอปเตอร์ กำลังอยู่ในอาการสับสนงุนงงเมื่อได้เห็นสถานการณ์ที่สถานีได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว

“นี่มันเกิดบ้า…อะไรขึ้นที่นี้?”

เมื่อถูกถามโดยยางซอนยองฮันเตอร์แรงค์ A และเป็นหัวหน้าของกลุ่ม 7 ของหน่วยสนับสนุน ยูซอดัมคนที่มาถึงก่อนตอบกลับแทนคิมจีแท

“ฉันเป็นฉันฮันเตอร์ที่บังเอิญผ่านมาตอนเหตุการณ์บัดซบนี้เกิดขึ้นเพราะงั้นฉันเลยจัดการมันไปแล้วหละ”

เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกตอนที่เธอได้ยินรายงานของยูซอดัม

มอนสเตอร์ตัวนี้อยู่ระหว่างแรงค์ B กับแรงค์ A มันได้สร้างหายนะตรงใจตรงสถานีมหาลัยคอนกุกและทีมที่รับมือกับเหตุการณ์นี้ก็เป็นแค่แรงค์ D 5 คนและแรงค์ C 1 คนเท่านั้น

ไม่ใช่แค่การทำลายล้างเท่านั้นแต่ความเสียหายโดยรอบที่พวกเขาคิดว่ามันจะต้องมากมายแน่ ๆ เพราะงั้นพวกเขาเลยรีบไปตรวจดูรอบสถานทีแต่โชคดีที่มันดูเหมือนว่าจะได้รับการจัดการเป็นอย่างดีโดยฮันเตอร์ผ่านศีกคนนี้คนที่ดูเหมือนว่าจะแค่ผ่านมาโดยบังเอิญ

“โฮ ฉันดีใจมาก ๆ ที่มีฮันเตอร์มือโปรอยู่ที่นี้ฉันจะต้องรายงานความสำเร็จของคุณกับเบื้องบน คุณช่วยแสดง ID การ์ดให้ฉันดูได้ไหมคะ?”

“ได้แน่นอน”

ซอดัมก็ตั้งใจที่จะโชว์ไอดีการของเขาให้เธอดูอยู่แล้วเพราะเขาไม่คิดที่จะทำงานให้ฟรี ๆ

เมื่อเห็นมันฮันเตอร์แรงค์ A ทั้งสามคนได้หายใจเข้าอย่างหนักหน่วง

“แรงค์ F …ถ-ถูกต้องใช่ไหมคะ?”

“ใช่ครับ”

“…คุณจัดการเจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้นคนเดียวแน่ใช่ไหมคะ?”

มันเป็นไปไม่ได้

เขาน่าจะแค่หนึ่งในคนที่ยืนดูฮันเตอร์คนอื่นในเหตุการณ์ซะมากกว่า

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจางซอนยองคิดเช่นนั้น

ไม่ใช่ว่าเขาใส่แค่ฮูดดี้สีดำกับกางเกงวอร์มและมีแค่ปืนพกกับดาบอีเทอร์ติดตัวแค่นั้นหรือ?

มันไม่สำคัญว่าพวกยอดมนุษย์แรงค์ A จะแข็งแกร่งมากขนาดไหน คนพวกนั้นก็ไม่สามารถจัดการกับมอนสเตอร์แรงค์ A ด้วยอุปกรณ์เช่นนั้นได้

แต่

“ใช่สิ ไอ้เจ้าคนไร้ค่านี้ก็นอนแบะอยู่ตรงนี้และฉันก็จัดการมันคนเดียวถ้าคุณต้องการที่จะจ่ายก็จ่ายมันใช้ฉันทั้งหมดนั้นแหละ”

“โอ้ว…”

เขาตอบตามความเป็นจริง

เธอได้มองไปที่ ID การ์ดของยูซอดัมอีกครั้ง

‘แรงค์ F…15?’

พระเจ้าช่วย

คน ๆ นี้ไม่ใช่แค่แรงค์ F ธรรดา ๆ ทั่วไป

ฮันเตอร์ผ่านศึกคนนี้คือคนที่อยู่รอดมานานเป็นเวลา 15 ปีผ่านการทำงานอย่างหนักในสนามรบที่โหดร้าย มันหาได้ยากจริง ๆ

แม้กระทั้งยอดมนุษย์คนที่มีพลังพิเศษที่พบได้เป็นปกติคือถ้าเจ็บหนักไม่ก็พิการในสนามรบไม่งั้นแล้วก็คงจะเกษียณออกไปในสภาพจิตใจที่เหนื่อยล้าเต็มที

แต่ฮันเตอร์คนนี้กำลังทำงานในปีที่ 15 ของเขา

‘ไม่ว่าคุณจะธรรมดาแค่ไหนคุณก็สามารถทำสิ่งแบบนี้ได้งั้นหรือถ้าคุณสู้ในสนามรบมานานกว่า 15 ปี?’

