บทที่ 161 ฉันอยากตายโดยที่ได้รู้ความจริง

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 161 ฉันอยากตายโดยที่ได้รู้ความจริง

บทที่ 161 ฉันอยากตายโดยที่ได้รู้ความจริง

ถังจี้โจวดับก้นบุหรี่พลางจ้องไปที่โจวอี้และพูดว่า “เราจะล้อเล่นเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ตอนนี้เราต้องการคนที่เหมาะสมในการแสดงบทนี้”

“แต่ผมไม่คิดว่าถังหว่านจะเหมาะ” โจวอี้แสดงความคิดเห็นของเขา

“ทำไมล่ะ?”

“ผู้ชมจะไม่รู้สึกว่ามันขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของนักร้องหรือไง”

“ไม่นะ มีนักร้องหลายคนที่แสดงภาพยนตร์และละครโทรทัศน์เยอะแยะ โดยเฉพาะพวกนักร้องชื่อดังทั้งหลาย มีใครบ้างที่ไม่เคยแสดงภาพยนตร์และละครโทรทัศน์? คุณไม่ต้องคิดมาก เราใช้เธอได้!” ถังจี้โจวอธิบายและตัดสินใจได้ในที่สุด

“…” โจวอี้รู้สึกหมดหนทาง

เขาวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเมื่อเขากลับไปที่จินหลิง เขาจะพยายามเอาชนะใจถังหว่านให้ได้ด้วยระยะเวลาอันสั้น จากนั้นเมื่อสัญญาค่ายเก่าของถังหว่านสิ้นสุดลง เขาจะพยายามให้เธอเซ็นสัญญากับบริษัทบันเทิงของเขาเอง และวางตารางงานให้เธอน้อยลง เพื่อที่เธอจะได้มีเวลาให้ลูกสาวมากขึ้น

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหากถังหว่านยอมรับคำเชิญของถังจี้โจว เขาก็จะไม่มีเวลาพิชิตใจสาวงามอย่างถังหว่าน!

ไม่ได้!

ต้องหาทางทำให้เรื่องนี้ไม่สำเร็จ!

โจวอี้วางแผนอย่างเงียบ ๆ

ณ เมืองจินหลิง บริษัท Phantom Entertainment*

เพียงสองวันที่ผ่านมา ที่บริษัทแห่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างก็เป็นที่ทราบกันดี ทุกคนปฏิบัติต่อถังหว่านได้ดียิ่งขึ้น

อย่างแรก หลิวจงเฉวียนซึ่งเป็นผู้กำกับได้ออกไปพบกับจินเสี่ยว นักแต่งเพลงชื่อดังของประเทศด้วยตัวเอง เขาจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อจ้างอีกฝ่ายแต่งเพลงให้กับถังหว่าน แต่จินเสี่ยวปฏิเสธเพราะมีอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย

อย่างที่สอง ผู้จัดการส่วนตัวอย่างเฉินอ้ายหลินหยุดงานอื่น ๆ ของเธอ และร่วมมือกับถังหว่านอย่างเต็มที่เพื่อจัดทำเพลงสุดท้ายในอัลบั้มใหม่

อย่างที่สาม รายการสัมภาษณ์ที่เป็นรายการดัง ซึ่งแต่เดิมมีการเจรจาเตรียมไว้ให้กับจางเสี่ยวหมาน ทว่าเวลานี้ได้ถูกแทนที่โดยถังหว่านชั่วคราว

สามเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้ แต่ละเหตุการณ์ทำให้ผู้บริหารและพนักงานทั่วไปเข้าใจว่าบริษัทตัดสินใจที่จะดันถังหว่านอย่างจริงจัง พวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะทุ่มเททรัพยากรจำนวนมากให้กับ ถังหว่าน

ในขณะที่ถังหว่านจริงจังกับการบันทึกอัลบั้มใหม่เป็นอย่างมาก เธอใช้เวลาแทบทั้งหมดอยู่ในสตูดิโอ โดยที่เธอแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับข่าวลือมากมายในบริษัท

สำนักงานผู้อำนวยการ

จางเสี่ยวหมานแต่งตัวมาอย่างสวยงามแต่เวลานี้ใบหน้ากลับแดงก่ำ ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความโกรธ ราวกับว่าเธอต้องการเผาหลิวจงเฉวียนที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา

