บทที่ 135 การคำนวณที่ดี

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ตอนที่ 135 การคำนวณที่ดี

ตอนที่ 135 การคำนวณที่ดี

เมื่อคนอื่นดีกับตนเอง ตนเองก็ควรดีกับคนอื่นเป็นเท่าตัว

หากคนอื่นปฏิบัติต่อตนเองไม่ดี กู้เสี่ยวหวานก็เชื่อว่าตนไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกใด ๆ ต่อบุคคลเหล่านี้

กู้เสี่ยวหวานมองซุนซื่ออย่างเคร่งขรึมราวกับต้องการมองผ่านดวงตาของซุนซื่อเพื่อค้นหาเจตนาที่ซ่อนอยู่ ดวงตาสดใสนั้นดูคล้ายมีดอันแหลมคม ทำให้ซุนซื่อกลัวจนไม่กล้ามองอีกครั้ง

ซุนซื่อตกใจกับสายตาของสาวน้อยคนนี้และรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย นางจึงละสายตามองไปที่อื่นอย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวหวาน ครั้งนี้ข้ามาเพื่อคุยกับเจ้า……” ซุนซื่อพูดอย่างใจเย็น

“คราวนี้ข้ากลับไปเยี่ยมบ้านแม่ในช่วงปีใหม่ และมีลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ไกล ครอบครัวนี้รวยจริง ๆ มีทุ่งนา ที่ดิน และคนใช้ เหอะ เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่เป็นผ้าไหมและผ้าแพรทั้งหมด อีกทั้งเครื่องประดับของพวกเขาล้วนเป็นทองและหยก……” ซุนซื่อแสดงความอิจฉา ไม่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องที่หน้าตาธรรมดาจะมีชีวิตคู่จะดีขนาดนี้ แต่เมื่อคิดว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้มีเงิน แต่กลับเป็นเพียงไก่ที่ไม่ได้วางไข่ นางก็รู้สึกหยิ่งผยองอีกครั้ง

“ครอบครัวนี้ร่ำรวยนัก โอ้ แต่น่าเสียดายที่ฝ่ายชายเสียชีวิตไปก่อนและพวกเขาก็ไม่ได้มีลูกชายหรือลูกสาว ลูกพี่ลูกน้องของข้าจึงเป็นห่วงกลัวว่าทรัพย์สินมหาศาลของครอบครัวจะตกไปอยู่ในมือของคนนอก” ซุนซื่อกล่าวต่อ “นอกจากตัวนางในครอบครัวใหญ่นี้แล้วก็ไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ ที่จะพูดคุยให้อบอุ่นใจ เฮ้อ ช่างทุกข์ทรมาน……” ซุนซื่อกล่าวอย่างเสแสร้งราวกับว่านางสงสารลูกพี่ลูกน้องจริง ๆ น้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานมองดูการแสดงของซุนซื่ออย่างเฉยเมยและรู้สึกเย็นชาในใจ

นางกำลังวิเคราะห์คำพูดของซุนซื่ออยู่ในใจว่าสิ่งที่นางพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร ทันใดนั้นกู้เสี่ยวหวานก็นึกถึงบางสิ่งพร้อมกับสายตาที่ดุดันขึ้น

ซุนซื่อหยุดสักครู่แล้วพูดต่อ “เสี่ยวหวาน ข้าเห็นว่าเจ้าทำงานหนักเกินไป เป็นทั้งพ่อและแม่ มองดูตัวเองสิ ปีนี้เจ้าอายุแปดขวบแล้ว และในพริบตาก็จะกลายเป็นเด็กสาว เจ้าก็ต้องแต่งงานแล้วใช่ไหม ถ้าแต่งงานโดยไม่มีสินสอดทองหมั้นก็ไม่ได้ใช่หรือไม่? นอกจากนี้ยังมีน้องสาวของเจ้าที่จะแต่งงานในอนาคตอีกใช่หรือไม่? แต่ดูครอบครัวของเจ้าสิ ถ้าไม่มีเงินและไม่มีผู้ใหญ่แล้วจะไปหาเงินมาจากไหน? เสี่ยวหวาน ข้าจะบอกเจ้าว่า หากสตรีจะแต่งงานแล้วมีสินเดิมไม่มากพอ ครอบครัวของฝ่ายชายก็จะไม่มีความสุข และครอบครัวของพวกเขาก็จะดูถูกเจ้า!”

