บทที่ 134 ซุนซื่อไปเยี่ยม

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ตอนที่ 134 ซุนซื่อไปเยี่ยม

ตอนที่ 134 ซุนซื่อไปเยี่ยม

เมื่อเห็นพี่สาวมีท่าทางกลุ้มใจ กู้หนิงผิงก็เกาท้ายทอยอย่างเขินอายและพูดอย่างสลดใจว่า “ท่านพี่ เป็นเพราะข้าไม่ได้ฝึกให้ดีเองขอรับ”

“ไม่เป็นไร ถ้ายังฝึกได้ไม่ดีก็ฝึกต่อไปนะ!” กู้เสี่ยวหวานคิดอย่างถี่ถ้วน ในคู่แฝดตามปกติแล้วจะต้องมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนเสมอ

กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจจริง ๆ แค่ขอให้กู้หนิงผิงพยายามต่อไป

ในใจของกู้หนิงผิงไม่ได้ใฝ่เรียนรู้จริง ๆ แต่เมื่อได้เห็นท่าทางคาดหวังของกู้เสี่ยวหวาน จึงรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้พี่สาวทั้งโกรธและเศร้า ดังนั้นเขาจึงต้องก้มหน้าก้มตาฝึกคัดลายมือต่อไป

วันถัดไป

ทันทีที่รุ่งสาง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่บ้านของกู้เสี่ยวหวาน

“ปัง …… ปัง ……”

กู้เสี่ยวหวานยังคงนอนอยู่บนเตียง ใครกันที่มาหาในเวลาเช้าขนาดนี้?

นางจึงสวมเสื้อผ้าและเงี่ยหูฟังว่าใครกำลังมา

“เสี่ยวหวาน เจ้าอยู่หรือเปล่า?”

“ป้าใหญ่ ……” กู้หนิงอันตื่นนอนแล้วหลังได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านเมื่อสักครู่ คราวนี้เขาได้ยินเสียงคนพูดและลุกขึ้นทันที

กู้หนิงผิงก็ได้ยินเช่นกัน และพูดอย่างโกรธเคือง “เขามาทำอะไรที่นี่แต่เช้าตรู่!”

“ช่างเถอะ ข้าจะไปดูเอง! ”

เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากกู้เสี่ยวหวาน คนข้างนอกดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ มือที่เคาะประตูเริ่มหนักขึ้นและดังขึ้น “เสี่ยวหวาน รีบเปิดประตูเร็ว นี่ป้าใหญ่ของเจ้าเอง!”

กู้เสี่ยวหวานสวมเสื้อผ้าอย่างไม่เร่งรีบ กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงไม่ได้นอนอีกต่อไปและลุกขึ้นด้วย หลังจากที่เด็ก ๆ แต่งตัวเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวหวานจึงไปเปิดประตู

คนที่เคาะประตูข้างนอกกำลังโกรธจัด และแรงเคาะที่ประตูก็แรงขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อเห็นซุนซื่อยืนอยู่ข้างนอก กู้เสี่ยวหวานก็พูดอย่างโกรธเคือง “ป้าใหญ่ หากท่านเคาะแรงกว่านี้ ท่านคงต้องเปลี่ยนประตูใหม่ให้ข้าเสียแล้ว”

ซุนซื่อไม่คิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะพูดคำเหล่านี้จึงมีท่าทางเก้อเขินเล็กน้อย เมื่อครู่นางตบประตูแรงขึ้นเล็กน้อย และแรงตบนั้นก็ทำให้มือเจ็บ นางลอบกุมมือที่กำลังเจ็บปวดขณะยิ้มให้กู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานออกมาที่ด้านนอกของลานบ้านและมองไปยังซุนซื่อที่สูงกว่าประตูด้านนอกครึ่งคน แต่กู้เสี่ยวหวานกลับไม่คิดที่จะเปิดให้นางเข้ามา

“มีอะไรหรือไม่เจ้าคะ?” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างเย็นชา

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังคุยกับนางข้ามประตูรั้วโดยไม่คิดจะต้อนรับ ซุนซื่อก็รู้สึกกังวลจนเอ่ยกระตุ้น “เสี่ยวหวาน รีบเปิดประตูให้ข้าเร็ว!”

“ข้าต้องขอโทษด้วย น้องชายของข้ายังคงพักผ่อนอยู่” กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธ

“ป้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจ้า !” ซุนซื่อพูดอย่างระมัดระวัง “เป็นเรื่องที่เจ้าต้องชอบ”

ซุนซื่อคิดว่าการโยนเหยื่อล่อแบบนี้จะทำให้กู้เสี่ยวหวานเปิดประตูได้ แต่คาดไม่ถึงว่ากู้เสี่ยวหวานกลับไม่สนใจในสิ่งที่นางบอกว่าชอบเลย อีกทั้งยังคงมีท่าทีเย็นชา “ป้าใหญ่ ท่านมีอะไรก็พูดมาเถิด”

“เหอะ เสี่ยวหวาน กลัวข้าจะเห็นสมบัติในบ้านเจ้าหรือ?” ซุนซื่อถามอย่างโกรธเคืองเมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยังคงยืนกราน

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”

“ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมถึงเข้าไปคุยในบ้านไม่ได้!” เมื่อซุนซื่อคิดว่ากู้เสี่ยวหวานซื้อข้าวขาวและแป้งมามากมาย นางก็อยากเห็นเหลือเกินว่ามีของดีอะไรซ่อนอยู่ในบ้านของกู้เสี่ยวหวานบ้าง

