บทที่ 146 สวมบทบาท

บทที่ 146 สวมบทบาท

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าในระบบมีของดีอยู่ไม่น้อย ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นสิ่งที่สามารถช่วยพัฒนาทักษะด้านการแสดงของเธอได้ ซูโย่วอี๋ก็ไม่สนใจล้างจานอีกต่อไป “นายเจออะไรเหรอ?”

สุนัขจิ้งจอกเชิดหน้าขึ้นด้วยความเย่อหยิ่ง [ไม่มีอะไร]

ใครให้คุณเอาข้าวของฉันไปกัน!

ซูโย่วอี๋ยิ้มขึ้น [พี่ใหญ่ ฉันผิดไปแล้ว คนที่มีอำนาจมากมายอย่างท่านอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับฉันเลย ตกลงไหม?]

“ก็แค่ข้าวมื้อหนึ่งเอง? ข้าวเย็นวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย รอให้ฉันได้บทนั้นแล้ว ฉันจะทำกับข้าวมื้อใหญ่ให้นายโดยเฉพาะเลย”

สุนัขจิ้งจอกปลื้มใจกับคำชื่นชมและข้อหลอกล่อของหญิงสาว [ก็ได้]

ซูโย่วอี๋ถามขึ้น “ตอนนี้ก็บอกฉันมาได้แล้วว่าตกลงนายไปเจออะไรมา?”

สุนัขจิ้งจอกโบกอุ้งเท้าหน้าขึ้น และทั้งสองก็เข้าไปยังพื้นที่ของระบบ

ซูโย่วอี๋คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าเป็นพื้นที่ฮอโลแกรมสำหรับการฝึกประจำวันเหรอ?

มันพาเธอมาที่นี่ทำไมกัน?

สุนัขจิ้งจอกเห็นท่าทางของเธอที่ดูไม่เข้าใจ [การใช้งานพื้นที่ฮอโลแกรมไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คุณเห็น มันยังมีฟังก์ชันอันยอดเยี่ยมอยู่ด้วย เรียกว่าการสวมบทบาท]

การสวมบทบาท?

ซูโย่วอี๋เอียงหัวมองไปยังสุนัขจิ้งจอก “ลองอธิบายให้ฟังหน่อยสิ?”

คราวนี้สุนัขจิ้งจอกไม่ได้เอะใจอะไร [คุณเคยเล่นเกมสวมบทบาทในชีวิตจริงไหม? เช่นเข้าวังไปเป็นสนม เพื่อลองดูว่าคุณจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงกี่ตอน? คุณยังสามารถเลือกตัวตนได้ด้วย เช่นสตรีในราชสำนักหรือเป็นสนมเอก]

ซูโย่วอี๋มึนงง สำหรับคนที่ไม่เล่นเกม แค่เห็นป้ายโฆษณาเกมประเภทนี้ก็คงเลื่อนทิ้งไปแล้ว

“ทั้งสองอันนี้เกี่ยวข้องกันด้วยเหรอ?”

สุนัขจิ้งจอกตอบกลับอย่างหงุดหงิด [แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกัน คุณดูดี ๆ นะ การสวมบทบาทในระบบดีกว่าในเกมพวกนั้นมาก]

สุนัขจิ้งจอกดึงแผงอิเล็กทรอนิกส์ออกมา หลังจากเลื่อนไปหลายหน้าก็เลือกสวมบทบาทในรายการตัวเลือก

ระบบส่งเสียงแจ้งเตือนขึ้น :

[กรุณาใส่บทละคร]

สุนัขจิ้งจอกหยิบโทรศัพท์ของซูโย่วอี๋ขึ้นมา เปิดไปยังหน้าการเผยแพร่ของนิยายเรื่องรักในฝัน

[กำลังนำเข้าบทละคร]

ไม่ถึงสองวินาที

ติ๊ง!

[นำเข้าบทละคร ‘รักในฝัน’ สำเร็จ ต้องการเริ่มสวมบทบาทตอนนี้หรือไม่?]

สุนัขจิ้งจอกมองไปยังซู่จู่แป๊บหนึ่ง ซูโย่วอี๋รีบกดปุ่ม [ใช่] ในทันที

[เชิญเลือกตอนที่ต้องการสวมบทบาท]

โครงเรื่องในนิยายถูกแบ่งเป็นส่วน ๆ บนหน้าระบบ ตอนบ่ายซูโย่วอี๋ฝึกซ้อมตอนที่ฮั่วเสวียนพบกับหลี่จื้อครั้งแรก นั่นคือส่วนหนึ่งของตอนในนั้น

และกดเข้าไปโดยไม่ลังเลใน [พบกันครั้งแรก]