กู้เสี่ยวหวานฟังอยู่พักหนึ่ง ในหัวซุนซื่อคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่? นางมีอายุแค่แปดขวบเอง ถ้าเป็นชาติที่แล้วตนคงอยู่แค่ชั้นประถมศึกษาปีที่สามเท่านั้น! อายุเท่านี้สามารถแต่งงานได้แล้วหรือ?

ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานสงบ แต่ในใจได้ก่นด่าซุนซื่อหลายครั้งแล้ว

หากเป็นในยุคนี้ คำพูดของซุนซื่อก็ไม่ผิด ทุกวันนี้สตรีหลายคนแต่งงานกันตอนอายุสิบสองหรือสิบสามปี กู้เสี่ยวหวานที่อายุแปดขวบในปีนี้อีกพริบตาเดียวก็คงต้องแต่งงาน

ซุนซื่อคิดว่านางกำลังกำจุดอ่อนของกู้เสี่ยวหวานไว้ได้และคิดว่าเด็กหญิงทุกคนต้องการสินเดิมมหาศาลเพื่อรอแต่งงานกับบุรุษที่ดี แต่หารู้ไม่ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ซุนซื่อโยนเหยื่อผิด กู้เสี่ยวอี้และกู้เสี่ยวหวานไม่ได้รีบร้อน อีกทั้งกู้เสี่ยวหวานยังเป็นสตรียุคใหม่ด้วย นางในอีกโลกหนึ่งมีฐานะมั่งคั่งอยู่แล้ว สิ่งที่นางต้องทำคือเตรียมสินเดิมไว้สำหรับกู้เสี่ยวอี้ในอนาคต คาดว่าซุนซื่อที่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดคงจะคิดไม่ถึง

เมื่อเห็นสีหน้าของกู้เสี่ยวหวาน ซุนซื่อก็คิดว่านางกำลังแทงใจดำของกู้เสี่ยวหวานจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจและโยนเหยื่อที่ใหญ่กว่าทันที “เสี่ยวหวาน ข้าบอกลูกพี่ลูกน้องของข้าเกี่ยวกับครอบครัวของเจ้าแล้ว ลูกพี่ลูกน้องของข้าสงสารเจ้ามาก ช่างน่าสงสารนักที่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ต้องเลี้ยงน้องชายน้องสาวสามคนไหว ลูกพี่ลูกน้องของข้าก็ใจดีและมีเมตตาเช่นกัน คราวนี้นางบอกข้าว่าจะให้เงินสามร้อยตำลึงเงินเป็นสินสอดทองหมั้นสำหรับการแต่งงานของเจ้าและการแต่งงานของเสี่ยวอี้ในอนาคต ถือเสียว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนาง”

เงินสามร้อยตำลึงเงิน ตอนที่ซุนซื่อพูด นางถึงกับพูดไม่ออก ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ใจดีและร่ำรวยมาก เงินสามร้อยตำลึงนี้ เมื่อคิดว่าหลังจบงานแล้วจะได้ค่าทำธุระหนึ่งร้อยตำลึง หัวใจของซุนซื่อก็เบิกบานเป็นอย่างมาก

เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินนี้เพียงพอที่จะซื้อบ้านดี ๆ สักหลังในเมืองได้ เมื่อคิดว่าในอนาคตนางจะได้อยู่ในบ้านหลังใหญ่ หัวใจของซุนซื่อก็เบิกบานยิ่งขึ้นไปอีก

“โอ้?” กู้เสี่ยวหว่านแสร้งทำเป็นสนใจมาก มุมปากผุดรอยยิ้มขณะกล่าวว่า “มีอะไรดี ๆ อย่างนั้นหรือเจ้าคะ? ”