ไม่มีทาง

เธอบันทึกข้อมูลของยูซอดัมลึกลงไปในสมองของเธอ

มันเป็นเพราะว่าพวกเขาจำเป็นต้องติดต่ออีกฝ่ายตอนที่พวกเขาต้องจัดพิธีฉลองเพื่อตอบแทนให้กับคุณงานความดีของเขาในภายหลัง

“ฮันเตอร์คิมจีแท ถ้างั้นแล้วเราสามารถมอบคริสตัลอีเทอร์ให้กับฮันเตอร์ยูซอดัมที่อัตรา 100% ได้ใช่ไหมคะ?”

“อ้า นี้มัน…”

ตอนที่คิมจีแทกลายมาเป็นรู้สึกปันปวนข้างใน ยูซอดัมได้พูดออกมา

“เจ้านั้นไม่มีคริสตัลอีเทอร์”

“อะไรนะ…?”

มันไม่เกินไปเลยที่จะพูดว่าคริสตัลที่ได้รับการสกัดออกมาจากหัวใจมอนสเตอร์คิดเป็น 50% ของรายได้ฮันเตอร์

แต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่มอนสเตอร์ทั้งหมดจะต้องมีคริสตัลอีเทอร์ภายในมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ซอนยองไม่เข้าใจคำพูดของซอดัมในทันที

“มันไม่ใช่มอนสเตอร์แต่มันเป็น ‘มนุษย์ที่กลายพันธ์’”

สังคมที่พวกยอดมนุษย์มีได้กลายมาเป็นตัวตนในระดับสากล

ตอนนี้แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็ยังมีพรสวรรค์และถ้าพวกเขาเหล่านั้นสามารถที่จะได้รับการศึกษาที่วิทยาลัยของเหล่ายอดมนุษย์ได้

ในขณะที่ระดับคุณภาพการศึกษาของพวกยอดมนุษย์ได้เพิ่มขึ้น สัดส่วนของคนพวกนั้นที่ได้รับประสบการณ์มานาเป็นพิษก็ได้ลดลงอย่างเป็นธรรมชาติดังนั้นแล้วในทุกวันนี้มีฮันเตอร์บางคนด้วยซ้ำที่ไม่เคยได้ยินคำว่า ‘มานาเป็นพิษ’

“ถ้าคุณไม่เชื่อฉันหละก็งั้น…เฮ้ คิมจีแท”

“ครับ!”

“ลงไปที่สถานีใต้ดินและหิ้วร่างไอ้พวกตูดหมึกทั้ง 5 คนขึ้นมาสิ”

“น-นี่…”

แล้วคิดจีแทก็เริ่มที่จะเหงื่อแตกออกโดยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลยสักคำซอนยองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เช่นกัน

ในพวกเขาทั้งห้าคนต้องมีอย่างน้อยที่สุดหนึ่งคน

ถ้าหนึ่งในเลือดของฮันเตอร์เหล่านั้นได้ถูกวิเคราะห์และมานาเป็นพิษได้รับการตรวจจับ

ถ้าเป็นเช่นนั้นทุกอย่างที่ซอดัมพูดจะเป็นความจริง

‘แต่ทำไมเขาถึงต้องการที่จะซ่อนความจริงด้วยหละ?’

มันชัดเจนที่มันจะเป็นที่น่าอับอายสำหรับคนที่มานาเป็นพิษที่จะมาจากกิลด์แต่ซอดัมและซอนยองไม่เข้าใจว่าทำไมคิดจีแทต้องรู้สึกอับอายด้วย

ในตอนที่ฉันกำลังพยายามที่จะถามเขา เหล่านักวิจัยในชุดคลุมสีขาวและชายในชุดสูทก็เข้ามาและบล็อกฉันจากด้านหน้า

“ร่างกายเหล่านี้จะได้รับการตรวจสอบโดยพวกเราแล้วจึงส่งคืนครอบครัวของพวกเขาดังนั้นไม่ต้องกังวลและพักได้แล้วครับ”

“อ้า อะไรนะ โอเค”

ซอดัมผงกหัวของเขาลงและเช็คไปตราบนไหลของพวกเขา

แล้วเขาก็ขมวดคิ้ว

“บริษัทเภสัชกรรมคิเนติก?”

มันเป็นชื่อที่คุ้นเคย

จากอะไรก็ตามที่ฉันจำได้มันเป็นบริษัทที่ตายไปแล้วอย่างชัดเจนแต่มันไม่คิดเลยว่าจะได้มันพวกเขาอีกทีที่นี้ในตอนนี้

ฉันมองไปที่พวกเขาที่กำลังเร่งรีบทำความสะอาดร่างกายของฮันเตอร์เหล่านั้นแล้วถามคิมจีแท

“เฮ้ พวกเขาดูแลเรื่องการทำความสะอาดพื้นที่สำหรับลอสเดย์ใช่ไหม?”