[เชิญเลือกบทบาทที่ต้องการ ‘ฮั่วเสวียน’ ‘หลี่จื้อ’ ‘ผู้ใต้บังคับบัญชา A’ ‘ผู้ใต้บังคับบัญชา B’ … ‘ผู้ใต้บังคับบัญชา M’ ‘เจ้าของโรงน้ำชา’ ‘คนรับใช้ของหลี่จื้อ’ ‘คนรับใช้อีกคน’]

ซูโย่วอี๋ลองนับดู ทั้งหมดมี 24 บทบาท สามารถเล่นได้ทั้งบทนำหรือบทตัวประกอบ มีแม้กระทั่งบทคนเดินไปมา

หลังจากที่เธอเลือกบทฮั่วเสวียน ระบบก็แจ้งเตือนขึ้น [กำลังวิเคราะห์ฉาก]

[กำลังจัดระเบียบใหม่]

[สร้างฉากเสร็จสมบูรณ์]

พื้นที่ฮอโลแกรมที่เป็นกระจกทั้งสี่ด้านเมื่อกี้นี้ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ซูโย่วอี๋ปรากฏตัวขึ้นภายในกระโจมที่มีผู้ชายหลายคนนั่งคุยกันอยู่

และเธอ ซูโย่วอี๋ นั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าตรงกลาง

“ได้ยินมาว่าครั้งนี้ผู้ที่มาคือองค์รัชทายาทลำดับที่สี่แห่งองค์จักรพรรดิ เขาเป็นเพียงนักวิชาการผู้อ่อนแอ ไม่มีความสามารถด้านการทหารและการต่อสู้มาก่อน”

ซูโย่วอี๋ยังไม่เข้าใจในสถานการณ์ แต่จู่ ๆ อีกคนหนึ่งก็หัวเราะขึ้น “ชุยดาบเดียว คนหยาบคายเยี่ยงเจ้าช่างไม่รู้อะไรเสียเลย คนของราชวงศ์เป็นตัวแทนขวัญกำลังใจ จะต่อสู้เป็นหรือไม่นั้นไม่สำคัญ”

ชุยดาบเดียว?

หรือนี่จะเป็นนายพลหมายเลขหนึ่งของฮั่วเสวียนในเรื่องรักในฝันผู้ที่สามารถสังหารศัตรูได้ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว ผู้คนจึงพากันเรียกเขาว่าชุยดาบเดียว

นี่เธอเข้ามาในฉากของนิยายจริง ๆ งั้นเหรอ?

ซูโย่วอี๋ไม่อยากจะเชื่อ ตรงหน้าเธอมีตำรารูปแบบการทำสงครามที่อยู่บนโต๊ะและรายงานทางการทหารที่ถูกส่งกลับมา เธอมึนงงจนต้องตีลงที่หัวของตัวเอง โอ๊ย นี่มันเหมือนจริงมากเกินไปแล้ว

ตอนนี้เธอคือฮั่วเสวียน!

ระบบยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!

ชุยดาบเดียวมองซูโย่วอี๋ที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรแต่ก็ตีตัวเองเสียอย่างนั้น และพูดขึ้นด้วยเสียงอันทรงพลัง “ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

ซูโย่วอี๋มองไปยังชุยดาบเดียว คำอธิบายของเขาในนิยายคือ เขาเป็นคนตัวใหญ่ หนวดเคราเฟิ้ม บนศีรษะมีผ้าโพกสีขาวผูกไว้บนนั้นตลอดเวลา ทำให้รู้สึกถึงความกล้าหาญที่ไม่ได้ยึดติดกับสิ่งใด

ดูไปแล้วเขาเหมือนต้นฉบับมากจริง ๆ

แต่ท่าทางของซูโย่วอี๋กลับดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ “ข้าตบยุงน่ะ”

ใบหน้าของชุยดาบเดียวดูมึนงง “ฤดูหนาว จะมียุงได้อย่างไร?”

ซูโย่วอี๋เหมือนอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ได้ยินระบบเตือนขึ้น

[การแสดงออกของซู่จู่ไม่เหมาะสมกับบทบาทของฮั่วเสวียน หัก 3 คะแนน]

!

มีการหักคะแนนด้วยเหรอ?

ซูโย่วอี๋คร่ำครวญในใจ การสวมบทบาทเป็นฮั่วเสวียนจะต้องแนบเนียนแบบที่ควรจะเป็น แม้ในนิยายจะไม่มีการเขียนถึงรายละเอียดเอาไว้แต่ต้องสวมบทบาทในระบบให้ได้

เหมือนเมื่อครู่นี้ที่ในนิยายได้อธิบายเอาไว้ว่าฮั่วเสวียนนำผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปพบกับหลี่จื้อ แต่ตอนนี้ฮั่วเสวียนกลับยังนั่งอยู่ในกระโจม และพูดคุยอยู่กับเหล่าทหาร

เพราะเวลาในการไปรับหลี่จื้อคือพลบค่ำ แต่ตอนนี้ยังเช้าอยู่!