“มีแน่นอน เสี่ยวหวาน ครั้งนี้เจ้าได้ขึ้นสวรรค์แล้ว!” ครั้นซุนซื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานสนใจก็รู้สึกราวกับมีดอกไม้ผลิบานในใจของนาง ดูเหมือนว่านางคงจะได้เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินนั่นจริง ๆ เมื่อนึกถึงเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินที่บินเข้าไปในกระเป๋าและคฤหาสน์หลังใหญ่ในเมืองที่กำลังโบกมือให้ตนเองอยู่ ในใจของซุนซื่อก็เบ่งบาน

แต่นางกลับไม่เห็นแววตาของกู้เสี่ยวหวานที่เย็นเยียบลงเรื่อย ๆ ราวกับว่ามีมีดน้ำแข็งอยู่ในนั้น และอยากจะกรีดมันลงไปที่ซุนซื่อ

จากคำพูดของซุนซื่อ ถ้ากู้เสี่ยวหวานยังไม่เข้าใจความหมายของมันอีก นางก็คงเสียชาติเกิดทั้งสองชาติจริง ๆ

ซุนซื่อไม่ได้คิดถึงกู้เสี่ยวหวานเลย ในตอนนี้นางกำลังยินดีกับเงินหนึ่งร้อยตำลึงที่กำลังจะได้ จึงไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มของกู้เสี่ยวหวานแต่อย่างใด “ลูกพี่ลูกน้องของข้าที่อยู่ห่างไกลไม่มีลูก การอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่แบบนี้ช่างเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างจริง ๆ คราวนี้ที่ข้ากลับบ้านแม่ นางก็บอกว่าเหงาและอยากจะรับเลี้ยงเด็กผู้ชายสักคน หากเจ้ามีปัญหาในครอบครัว เจ้าก็สามารถส่งพวกเขามาได้ ต่อมาเมื่อข้าบอกว่ามีเด็กแฝด ครอบครัวยากจน และไม่สามารถเลี้ยงดูได้ ลูกพี่ลูกน้องของข้าจึงสนใจเป็นพิเศษ โดยบอกว่านางจะรับเลี้ยงและเลี้ยงดูพวกเขาเป็นลูกของตนเอง”

ท่าทางของกู้เสี่ยวหวานเริ่มเย็นชาลงเรื่อย ๆ ในขณะนี้ดวงตาสีดำคู่หนึ่งที่บริสุทธิ์ราวกับน้ำกำลังจะลุกเป็นไฟ ซุนซื่อพูดเองเออเอง แต่ไม่เห็นเลยว่ามือของกู้เสี่ยวหวานกำลังกำแน่นราวกับว่าจะทุบตีซุนซื่อเมื่อใดก็ได้

“เสี่ยวหวาน ลูกพี่ลูกน้องของข้าใจดีและมีทรัพย์สมบัติมากมาย เจ้าไม่รู้หรอกว่านางมีรายได้เท่าใด โอ้ เดาว่าเจ้าคงไม่รู้ว่าบ้านของนางมีห้องสักกี่ห้อง? บอกเลยว่าบ้านอันใหญ่โตและโอ่อ่านั่น หึ ๆ บ้านหลังนั้นยังมีคนรับใช้มากมายจนนับไม่ไหว ทั้งปัดกวาดเช็ดถู ทำอาหาร หวีผม และแต่งตัว เป็นครอบครัวตัวอย่างที่ดีทีเดียว ให้ข้าบอกเจ้าก็ได้ว่าหากสองพี่น้องหนิงอันไปที่นั่น พวกเขาจะเป็นคุณชาย พวกเขาจะได้กินหอมและดื่มเผ็ด* มีเสื้อผ้าอาภรณ์งดงามทั้งผ้าไหมผ้าแพร**ไว้สวมใส่และได้กินอาหารเลิศรสอย่างมีความสุข! ฮ่า ๆ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

*กินหอมและดื่มเผ็ด เป็นสำนวนจีน หมายถึง การบรรยายชีวิตอันร่ำรวยที่กินและดื่มตามใจชอบ

**เครื่องแต่งกายที่ดีที่สุด หรือเครื่องแต่งกายราคาแพง

สารจากผู้แปล

ในเมื่อดีขนาดนั้นทำไมไม่ส่งลูกตัวเองไปให้เขาเลี้ยงฮึนังซุนซื่อ เสี่ยวหวานรู้ทันหรอกน่า

ไหหม่า(海馬)