เมื่อฉันถามคิมจีแท เขาเหงื่อตกและพยักหน้า

“อ้า ใช่เพื่อคุณภาพชีวิตของฮันเตอร์ที่ดีขึ้นพวกเขาดูแลร่างของมอนสเตอร์หลังจากที่มันถูกล่าแล้ว”

ในเวลาเดียวกันที่คิมจีแทกำลังถามว่าเขาจะต้องถูกส่งไปรับการลงโทษจากทางกองทัพหรือป่าว

“มันแปลก ในทันทีที่ฉันออกจากกิลด์พวกเขาก็ร่วมมือกับคนพวกนั้น”

ซอดัมมีความประทับใจแย่ ๆ กับบริษัทเภสัชกรรมคิเนติก

ในทันทีที่ฉันถูกเตะออกจากกิลด์ มันชัดเจนเลยที่ลอสเดต์ได้ดูดกลืนบริษัทเภสัชกรรมคิเนติกเหมือนกับว่ามันรอให้ฉันโดนเตะโด่งออกไป นี่มันทำให้ฉันได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาเลย

แต่มันไม่มีอะไรที่ฉันสามารถค้นหาได้ในตอนนี้ดังนั้นแล้วฉันจึงได้ดึงสติตัวเองกลับมา

ฉันไม่คิดว่าทุก ๆ สิ่งเหล่านี้ฉันจะสามารถจัดการกับมันได้เพราะยังไงซะฉันมันก็เป็นแค่แรงค์ F ในตอนนี้ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม

มองไปที่ยางซอนยองคนที่มองมาที่ฉันด้วยตาที่เป็นกำลังประกาย ฉันถาม

“ถ้างั้นแล้วฉันไปได้แล้วใช่ไหม”

“ด-ได้ค่ะ? แน่นอนค่ะ ตอนนี้พวกเราได้รับข้อมูลของคุณแล้วเราจะดำเนินการดำเนินกระบวนการจ่ายทรัพย์สินที่ได้รับค่ะ”

“โอเค ขอให้เป็นวันที่ดีนะ”

“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักนะคะ”

ซอดัมพยักหน้าตอบ ยางซอนยองแสดงวันทยาหัต์ให้ด้วยความชื่นชม

คิมจีแทกลืนน้ำลาย

มันเป็นเพราะว่าในท้ายที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าฮันเตอร์แรงค์ F คนที่เคยได้รับการละเลย นั้นมีค่าพอที่จะได้รับวันทยาหัตถ์จากฮันเตอร์แรงค์ A

ซอดัมคนที่มีร่องรอยแห่งความสุขปรากฎขึ้นที่หน้าของเขา ทันใดนั้นก็ได้เข้าหาคิมจีแทที่กำลังลังเลอยู่และตบไปที่หลังของเขาอย่างแรง

ปาบ!

“เอื้อก!”

“ตั้งแต่นี้ไปอย่าได้ใช่ชีวิตแบบเลื่อนลอยอีกและทำงานให้หนักขึ้น เข้าใจไหม?”

“ค-ครับ? ได้ครับผม”

“ดี งั้นฉันไปแล้วนะ”

กับคิมจีแทคนที่พฤติกรรมได้เปลี่ยนไปแบบ 180 องศาในตอนที่ยูซอดัมได้จากไป

…กลับไปในจุดที่เกิดอุบัติเหตุที่สถานีรถไฟใต้ติน

“แย่มาก สถานีรถไฟใต้ดินถูกทุบทำลายทั้งหมดเลย”

มองไปที่ภาพเบื้องหน้าในทีสุดเขาก็เดินออกมากและเรียกแท็กซี่

“มันเป็นปกติใช่ไหมที่แรงค์ F จะล่ามอนสเตอร์แรงค์ B คนเดียว?”

ยางซอนยองส่ายหน้าให้กับเขา

“แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องซะทีเดียว…แต่ถ้าคุณสวมใส่อุปกรณ์ราคาแพงมันก็จะเป็นเรื่องที่ต่างออกไป…”

แต่เขาตัวเปล่าปราศจากอุปกรณ์สวมใส่สักกะชิ้นเดียว

“มันเป็นไปได้ยากมากไม่ใช่แค่ในเมืองของเราเท่าแต่ในต่างประเทศก็เหมือนกัน”

และในวันถัดมา เหมือนอย่างที่ซอนยองคาดไว้ คลิปวีดีโอได้หลุดกระจายไปในโซเชียลเน็ตเวิร์ค