และเด็กสองคนนั้น ตอนนี้พวกเขาเป็นเพียงแท่งเงินสองแท่ง

“ป้าใหญ่ ถ้าท่านมีเรื่องจะพูดจริง ๆ ก็แค่พูดตรงนี้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ลาก่อนเจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวหวานยังคงมีท่าทางมั่นใจ เมื่อเห็นซุนซื่อยืนทื่อและพูดอะไรไม่ออก นางก็ไม่สนใจที่จะรู้และต้องการจะไล่ซุนซื่อออกไปอย่างเย็นชา

“อย่า อย่า ……” เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานหันหลังและกำลังจะเดินไป ซุนซื่อก็กังวลเล็กน้อย “นี่ ข้าจะพูดตรงนี้แหละ เฮ้ ……”

“เสี่ยวหวาน พ่อแม่ของเจ้าจากไปหลายปีแล้ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เจ้าเป็นทั้งพี่สาว เป็นพ่อ เป็นแม่ เจ้าคงลำบากน่าดู ดูเจ้าสิ ผอมเหมือนลำไม้ไผ่” หลังจากที่ซุนซือพูดจบ นางก็ดูจะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวหวาน และหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับหัวตาแสร้งว่ารู้สึกเสียใจกับกู้เสี่ยวหวานจนหลั่งน้ำตาตีหน้าเศร้า

กู้เสี่ยวหวานมองดูซุนซื่อรำพึงอย่างเย็นชา และอยากรู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการจะพูดอะไรกับตัวเอง

“เสี่ยวหวาน ข้ารักเจ้ามากนะ ส่วนครั้งที่แล้วเป็นเพราะซินเถาคนนั้นงี่เง่าเอง เจ้าอย่าไปใส่ใจเลย!”

กู้เสี่ยวหวานมองนางโดยไม่พูดหรือแสดงอารมณ์

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้พูด ซุนซื่อจึงกล่าวต่อว่า “หลายปีมานี้คงลำบากเจ้าน่าดู หากพ่อแม่เห็นเจ้าทำงานหนักมากก็คงยากที่จะรู้สึกสบายใจ” การแสดงของซุนซื่อนับว่าดีมาก แค่จะร้องไห้ น้ำตาก็ไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก สั่งให้เปิดก็เปิด!

กู้เสี่ยวหวานมองดูท่าทางบูดบึ้งของซุนซื่อและรู้สึกรังเกียจเล็กน้อยในใจของเจ้า ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าใจเจ้าคิดอะไรอยู่ถึงมาที่นี่เพื่อแสร้งทำเป็นใจดี

กู้เสี่ยวหวานใจร้อนเล็กน้อย แต่จิตใจของนางมีความเข้มแข็งสูง นางไม่เคยเจอผู้หญิงเช่นนี้มาก่อนจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับซุนซื่อ

“ป้าใหญ่ ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาตรง ๆ เลย เวลานี้ก็เช้าแล้ว ถ้าคนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นเข้า เขาอาจจะคิดว่าข้ารังแกท่าน!” กู้เสี่ยวหวานกึ่งล้อเล่นและกึ่งขู่ “และวันนี้ยังเป็นวันส่งท้ายปีเก่าอยู่นะเจ้าคะ ถ้าป้า …… มาร้องไห้หน้าบ้านข้าแบบนี้คงไม่ดีแน่!”

กู้เสี่ยวหวานพูดถูก การที่ผู้ใหญ่มาร้องไห้หน้าประตูบ้านและมันยังอยู่ในช่วงปีใหม่คงจะเป็นเรื่องโชคร้ายแน่ กู้เสี่ยวหวานจึงอยากจะรีบเร่งผู้หญิงคนนี้ให้ออกไป

ซุนซื่อเองก็รู้ดีว่าตนอายุขนาดนี้และยังมาร้องไห้ต่อหน้าหลานสาว ถ้าคนอื่นเห็นคงคิดไปกันใหญ่ นางก็เข้าใจถึงหัวอกตนเช่นกัน จึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาพลางครุ่นคิดในใจ ดูเหมือนว่ากู้เสี่ยวหวานคนนี้จะบ้าไปแล้วจริง ๆ ฟังคำพูดของนางแล้ว ถ้าไม่รีบพูดให้จบนางก็คงจะทำอะไรบางอย่าง

ซุนซื่อปาดน้ำตาออกลวก ๆ และหยุดเดินวนเป็นวงกลม แต่ดวงตาของยังคงเศร้าสลดและมีความกังวล หากไม่รู้ความจริง คงคิดว่าซุนซื่อห่วงใยและเห็นอกเห็นใจเด็กเหล่านี้เป็นอย่างมาก

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพี่น้องครอบครัวกู้เผชิญความโศกเศร้าและความพ่ายแพ้ บ่อยครั้งที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานโดยไม่มีสตรีคนไหนที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือ อาจกล่าวได้ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่มีความรู้สึกอะไรต่อซุนซื่อเลยสักนิดเดียว

เดิมทีที่กู้เสี่ยวหวานมาที่นี่ ซุนซื่อก็ทั้งใจดำและใจร้าย และไม่สนใจน้อง ๆ ของกู้เสี่ยวหวานเลย

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มาเยี่ยมเพราะจะขโมยของในบ้านเขาล่ะสิ เสี่ยวหวานรู้ทันหรอก

ไหหม่า(海馬)