“ทำไม? ฉันให้บริการคุณไม่ดีพอ หรือว่านังถังหว่านก็ปีนขึ้นไปบนเตียงของคุณแล้วเหมือนกัน? โปรแกรมสัมภาษณ์นั้นเป็นของฉัน แต่ทำไมคุณถึงเอาให้เธอ!” จางเสี่ยวหมานถามด้วยความโกรธ

“นี่เป็นคำสั่งของหัวหน้าใหญ่” หลิวจงเฉวียนยิ้มอย่างขมขื่น

“นี่เป็นการรังแกกันเกินไปแล้วนะ! ฉันทำเงินให้บริษัทได้เท่าไหร่จากการทำงานหนักทุกวันตลอดหกเดือนที่ผ่านมา ฉันมีส่วนร่วมไปเท่าไหร่ ทำไมถังหว่านกลับได้ทุก ๆ อย่างของฉันไป!”

“อยากรู้จริง ๆ เหรอ?” หลิวจงเฉวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ฉันอยากรู้! ถึงฉันตาย ฉันก็อยากตายโดยที่ได้รู้ความจริง!” จางเสี่ยวหมานกระแทกตัวนั่งลงข้างหลิวจงเฉวียน เธอกอดแขนของเขาไว้และพูดอย่างขมขื่น

หลิวจงเฉวียนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบก่อนจะเริ่มต้นอธิบาย

“มีใครบางคนอยู่เบื้องหลังถังหว่าน ซึ่งน่ากลัวกว่าบอสใหญ่ของเรา เขาไม่แม้แต่จะคุยกับบอสใหญ่ แต่ให้ใครบางคนที่น่ากลัวกว่าบอสใหญ่ของเราโทรเข้ามาหาทีละคน”

“คนเหล่านั้นสามารถทำให้บริษัทของเราลำบากอย่างแสนสาหัสได้”

“คนเหล่านั้นสามารถทำให้พวกเราออกจากบริษัทได้ด้วยคำพูดเดียว”

“และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือแค่เพียงถังหว่านพูดปฏิเสธหรือฟ้องออกมาคำเดียว คุณก็จะถูกจัดการทันที!”

“เหตุผลเหล่านี้เพียงพอหรือยัง?”

ใบหน้าของจางเสี่ยวหมานซีดลง ดวงตาของเธอฉายแววไม่อยากจะเชื่อ

เวลานี้เธอเกิดความกลัวขึ้นมาแล้ว เพราะเธอรู้ว่าหลิวจงเฉวียนคงไม่ได้โกหก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในเรื่องแบบนี้

แต่

คนที่อยู่เบื้องหลังของถังหว่านคือใคร?

คนแบบไหนที่ทำให้บอสใหญ่กลัวได้?

หลิวจงเฉวียนหายใจเข้าลึก ก่อนจะส่ายหัวและพูดว่า “ผมรู้ว่าคุณโกรธและไม่อยากจะยินยอม แต่ไม่ต้องกังวล ผมจะบอกคุณอย่างหนึ่งที่มันจะช่วยปลอบใจคุณได้ แต่คุณต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจ ห้ามบอกใครเด็ดขาด”

“มันคืออะไร?”

“วัดเล็ก ๆ ไม่สามารถรองรับพระโพธิสัตว์ได้ ถังหว่านเหลือเวลาอีกราวเจ็ดเดือนก่อนที่สัญญาจะหมดลง หลังจากนั้นถังหว่านจะออกจากบริษัทนี้ คุณต้องรอ…แค่เจ็ดเดือนเท่านั้น” หลิวจงเฉวียนกล่าวอย่างจริงจัง

“จริงเหรอ?”

จางเสี่ยวหมานเพิ่งจะหมดหวังเพราะไม่มีคนหนุนหลัง เธอกลัวว่าเธอจะต้องอยู่ใต้เงาถังหว่านไปตลอดนับจากนี้

แต่ในเวลานี้เธอได้มองเห็นความหวังอีกครั้ง

เจ็ดเดือนเท่านั้น!