ซูโย่วอี๋ต้องทำตามคำอธิบายบทบาทของฮั่วเสวียนในนิยายเพื่อหลอกตาทุกคน

เธออยากรีบจบการประชุมนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อให้ทุกคนออกไป และรอจนพลบค่ำเพื่อไปรับเขา แต่คิดไปคิดมาก็พูดขึ้น “ไม่ว่าจะอย่างไร องค์ชายหลี่จื้อก็เป็นเชื้อพระวงศ์ มาที่นี่ก็เพื่อเป็นตัวแทนของสรวงสวรรค์ ตระกูลฮั่วมีความภักดีมาหลายชั่วอายุคน หากข้ารู้ว่ามีผู้ใดดูแคลนองค์ชาย จะสั่งลงโทษด้วยกฎของกองทัพ”

พูดจบก็เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฮั่วเสวียนในตอนแรกก็ไม่ได้สนใจหลี่จื้อเช่นกัน เธอจึงยิ้มและพูดต่อ “อย่างไรก็เป็นองค์ชายจากเมืองหลวง แค่ดูแลให้ดีก็พอแล้ว”

ชุยดาบเดียวและคนอื่น ๆ ที่ได้ยินต่างหัวเราะขึ้น “น้อมรับคำสั่ง”

“พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว”

ชายอีกคนหนึ่งทำท่าเคารพ “ท่านแม่ทัพ ท่านจะออกไปรับองค์ชายเมื่อไร?”

ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้วคิดหนัก เวลาในสมัยโบราณมีการพูดยังไงกันนะ?

ในหนังสือเขียนเอาไว้ว่าพลบค่ำไปรับหลี่จื้อ งั้นประมาณบ่ายสามถึงสี่โมงจะต้องออกเดินทาง ต้องเป็นยามจื่อ*[1]? หรือยามห้าย*[2]?

ซูโย่วอี๋อยากจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมานับ แน่นอนว่าเธอไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลย

ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ “แล้วเจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

ชายหนุ่มคนนั้นเอามือลงและยืนขึ้น “หากออกเดินทางตอนยามเซิน*[3] จะถึงเมืองถั๋วยามโหย่ว*[4] พอดีขอรับ”

ซูโย่วอี๋ยิ้มขึ้น “ดี เช่นนั้นเอาตามนั้น”

กลุ่มคนถอยกลับออกไป มีเพียงซูโย่วอี๋เพียงคนเดียวที่อยู่ในกระโจม เธอยืนขึ้นราวกับว่ากำลังอยู่ในงานจัดแสดงของหายาก

หญิงสาวจับสิ่งนั้น ดูสิ่งนี้ไปทั่ว แต่ระบบก็ไม่ได้แจ้งเตือนว่าท่าทางของเธอล้มเหลว

คงขอแค่ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย เธอก็สามารถเป็นตัวของตัวเองได้

รอไปสักพักจนรู้สึกเบื่อหน่าย ซูโย่วอี๋ตะโกนขึ้น “เจ้าจิ้งจอกเน่า นายอยู่หรือเปล่า?”

[อะไร? คุณช่วยตั้งใจเล่นหน่อยได้ไหม]

ซูโย่วอี๋หัวเราะขึ้น “มีปัญหาอยากถามอะไรนิดหน่อย”

[ว่ามา!]

“ฉันอยู่ที่นี่มาทั้งวันแล้ว ในชีวิตจริงก็ผ่านไปหนึ่งวันแล้วใช่ไหม?”

[ไม่ใช่ อัตราการไหลของเวลาคือ 24:1 นั่นหมายความว่าคุณสวมบทบาทเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เวลาในชีวิตจริงเพิ่งผ่านไปแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น]

เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นเธอก็สามารถค่อย ๆ ใช้เวลาในเกมไปอย่างช้า ๆ ก็ได้สิ

แต่สุนัขจิ้งจอกเตือนขึ้น [ถ้าคุณคิดว่าเวลาของเกมช้ามากเกินไป สามารถดึงแถบล่วงหน้าได้ ลองกดฝ่ามือขวาของคุณดู]

ซูโย่วอี๋ทำตาม แถบความคืบหน้าของเวลาปรากฏขึ้นทันทีในกระโจม บนนั้นถูกกำกับด้วยเวลาหนึ่งชั่วโมง และหนึ่งวันแบ่งออกเป็น 24 ส่วน

[1] ยามจื่อ คือ 23.00-24.59 น.

[2] ยามห้าย คือ 21.00-22.59 น.

[3] ยามเซิน คือ 15.00-16.59 น.

[4] ยามโหย่ว คือ 17.00-18.59 น.