จะว่าสั้นก็ไม่สั้น จะว่ายาวก็ไม่ยาว

ในช่วงเจ็ดเดือนต่อจากนี้ ตราบเท่าที่เธอทำงานหนักและสั่งสมผลงานมากพอ หลังจากถังหว่านออกจากบริษัทนี้ไป เธอจะเป็นนักร้องดังคนเดียวของที่นี่ ในเวลานั้นทรัพยากรของบริษัทจะเทมาที่เธอแบบเต็ม ๆ

“ผมไม่จำเป็นต้องโกหกคุณ” หลิวจงเฉวียนกล่าว

“ได้ ฉันจะรอ!” จางเสี่ยวหมานยืนขึ้นอีกครั้งและเตรียมที่จะออกไป

“เดี๋ยว!”

หลิวจงเฉวียนพูดอย่างจริงจังว่า “หากคุณไม่ต้องการถูกบริษัทตัดออกจากแผนในอนาคต ในอีกเจ็ดเดือนหรือมากกว่านั้น ผมหวังว่าคุณจะทำดีต่อหน้าถังหว่านด้วย เพราะบอสใหญ่ต้องการพึ่งพาถังหว่านเพื่อมีส่วนร่วมกับคนที่อยู่เบื้องหลังของเธอ แน่นอนว่าหากคุณมีความสามารถ คุณลองสร้างความสัมพันธ์อันดีงามกับถังหว่านก็ได้ ตราบใดที่ถังหว่านยอมรับคุณ มันจะดีสำหรับคุณในอนาคตนะ”

ให้อ่อนน้อมกับถังหว่าน?

จางเสี่ยวหมานรู้สึกลังเล แต่หลังจากคิดอยู่สองสามนาที ในที่สุดเธอก็พยักหน้า

เธอสามารถปีนขึ้นเตียงของหลิวจงเฉวียนมาแล้วเพื่อที่จะได้โดดเด่นและมีชื่อเสียง ดังนั้นการที่จะต้องไปอ่อนน้อมต่ออดีตคู่แข่งของเธอนั้นจะไปยากเย็นอะไร?

“เข้าใจแล้ว!” จางเสี่ยวหมานตอบก่อนจะออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองอีก

เวลาสองทุ่ม

ถังหว่านยังคงบันทึกเพลงในสตูดิโอบันทึกเสียง เธอใกล้จะบันทึกเพลงสุดท้ายในอัลบั้มใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ก๊อก ก๊อก…..

ประตูห้องบันทึกเสียงถูกเคาะ และเฉินอ้ายหลินก็ยืนอยู่ที่ประตู

“พี่สาวเฉินมีอะไรเหรอคะ?” ถังหว่านถามขึ้นมาทันที

“มันอาจฟังดูเป็นเรื่องแปลก แต่ฉันคิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้” เฉินอ้ายหลินมองถังหว่านด้วยสายตาที่ซับซ้อน เพราะสายโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งได้รับนั้นพิเศษมาก

“มันคืออะไร?”

“ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากผู้กำกับถังจี้โจว เขากำลังเตรียมถ่ายทำละครเรื่องใหม่ “Crossing the Jianghu” ซึ่งตอนนี้กำลังขาดนักแสดงนำหญิงลำดับสอง คุณถังรู้สึกว่าภาพลักษณ์ของคุณเหมาะกับการแสดงในบทนั้นมาก เขาจึงถามว่าคุณพอมีเวลาว่างสำหรับการถ่ายทำละครเรื่องนี้ไหม” เฉินอ้ายหลินกล่าว

“ผู้กำกับถังจี้โจวเชิญฉันไปเล่นละครทีวีงั้นเหรอ?” ถังหว่านตกตะลึง เธอไม่เคยแสดงละครมาก่อน เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างไกลตัว

“ถูกต้อง” เฉินอ้ายหลินพยักหน้า

“แล้วข้อกำหนดคืออะไร”

“ถ้าคุณตกลง คุณต้องไปที่เมื่องภาพยนตร์ในวันพรุ่งนี้ ถ้าผ่านการแคสติ้ง การถ่ายทำจะเริ่มในวันเดียวกัน” เฉินอ้ายหลินตอบ

“…”

หมายเหตุ: ตั้งแต่บทนี้เป็นต้นไป ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อบริษัทบันเทิงที่ถังหว่านเคยทำงานอยู่เป็นชื่อ “Phantom Entertainment” ซึ่งแต่เดิมเป็นชื่อจีน จึงเปลี่ยนเป็นชื่อภาษาอังกฤษเพื่อให้อ่านและจดจำได้ง่ายขึ้น